[CR] Hokkaido in Summer 2018 ทริปฮอกไกโดฤดูร้อน (Furano/Biei/Otaru/Noboribetsu/Supporo) 4 วัน 4 คืน

สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เราเขียนรีวิวนะคะ สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่นหรือเคยไปเที่ยวแล้วแต่ไม่เคยลองไปเที่ยวหน้าร้อน อยากให้ลองเก็บไว้พิจารณากันนะคะ คุณจะได้สัมผัสกับที่สุดของความเขียวขจีของธรรมชาติ ที่ฮอกไกโด เราว่าอากาศเย็นสบาย ถึงแม้จะเป็นหน้าร้อน จะเย็นมากๆช่วงเช้ากับกลางคืน อากาศเหมือนหน้าหนาวบ้านเรา (ส่วนบ้านเค้าเรียกหน้าร้อน 555) สำหรับเราส่วนตัวแล้วประทับใจทริปนี้มาก เนื่องจากเป็นการไปเที่ยวต่างประเทศพร้อมกันครั้งแรกของครอบครัว ใครที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วเชื่อว่าจะต้องรู้สึกประทับใจในบ้านเมืองเค้าเหมือนที่เราคิดแน่นอน เป็นประเทศที่เราคิดว่าเที่ยวแค่ครั้งเดียวไม่พอจริงๆ และแต่ละฤดูกาลก็สวยงามแตกต่างกันไป อยากให้ลองมาสัมผัสกันค่ะ

เราไปเที่ยว Hokkaido ช่วงวันที่ 23-27 กรกฏาคม ที่ผ่านมาค่ะ โดยเริ่มเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงที่สนามบิน New Chitose โดยสายการบิน Thai Airways เป็นสายการบินที่บินตรง ไม่ต้องต่อเครื่องค่ะ เที่ยวบินที่เราไปคือ TG670 ออกเดินทาง 23:45 น. ถึงสนามบิน New Chitose ประมาณ 8:30 น.

เมื่อถึงสนามบินแล้ว จะมีรถบัสไปส่งที่ศูนย์ Toyota Rent Car (เนื่องจากเป็นทริปครอบครัว เราเลยตัดสินใจเช่ารถกัน สำหรับใครที่อยากลองชิล สัมผัสวิวสวยๆในญี่ปุ่น สามารถจองรถเช่าผ่านเว็บได้เลยค่ะ) ซึ่งคุณลุงคนขับรถบัสเค้าจะมีใบรายชื่อคนที่จองรถเช่าไว้ เราก็ไป Check ชื่อกับเค้าก่อนขึ้นรถ ถึงแม้เค้าจะสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่เค้าก็พยายามช่วยเหลือเราเต็มที่ค่ะ พอไปถึงศูนย์ คุณลุงเค้าก็จะบอกหมายเลขคิวของเรา ตอนแรกเราก็งงๆกัน ไม่คิดว่าเป็นหมายเลขคิว เพราะหมายเลขที่แสดงบนจอของแต่ละเคาน์เตอร์นั้นไม่เรียงเลข พอถึงหมายเลขเรา ก็เตรียมตัวยื่น Booking, Passport และก็ใบขับขี่เรา ให้พนักงาน จากนั้นเค้าจะพาเราไปที่รถ ตอนแรกรถที่เราได้มีปัญหา กระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถไม่พอ เค้าเลยเปลี่ยนคันใหม่ให้ พอได้คันใหม่แล้ว ก็เริ่มออกเดินทางกัน รถญี่ปุ่นจะมี GPS ในรถ สามารถกรอกสถานที่ หรือ Map code ได้เลย เรามีหน้าที่ขับตาม GPS แค่นั้นค่ะ


วันที่ 1
สนามบิน New Chitose

รถเช่าคันใหม่

วิวสวยๆ ขณะขับรถ





ที่แรกที่เราไปเที่ยวกันก็คือ Tomita Farm ที่ Furano ค่ะ เดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ จากศูนย์เช่ารถ เป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ดอกลาเวนเดอร์กำลังออกดอกเลยค่ะ สวยมากๆ ค่าเข้าชมฟรีค่ะ คนเยอะมากเลย แม้ว่าจะเป็นวันจันทร์  







ของขึ้นชื่อที่พลาดไม่ได้เลย "Soft Serve Ice Cream (Lavender)" อร่อยมาก แบบโคน ราคา 300 เยน เนื้อเนียน หอมกลิ่นลาเวนเดอร์สุดๆ

ต่อกันด้วย "Croquette Burger" ราคา 400 เยน Croquette กรอบนอกนุ่มใน ส่วนผสมหลักๆจะเป็นมันฝรั่งบด

"Cut Melon" 2 ชิ้น ราคา 450 เยน หวานหอม อร่อย

"Melon Cream buns" ราคา 260 เยน อันนี้ก็อร่อยมากๆ

หลังจากไป Tomita Farm กันแล้ว ก็เดินทางต่อไปที่ Shirogane Blue Pond หรือที่รู้จักกันว่า บ่อน้ำสีฟ้า ที่ Biei มีต้นสนคะระมะสึกับต้นชิระกะบะ ยืนต้นตายในบ่อ น้ำสีฟ้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดเพราะความบังเอิญจากการสร้างเขื่อนกั้นโคลนภูเขาไฟจากยอดเขาโทะกะชิ (ข้อมูลจากหนังสือ ฮอกไกโด คู่มือเที่ยวตามใจชอบ) ซึ่งน้ำในบ่อจะไหลไปรวมกับแม่น้ำ Biei สายหลัก เป็นสีฟ้าเหมือนกันด้วย สวยมากจริงๆ


หลังจากนั้นเราก็กลับที่พักกัน วันนี้พักกันที่ Court Hotel Asahikawa ห้องที่เราพักเป็นห้องใหญ่ นอนได้ 5 คน มีเตียงใหญ่ 2 เตียง ที่นอนฟูกอีก 3 ห้องน้ำมีห้องเดียว โรงแรมมีความโบราณอยู่หน่อยๆ ลูกกุญแจทรงแปลกมาก ไขกว่าจะออก





หลังจากนั้นก็ไปกินชาบูชาบูกันที่ JRINN ค่ะ



ชุดชาบูชาบูที่เราสั่งเป็น Japanese Beef หัวละประมาณ 2,999 เยน สั่งได้เรื่อยๆ เหมือนบุฟเฟ่ต์ จริงๆมีแบบหัวละ 1,999 เยนด้วย แต่จะเป็นเนื้อ US, ออสเตรเลีย ประมาณนี้ มีน้ำซุปให้เลือก 2 อย่าง เราเลือกแบบสุกี้ยากี้กับแบบ Limited ของร้าน เป็นซุปปลาอะไรซักอย่าง เราก็จำไม่ได้ นอกจากนี้ก็มีผัก เส้นราเม็ง เส้นอุด้ง เดินไปตักเองได้เลย น้ำก็ Refill ไปกดเองเช่นกัน ของหวานเป็น Ice Cream แบบซอฟต์ครีม รวมๆแล้ว เราถือว่าอร่อยตามสไตล์ญี่ปุ่น มีอย่างนึงที่เราไม่รู้ว่าคืออะไร มันรสชาติคล้ายน้ำพริกตาแดงบ้านเราเลยอ่ะ แต่เค็มกว่าและก็เผ็ดน้อยกว่าพอใส่กินกับชาบูแล้วอร่อยดี
ชื่อสินค้า:   ฮอกไกโด (Hokkaido)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่