รีวิวลูกติดมือถือ กัดเพื่อน ถึงขั้นออทิสติกเทียม สุดท้ายหายเพราะเล่นดนตรี!!

ก่อนอื่นแนะนำตัวก่อนนะคะ นี่เป็นกระทู้รีวิวแรกของเรา ไม่เคยเขียนรีวิวอะไรมาก่อนอาจผิดพลาดไปบ้างต้องขอโทษไว้ล่วงหน้านะคะ
อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงและขอข้อมูลจากเพื่อนๆที่มีลูกวัยเดียวกันค่ะ

เราเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ทำงานขายของออนไลน์ไปด้วย อยู่ที่ชลบุรี (ศรีราชา) ค่ะ
เรามีลูกชายคนเดียวอายุ 3 ขวบกว่าๆจะเข้า 4 ขวบ  ซนมากกกกกก เหมือนเป็นลูกคนเดียวเลยต้องการให้เราเป็นเพื่อนเล่นตลอดเวลา  ซึ่งเราก็ไม่ได้ว่างเล่นเท่าไหร่เพราะถึงจะทำงานอยู่บ้านแต่ก็ต้องสิงอยู่หน้าจอ คอยพิมพ์ตอบลูกค้าตลอดเวลาตามสไตล์แม่ค้าออนไลน์

เราให้ลูกชายดู Youtube ครั้งแรกตอนขวบกว่าๆค่ะ  คิดว่าจะให้ดูเฉพาะที่เป็นคลิปความรู้ พวก เพลง ABC กขค. ไม่ก็เกมส์การศึกษาเท่านั้น เพราะก็ศึกษามาบ้างตามเพจบรรดาหมอๆว่าดูการ์ตูน ทีวี หรือภาพอะไรตัดเร็วๆจะไม่ดีกับเด็ก

หลังจากนั้นประมาณ 1 ปี ซัก 2 ขวบกว่าๆ ปรากฎว่า.... ลูกดูเป็นเด็กฉลาดหง่ะ 555555 ไม่ได้มีแนวโน้มว่าจะสมาธิสั้นหรือก้าวร้าวอะไรเหมือนที่ตามเพจชอบขู่กันซักนิด  แถมยังฟังภาษาอังกฤษได้ดีขึ้นด้วย (บางทีถึงกับพูดออกมาเป็นประโยคๆซึ่งเราไม่ได้สอนเลย)
เราก็รู้สึก เฮ้ย...โอเคนินา
เราจึงตัดสินใจซื้อแท็ปเล็ตให้ลูก เพราะทนไม่ไหวที่ต้องแย่งมือถือกับลูกอีกต่อไป ทำงานไม่ได้เลย  
นี่อาจจะเป็นความพลาดของเราเอง เพราะหลังจากนั้น ลูกติดมันมากกกก  
กลายเป็นเด็ก2ขวบที่เข้า Youtube เองได้ หาการ์ตูนดูเองเป็นด้วยคำสั่งเสียง  โหลดเกมส์เองก็ได้อีก...
ความเห็นแก่ตัวลึกๆ ของแม่คือ ลูกดูแท็ปเล็ตแล้วเลี้ยงง่ายขึ้นมาก นิ่ง ไม่กวนเราเลย เราก็ทำงานได้ ก็เลยปล่อยให้ดูเปป้าพิกตลอด

แต่พอเข้า 3 ขวบมา เราเริ่มสังเกตว่า ลูกเริ่มขี้โมโห(เหมือนแม่รึเปล่าไม่รู้) บางทีก็พูดติดอ่าง ปาของบ่อยเวลาไม่พอใจอะไร บางครั้งมีพูดคำหยาบด้วย(ที่บ้านไม่มีใครพูดเลย)
ครูที่โรงเรียนก็บอกว่า น้องจดจ่อไม่ได้ เช่น เวลาให้ระบายสีก็จะระบายได้ไม่กี่นาทีก็เบื่อ ไม่เหมือนเด็กคนอื่นๆในวัยนี้ที่ทำจนเสร็จได้
ที่หนักที่สุดที่เราคิดว่าต้องพาลูกไปหาหมอแล้วคือลูกไปกัดเพื่อน และชอบแอบหยิกเพื่อนใต้โต๊ะ
เราเลยตัดสินใจพาลูกไปหาคุณหมอจิตเวชเด็กที่ รพ.คิดว่าดีที่สุดในศรีราชาแล้ว (ตัวย่อ ส.)
ปรากฏว่า ใช่เลย เป็นสมาธิสั้น ที่ยิ่งกว่านั้นคืออาจจะเป็น “ออทิสติกเทียม” อีกด้วย..เครียดเลยค่ะ เครียดมากๆๆๆ ปรึกษาใครก็ไม่ได้ เพราะเลี้ยงอยู่คนเดียว
คุณหมอบอกให้ทานยาควบคู่กับมาบำบัดที่รพ.สัปดาห์ละ1ครั้ง (ครั้งนึงก็ประมาณ1พัน+ เหอะๆๆๆ) แถมเวลากินยาก็จะนิ่งแบบเงียบๆซึมๆอ่ะ สงสารลูกมาก จนบางทีต้องแอบไปร้องไห้ไม่ให้ลูกเห็น

สุดท้ายเราตัดสินใจไปปรึกษาบรรดาสมาคมแม่ๆ ที่นั่งเฝ้าลูกอยู่ที่โรงเรียน (ซึ่งบางคนก็โกรธเราไปเลยเพราะลูกเราไปกัดลูกเค้า)
แม่บางคนแนะนำให้ไปเรียน “ปั้นดินเบาเกาหลี” ว่าจะช่วยได้เยอะ เราก็พาไปสถาบันที่คิดว่าดังที่สุด(ตัวย่อ C.) แต่ก็เหมือนไม่ได้ผลเพราะเรียนกลุ่มใหญ่ครูก็เยอะ เด็กก็เยอะ ครูหันไปพูดกับคนนั้นทีคนนี้ที เด็กถามก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง(เพราะคนเยอะ) ดูแล้วจะทำให้สมาธิสั้นกว่าเดิมมากกว่า - -“

เราก็เลยลองไปหาข้อมูลใน Google ก็ไปเจอโรงเรียนสอนดนตรีเด็กเล็กแห่งหนึ่งบนอิออนแม็กแวลูใกล้ๆโรงเรียนลูกชายเลย (ขอไม่บอกชื่อนะคะ ใครสนใจหลังไมค์มาดีกว่าค่ะ เดี๊ยวจะโดนหาว่าอวย) ตัดสินใจพาลูกไปทดลองเรียนฟรีเลยค่ะ
วันนั้นโชคดีที่ไปเจอเจ้าของโรงเรียนอยู่พอดี เค้าทำให้เราเซอร์ไพรส์มากๆ จนตัดสินใจมาทำกระทู้รีวิวนี้เลยก็ว่าได้
เดี๋ยวจะมาเล่าต่อนะคะ พิมพ์มายาวมากไม่รู้จะมีใครอ่านมั๊ย 5555 ระหว่างนี้ถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนมีวิธีรับมือกับปัญหาลูกติดมือถือ/แท็บเล็ต ลองมาแชร์มาเม้าท์กันนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่