Mission: Impossible - Fallout ซึ่งเป็นหนังภาคที่ 6 ในบรรดาหนัง Mission: Impossible ที่มี ทอม ครูซ แสดงนำ และก็กลายมาเป็นหนังมิชชันที่สนุกน้อยที่สุดในบรรดาหนังมิชชันทั้ง 6 ภาค ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความบันเทิง ฉากแอคชันที่ดูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อเรื่อง แม้ภาพแอคชันจะดูสวยงามใหญ่โต แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรให้คนดูลุ้นตามไปด้วย เรื่องราวการวางแผนหักเหลี่ยมตามแบบฉบับหนังสายลับ ที่ดูมึนงง สับสนมากกว่าจะดูฉลาดซ่อนเงื่อน เรื่องราวความรักโรแมนติกที่ถูกนำมาใส่อย่างไม่ถูกที่ถูกทาง จนกลายเป็นส่วนเกินของหนัง และเทคนิคการเล่าเรื่องที่ดูแบนราบแทบไม่ต่างอะไรจากละครซิทคอม จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหนังทุนสร้างระดับร้อยล้านดอลลาร์
มาว่ากันที่ฉากแอคชันก่อนละกัน ที่แม้จะมีฉากแอคชันมากมาย ดูน่าตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งเรื่อง แต่น่าเสียดายที่ฉากแอคชันเหล่านั้น ไม่สามารถทำให้คนดูลุ้นตามไปได้ เพราะเหมือนเป็นฉากแอคชันที่ใส่เข้ามาอย่างไม่มีที่มาที่ไป ไร้ความหมาย เหมือนเป็นแค่การโชว์กายกรรม หรือการเล่นสนุกของ ทอม ครูซ มากกว่า เช่นฉากขี่มอเตอร์ไซ หนีตำรวจในกรุงปารีส ก็แค่เป็นฉากที่ให้ทอม ครูซ ได้ขี่มอเตอร์ไซโชว์ หรือฉากไล่ล่ากันด้วยเฮลิคอปเตอร์ ก็แค่โชว์ว่า ทอม ครูซ ขับเฮลิคอปเตอร์ได้ หรืออย่างฉากกระโดดร่ม ก็แค่ฉากล้างผลาญงบถ่ายหนังที่ไม่มีความจำเป้นหรือว่าทำให้หนังดูน่าตื่นเต้นขึ้นมาเลยสักนิด คือมันเป็นฉากแอคชันที่มีภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจนะ แต่มันไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเลย เพราะมันไม่มีเรื่องราวให้ลุ้นในฉากแอคชันนั้นๆ
มาต่อกันที่แผนการในหนังซึ่งก็เป็นอีกจุดสำคัญของหนังสายลับ ที่จะต้องมีการวางแผน หักเหลี่ยม ซ่อนเงื่อน มีชั้นเชิง ก็จะเห็นความพยายามอยู่ว่าหนังเรื่องนี้พยายามที่จะวางแผนให้มันดูซับซ้อนเยอะๆ แต่เอาเข้าจริงๆ เทคนิคการเล่าเรื่องคงยังไม่ดีพอ พยายามเล่าเรื่องที่ยากเกินกว่าฝีมือตัวเอง ความซับซ้อนที่มี มันเลยกลายเป็นความสับสน ไม่สามารถทำให้คนดูสนใจได้ว่าใครกำลังทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ความผิดพลาดนี้มารวมกับฉากแอคชันที่ผิดพลาด ทำให้ Mission: Impossible - Fallout กลายเป็นหนังแอคชันสายลับที่น่าเบื่ออย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนี้แล้ว Mission: Impossible - Fallout ยังเอาฉากลายเซ็น จุดขาย ของหนังมิชชันออกไปเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฉากโรยตัวจากที่สูง ที่มีอยู่ในทุกภาค หรือดนตรีประกอบ Theme มิชชันที่ทุกคนคุ้นหู ก็เอาออกไปด้วย มีใช้แค่นิดเดียว แถมเอาไปดัดแปลงจนความสนุกของดนตรีประกอบหายไปหมด คือถ้ามีอะไรแบบนี้เข้ามาอยู่ในหนังเหมือนเดิม มันคงจะทำให้หนังพอดูสนุกขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่คนดูอยากดู อยากฟัง แต่นี่เอาออกหมด คือไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าหนังภาคนี้จะสนุกโดยไม่ต้องพึ่งพิงสิ่งเหล่านี้
ทั้งหมดนี้ยังไม่พอ หนังยังเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เข้าข่ายสอบตกตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความรักโรแมนติกที่ถูกใส่เข้ามา ที่ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกซึ้งอะไรขึ้นมา มีแต่จะทำให้หนังยิ่งยืดยาว น่าเบื่อมากขึ้น มุกตลกที่พอตลกแค่หัวเราะแหะๆ หรือการแสดง หรือการเล่าเรื่องที่เน้นการพูดเยอะเกินไป คือใครรู้สึกอะไรยังไงก็ยัดบทใส่ปากตัวละครให้พูดๆออกมา ซึ่งเป็นความห่วยอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นในหนังฮอลลีวู้ดเท่าไร
ยังไงก็ตาม ถึง Mission: Imposslble - Fallout จะเต็มไปด้วยความผิดพลาด และกลายเป็นหนังที่สนุกน้อยที่สุดในบรรดาหนังมิชชันทั้ง 6 ภาคที่สร้างมา แต่ยังไงด้วยทุนสร้างมหาศาล ฉากแอคชันใหญ่โต ถ้าไปดูแบบไม่คิดอะไรมาก ดูไป กินขนมไป ก็ถือว่าเป็นหนังที่พอดูสนุกๆฆ่าเวลาได้นะ
2 ดาวครึ่ง
สารวัตรโรงหนังไปดูมาแล้ว Mission: Impossible - Fallout มิชชันที่ล้มเหลวที่สุดตั้งแต่ภาคแรก (ไม่มี Spoil)
มาว่ากันที่ฉากแอคชันก่อนละกัน ที่แม้จะมีฉากแอคชันมากมาย ดูน่าตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งเรื่อง แต่น่าเสียดายที่ฉากแอคชันเหล่านั้น ไม่สามารถทำให้คนดูลุ้นตามไปได้ เพราะเหมือนเป็นฉากแอคชันที่ใส่เข้ามาอย่างไม่มีที่มาที่ไป ไร้ความหมาย เหมือนเป็นแค่การโชว์กายกรรม หรือการเล่นสนุกของ ทอม ครูซ มากกว่า เช่นฉากขี่มอเตอร์ไซ หนีตำรวจในกรุงปารีส ก็แค่เป็นฉากที่ให้ทอม ครูซ ได้ขี่มอเตอร์ไซโชว์ หรือฉากไล่ล่ากันด้วยเฮลิคอปเตอร์ ก็แค่โชว์ว่า ทอม ครูซ ขับเฮลิคอปเตอร์ได้ หรืออย่างฉากกระโดดร่ม ก็แค่ฉากล้างผลาญงบถ่ายหนังที่ไม่มีความจำเป้นหรือว่าทำให้หนังดูน่าตื่นเต้นขึ้นมาเลยสักนิด คือมันเป็นฉากแอคชันที่มีภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจนะ แต่มันไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเลย เพราะมันไม่มีเรื่องราวให้ลุ้นในฉากแอคชันนั้นๆ
มาต่อกันที่แผนการในหนังซึ่งก็เป็นอีกจุดสำคัญของหนังสายลับ ที่จะต้องมีการวางแผน หักเหลี่ยม ซ่อนเงื่อน มีชั้นเชิง ก็จะเห็นความพยายามอยู่ว่าหนังเรื่องนี้พยายามที่จะวางแผนให้มันดูซับซ้อนเยอะๆ แต่เอาเข้าจริงๆ เทคนิคการเล่าเรื่องคงยังไม่ดีพอ พยายามเล่าเรื่องที่ยากเกินกว่าฝีมือตัวเอง ความซับซ้อนที่มี มันเลยกลายเป็นความสับสน ไม่สามารถทำให้คนดูสนใจได้ว่าใครกำลังทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ความผิดพลาดนี้มารวมกับฉากแอคชันที่ผิดพลาด ทำให้ Mission: Impossible - Fallout กลายเป็นหนังแอคชันสายลับที่น่าเบื่ออย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากนี้แล้ว Mission: Impossible - Fallout ยังเอาฉากลายเซ็น จุดขาย ของหนังมิชชันออกไปเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นฉากโรยตัวจากที่สูง ที่มีอยู่ในทุกภาค หรือดนตรีประกอบ Theme มิชชันที่ทุกคนคุ้นหู ก็เอาออกไปด้วย มีใช้แค่นิดเดียว แถมเอาไปดัดแปลงจนความสนุกของดนตรีประกอบหายไปหมด คือถ้ามีอะไรแบบนี้เข้ามาอยู่ในหนังเหมือนเดิม มันคงจะทำให้หนังพอดูสนุกขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่คนดูอยากดู อยากฟัง แต่นี่เอาออกหมด คือไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าหนังภาคนี้จะสนุกโดยไม่ต้องพึ่งพิงสิ่งเหล่านี้
ทั้งหมดนี้ยังไม่พอ หนังยังเต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่เข้าข่ายสอบตกตลอดทั้งเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความรักโรแมนติกที่ถูกใส่เข้ามา ที่ไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกซึ้งอะไรขึ้นมา มีแต่จะทำให้หนังยิ่งยืดยาว น่าเบื่อมากขึ้น มุกตลกที่พอตลกแค่หัวเราะแหะๆ หรือการแสดง หรือการเล่าเรื่องที่เน้นการพูดเยอะเกินไป คือใครรู้สึกอะไรยังไงก็ยัดบทใส่ปากตัวละครให้พูดๆออกมา ซึ่งเป็นความห่วยอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นในหนังฮอลลีวู้ดเท่าไร
ยังไงก็ตาม ถึง Mission: Imposslble - Fallout จะเต็มไปด้วยความผิดพลาด และกลายเป็นหนังที่สนุกน้อยที่สุดในบรรดาหนังมิชชันทั้ง 6 ภาคที่สร้างมา แต่ยังไงด้วยทุนสร้างมหาศาล ฉากแอคชันใหญ่โต ถ้าไปดูแบบไม่คิดอะไรมาก ดูไป กินขนมไป ก็ถือว่าเป็นหนังที่พอดูสนุกๆฆ่าเวลาได้นะ
2 ดาวครึ่ง