เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเฮฟวี่ เมทัลของ ลิเวอร์พูล โจมตี เซร์คิโอ รามอส ใช้วิชามวยปล้ำอันโหดเหี้ยมในนัดชิงจ้าวยุโรป
รวมถึงยอมรับว่าไม่ชอบการพูด ของปราการหลังกัปตัน เรอัล มาดริด รายนี้
ในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก 2017/18 ที่ 'หงส์แดง' พ่ายต่อ 'ราชันชุดขาว' ไป 1-3
รามอส ปะทะกับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ส่งผลให้ฝ่ายหลังเจ็บไหล่ถูกเปลี่ยนตัวออก
ล่าสุด คล็อปป์ ตอบคำถามเกี่ยวกับจังหวะระหว่าง รามอส กับ ซาล่าห์ ครั้งนั้น
"แน่นอนผมได้ดูภาพย้อนหลังแล้ว มีคนเปิดให้ผมดูทันทีหลังจบเกม"
"ถ้าคุณไม่ได้เชียร์เรอัล มาดริดแล้วย้อนกลับไปดู
คุณย่อมคิดแหละว่ามันทั้งโหดร้ายและไร้ความปราณี คุณคงไม่คิดหรอกนะว่า 'ว้าว เข้าปะทะได้ดี' "
"มันเป็นจังหวะในเกมซึ่งโม ซาล่าห์พยายามครองบอล, พาขึ้นไป 2-3 หลา และเร่งเกม"
"ประเด็นคือผมเห็นผู้ตัดสิน (มิโลรัด มาซิช) ได้เป่านัดใหญ่ๆในบอลโลกหลังจากนั้น
และไม่มีใครคิดถึงเรื่องนี้เลยในเวลาต่อมา ผมว่าจังหวะแบบนั้นใครสักคนควรต้องตัดสินให้ดีกว่านี้
ถ้ามี VAR มันคงเป็นจังหวะที่ต้องดูย้อนหลังแล้วอุทาน 'อะไรกันนี่' คือมันโหดเหี้ยม"
"ผมไม่คิดว่าโมจะเจ็บในจังหวะแบบนั้นไปซะทุกครั้งหรอก อันนี้คือโชคไม่ดี
แต่มันคือประสบการณ์ที่เราไม่อาจมีได้ ผมไม่รู้เราจะเจออะไรแบบนั้นอีกไหม
แบบลงไปชักศอกโกล จับดาวซัลโวอีกฝ่ายทุ่มอย่างกับมวยปล้ำตรงกลางสนามแล้วจากนั้นก็ชนะ"
"เรื่องของเกมนั้นมันก็เป็นเช่นนี้แล"
ช่วงหลังจบเกมนั้นใหม่ๆมีประเด็นดราม่ามากมายหนึ่งในนั้นคือ รามอส ให้ความเห็นว่า ซาล่าห์ อาจเล่นต่อได้หากฉีดยาระงับปวด
ตัดกลับมาที่ 'JK' กล่าวอีกว่า "รามอสพูดหลายอย่างแล้วที่ผมไม่ชอบ
ในฐานะคนๆนึงผมไม่ชอบการตอบรับของเขา เขาแบบ 'เอาเหอะ พวกนั้นต้องการอะไรอีกล่ะ ก็มันเรื่องปกติ' ปกติที่ไหนกันเล่า"
"ลองเอาจังหวะทั้งหมดของรามอสมารวมกันสิ แล้วผมดูบอลมาตั้งแต่ 5 ขวบ คุณจะเจอเหตุการณ์กับรามอสเยอะแยะเลย"
"อย่างนัดชิงปีก่อนที่เจอกับจูฟเขามีส่วนให้กัวดราโด้โดนใบแดง เขาโดนแค่นิ้วจิ้มแล้วก็เล่นใหญ่ หลังจากนั้นไม่เห็นมีใครพูดถึง"
"มันเหมือนคนเรา เหมือนโลกภายนอก ยอมรับได้เรื่องที่ติดดาบเพื่อเอาชนะ คนอาจคิดไปว่าผมก็คงเป็นเหมือนกัน แต่ผมไม่ใช่"
"เราเป็นแชมป์แฟร์เพลย์มา 2 ปีติด มันไม่ใช่เป้าหมายของเราก่อนเริ่มซีซั่นนะ
เราไมได้คิดว่า 'มาเล่นสวยงามแล้วเอาชนะกันเถอะ' เราดุดันก็จริง แต่ก็ 'อยู่ในกฎ' เสมอ ผมขอใช้คำนี้"
"ปกติในสนามถ้าคุณทำอะไรเข้าก็ต้องถูกลงโทษ เดี๋ยวก็มีคนเห็นและแบนคุณ 4-5 สัปดาห์ แต่ในกรณีนี้ไม่มีเลย"
ที่มา soccersuck
คล็อปร่ายยาว หลังจากเมื่อวานนักข่าวสะกิดถามเรื่องรามอส อีกครั้ง
เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเฮฟวี่ เมทัลของ ลิเวอร์พูล โจมตี เซร์คิโอ รามอส ใช้วิชามวยปล้ำอันโหดเหี้ยมในนัดชิงจ้าวยุโรป
รวมถึงยอมรับว่าไม่ชอบการพูด ของปราการหลังกัปตัน เรอัล มาดริด รายนี้
ในนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก 2017/18 ที่ 'หงส์แดง' พ่ายต่อ 'ราชันชุดขาว' ไป 1-3
รามอส ปะทะกับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ส่งผลให้ฝ่ายหลังเจ็บไหล่ถูกเปลี่ยนตัวออก
ล่าสุด คล็อปป์ ตอบคำถามเกี่ยวกับจังหวะระหว่าง รามอส กับ ซาล่าห์ ครั้งนั้น
"แน่นอนผมได้ดูภาพย้อนหลังแล้ว มีคนเปิดให้ผมดูทันทีหลังจบเกม"
"ถ้าคุณไม่ได้เชียร์เรอัล มาดริดแล้วย้อนกลับไปดู
คุณย่อมคิดแหละว่ามันทั้งโหดร้ายและไร้ความปราณี คุณคงไม่คิดหรอกนะว่า 'ว้าว เข้าปะทะได้ดี' "
"มันเป็นจังหวะในเกมซึ่งโม ซาล่าห์พยายามครองบอล, พาขึ้นไป 2-3 หลา และเร่งเกม"
"ประเด็นคือผมเห็นผู้ตัดสิน (มิโลรัด มาซิช) ได้เป่านัดใหญ่ๆในบอลโลกหลังจากนั้น
และไม่มีใครคิดถึงเรื่องนี้เลยในเวลาต่อมา ผมว่าจังหวะแบบนั้นใครสักคนควรต้องตัดสินให้ดีกว่านี้
ถ้ามี VAR มันคงเป็นจังหวะที่ต้องดูย้อนหลังแล้วอุทาน 'อะไรกันนี่' คือมันโหดเหี้ยม"
"ผมไม่คิดว่าโมจะเจ็บในจังหวะแบบนั้นไปซะทุกครั้งหรอก อันนี้คือโชคไม่ดี
แต่มันคือประสบการณ์ที่เราไม่อาจมีได้ ผมไม่รู้เราจะเจออะไรแบบนั้นอีกไหม
แบบลงไปชักศอกโกล จับดาวซัลโวอีกฝ่ายทุ่มอย่างกับมวยปล้ำตรงกลางสนามแล้วจากนั้นก็ชนะ"
"เรื่องของเกมนั้นมันก็เป็นเช่นนี้แล"
ช่วงหลังจบเกมนั้นใหม่ๆมีประเด็นดราม่ามากมายหนึ่งในนั้นคือ รามอส ให้ความเห็นว่า ซาล่าห์ อาจเล่นต่อได้หากฉีดยาระงับปวด
ตัดกลับมาที่ 'JK' กล่าวอีกว่า "รามอสพูดหลายอย่างแล้วที่ผมไม่ชอบ
ในฐานะคนๆนึงผมไม่ชอบการตอบรับของเขา เขาแบบ 'เอาเหอะ พวกนั้นต้องการอะไรอีกล่ะ ก็มันเรื่องปกติ' ปกติที่ไหนกันเล่า"
"ลองเอาจังหวะทั้งหมดของรามอสมารวมกันสิ แล้วผมดูบอลมาตั้งแต่ 5 ขวบ คุณจะเจอเหตุการณ์กับรามอสเยอะแยะเลย"
"อย่างนัดชิงปีก่อนที่เจอกับจูฟเขามีส่วนให้กัวดราโด้โดนใบแดง เขาโดนแค่นิ้วจิ้มแล้วก็เล่นใหญ่ หลังจากนั้นไม่เห็นมีใครพูดถึง"
"มันเหมือนคนเรา เหมือนโลกภายนอก ยอมรับได้เรื่องที่ติดดาบเพื่อเอาชนะ คนอาจคิดไปว่าผมก็คงเป็นเหมือนกัน แต่ผมไม่ใช่"
"เราเป็นแชมป์แฟร์เพลย์มา 2 ปีติด มันไม่ใช่เป้าหมายของเราก่อนเริ่มซีซั่นนะ
เราไมได้คิดว่า 'มาเล่นสวยงามแล้วเอาชนะกันเถอะ' เราดุดันก็จริง แต่ก็ 'อยู่ในกฎ' เสมอ ผมขอใช้คำนี้"
"ปกติในสนามถ้าคุณทำอะไรเข้าก็ต้องถูกลงโทษ เดี๋ยวก็มีคนเห็นและแบนคุณ 4-5 สัปดาห์ แต่ในกรณีนี้ไม่มีเลย"
ที่มา soccersuck