สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 14
คือ ทุกคนเหมือนลืม เรื่องความแตกต่าง ระหว่าง SS นี้ กับ SS ก่อน ๆ ไปแล้ว
SS นี้ คือผสม เกาหลี-ญี่ปุ่น นะครับ มันมีสิ่งที่แตกต่างจาก SS ก่อนหลายเรื่องมาก
1. ทักษะ : ไม่ได้ว่าฝั่งไหนดีกว่ากัน แต่มันต่างกันแน่นอน ระหว่างเด็ก เกาหลีและญี่ปุ่น
2. เวลาซ้อม : ผมให้หารครึ่งจาก SS ก่อนเลย เพราะ เด็กญี่ปุ่นต้องบินกลับไปเกาะ แล้วยังต้องออกงานปกติ เค้าก็ต้องมีซ้อมการแสดงของฝั่งเค้าเองแล้วยังต้องซ้อมโจทย์ในรายการอีก
3. ภาษา : เด็กญี่ปุ่น ที่ต้องร้องภาษาเกาหลีให้ได้ภายในระยะเวลาที่จำกัด การจะให้เข้าใจหรืออินให้ได้นี่มันไม่ง่ายเลย
4.การรวมตัว : ส่วนสำคัญที่สุดของโชว์ คือการซ้อมร่วมกัน เด็กเกาถึงจะได้ซ้อมมากกว่า แต่ก็ต้องรอเวลาซ้อมร่วมกันกับเด็กญี่ปุ่น สภาพคือต้องทำในส่วนของตัวเองแล้ว ก็คอยเพื่อจะประกอบร่างกับเด็กญี่ปุ่น ให้มันได้รูปร่างที่สมบูรณ์ขึ้นมา ซึ่งจาก ข้อ 1-3 แล้ว คือเป็นอะไรที่ยากจัดเลย
ให้ลองนึกภาพดูว่า มีอาจาร์ยคนนึง สั่งงานกลุ่มนักเรียนให้ไปทำโครงงานมาแล้วพรีเซ็นหน้าชั้น
กลุ่มแรกเพื่อนคนนึงบ้านอยู่ใกล้โรงเรียน ก็อ่านหนังสือหาข้อมูลทำงานไป แต่เพื่อนที่เหลือในกลุ่ม บ้านอยู่ไกล ต้องช่วยงานที่บ้าน แถมต้องเรียนพิเศษอีก กว่าจะนัดมาติวกันได้ ก็ได้แค่ครั้ง 2 ครั้ง ถึงต่างคนจะทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองมาอย่างดีก็เถอะ แต่ยังไงมันก็ต้องมีการซักซ้อมกันเพื่อความพร้อม ความเข้าใจ
ส่วนเด็กอีกกลุ่ม อยู่หอด้วยกันหมด จะเรียกมาติวมาประชุมเมื่อไรก็ได้ อย่างเงี้ย ถามว่า สุดท้ายคิดว่ากลุ่มไหน มันจะทำงานได้ดีกว่ากัน
ใด ๆ เหล่านี้มันทำให้ทีม เข้าใกล้คำว่า Perfect ได้ยากยิ่ง ผมก็เข้าใจนะ ในอารมณ์ของคนดู เพราะเทียบแล้วโชว์ SS ก่อน มันโอเคกว่าจริง ๆ แต่คนดู ก็ต้องรู้ถึงข้อจำกัดเหล่านี้ด้วยเหมือนกัน
อีกเรื่องที่ทำให้โชว์มันกร่อย ๆ คือ การเลือกเพลงของรายการ โดยเฉพาะรอบโพซิชั่น ข้องใจสุดคือ ตูดู คือ Mnet คิดอะไร เห็นว่าเพลงมันมีแร็ป ก็ใส่มางี้หรอ แต่ท่อนร้องมันไม่ได้โชว์อะไรเลยนะเพลงนี้ แล้วเจือกทำเป็น ร็อค อีกต่างหาก จะทำแบบ Playing With Fire ตอน SS2 หรอหรือยังไง??
SS นี้ คือผสม เกาหลี-ญี่ปุ่น นะครับ มันมีสิ่งที่แตกต่างจาก SS ก่อนหลายเรื่องมาก
1. ทักษะ : ไม่ได้ว่าฝั่งไหนดีกว่ากัน แต่มันต่างกันแน่นอน ระหว่างเด็ก เกาหลีและญี่ปุ่น
2. เวลาซ้อม : ผมให้หารครึ่งจาก SS ก่อนเลย เพราะ เด็กญี่ปุ่นต้องบินกลับไปเกาะ แล้วยังต้องออกงานปกติ เค้าก็ต้องมีซ้อมการแสดงของฝั่งเค้าเองแล้วยังต้องซ้อมโจทย์ในรายการอีก
3. ภาษา : เด็กญี่ปุ่น ที่ต้องร้องภาษาเกาหลีให้ได้ภายในระยะเวลาที่จำกัด การจะให้เข้าใจหรืออินให้ได้นี่มันไม่ง่ายเลย
4.การรวมตัว : ส่วนสำคัญที่สุดของโชว์ คือการซ้อมร่วมกัน เด็กเกาถึงจะได้ซ้อมมากกว่า แต่ก็ต้องรอเวลาซ้อมร่วมกันกับเด็กญี่ปุ่น สภาพคือต้องทำในส่วนของตัวเองแล้ว ก็คอยเพื่อจะประกอบร่างกับเด็กญี่ปุ่น ให้มันได้รูปร่างที่สมบูรณ์ขึ้นมา ซึ่งจาก ข้อ 1-3 แล้ว คือเป็นอะไรที่ยากจัดเลย
ให้ลองนึกภาพดูว่า มีอาจาร์ยคนนึง สั่งงานกลุ่มนักเรียนให้ไปทำโครงงานมาแล้วพรีเซ็นหน้าชั้น
กลุ่มแรกเพื่อนคนนึงบ้านอยู่ใกล้โรงเรียน ก็อ่านหนังสือหาข้อมูลทำงานไป แต่เพื่อนที่เหลือในกลุ่ม บ้านอยู่ไกล ต้องช่วยงานที่บ้าน แถมต้องเรียนพิเศษอีก กว่าจะนัดมาติวกันได้ ก็ได้แค่ครั้ง 2 ครั้ง ถึงต่างคนจะทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองมาอย่างดีก็เถอะ แต่ยังไงมันก็ต้องมีการซักซ้อมกันเพื่อความพร้อม ความเข้าใจ
ส่วนเด็กอีกกลุ่ม อยู่หอด้วยกันหมด จะเรียกมาติวมาประชุมเมื่อไรก็ได้ อย่างเงี้ย ถามว่า สุดท้ายคิดว่ากลุ่มไหน มันจะทำงานได้ดีกว่ากัน
ใด ๆ เหล่านี้มันทำให้ทีม เข้าใกล้คำว่า Perfect ได้ยากยิ่ง ผมก็เข้าใจนะ ในอารมณ์ของคนดู เพราะเทียบแล้วโชว์ SS ก่อน มันโอเคกว่าจริง ๆ แต่คนดู ก็ต้องรู้ถึงข้อจำกัดเหล่านี้ด้วยเหมือนกัน
อีกเรื่องที่ทำให้โชว์มันกร่อย ๆ คือ การเลือกเพลงของรายการ โดยเฉพาะรอบโพซิชั่น ข้องใจสุดคือ ตูดู คือ Mnet คิดอะไร เห็นว่าเพลงมันมีแร็ป ก็ใส่มางี้หรอ แต่ท่อนร้องมันไม่ได้โชว์อะไรเลยนะเพลงนี้ แล้วเจือกทำเป็น ร็อค อีกต่างหาก จะทำแบบ Playing With Fire ตอน SS2 หรอหรือยังไง??
แสดงความคิดเห็น
[PRODUCE48] เพราะเลือกเพลงมาไม่ดีหรือสกิลเด็กไม่ดีทำไห้โชว์ไปไม่สุดซักทาง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
SS2
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้