.....ผมขอแนะนำตัวนิสนึง นิสเดียว จริงจริ๊งงงง (เสียงสูง) เอิ่ม..... ผมเป็น จิตรกร เขียนรูป & เคยเป็นช่างถ่ายภาพ (สไตล์อาท) ผมชอบ ตัวหนังสือ ตัวหนังสือมันเป็นอะไรที่น่าทึ่ง น่าแปลกใจ และน่าค้นหา
➡ตัวหนังสือทำให้คนไม่เคยรู้จักกันรักกัน ใช้เวลาสั้นๆก็รักกันได้น๊าาาา จู๊บุ๊ จู๊บุ๊
➡ตัวหนังสือทำให้คนที่อยู่คนล่ะซีกโลกมาเจอกัน อืมมม น่าคิดแหะ
➡ตัวหนังสือทำให้คนรักกันมา10ๆปีเลิกกันได้ ..ตรงกันข้าม เลิกกันไป10ปีกลับมาคืนดีได้ด้วยการใช้ประโยคสั้นๆเพียงคำเดียว " ขอโทษ " . เหลือเชื่อ !!
➡ตัวหนังสือ ทำให้คนใจแข็งดุดันเหมือนสิงโตกลายเป็นแมวเหมียวสุดเชื่อง เมี๊ยววว เมี๊ยวววว
➡ตัวหนังสือ เหมิอนดาบ 2 คม ทำให้ผมดูโง่ และ ดูฉลาด ในเวลาเดียวกัน ฮิ้วววววว 5555
➡ แทมยังสามารถสร้างรายได้มหาศาล ( แฮรี่พอตเตอร์ )
นั้นคือ พลัง (บางส่วน) ของ ตัวหนังสือ ให้บรรยายทั้งหมดคงไม่จบในหน้านี้แน่......มาๆๆ วกกลับมาเข้าเรื่อง 555 ผมชอบเขียนหนังสือ (ไม่ใช่นักเขียน) การเขียนหนังสือ(สำหรับผม) "ตัวหนังสือคือศิลปะ" อีกประเภทนึง มันทั้งยึดหยุ่นและแข็งกร่าวไปพร้อมกัน....
ผมเลยชอบปล่อยความคิดออกมาเป็นตัวหนังสือ
แต่ก็นะ ไอ้ความคิดของผมมันไม่ค่อยเหมิอนคนอื่น (ถ้าเปรียบเทียบกับคนส่วนมาก) ผมเลย มโน ไปเอง ว่า ความต่างในตัวเรา / ความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเรา / การคิดการมองที่ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ / สิ่งเหล่านั้นที่ผมมีมัน น่าจะ เป็น จุดเด่น ที่ทำให้ผู้อ่านได้เห็น ทัศนคติ ในมุมมองคนทำงานศิลปะอย่างผม
เอิ่ม...ผมไม่ใช่ใครบางคน ไม่ใช่คนสำคัญ ไม่เด่นดัง เป็นคนธรรมดาที่คิด ที่ลงมือทำ ที่กำลังสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่ธรรมดา !!?? ....ถ้าใครได้อ่านมาถึงจุดนี้ ผมเดาว่าคุณคงกำลังสงสัยใช่ไหมเอ่ย อิอิ คงสงสัยว่าทำไมคำพูดผมมันดู "ย้อนแย้ง" หรือ ผมจงใจทำให้มันดู "ย้อนแย้ง" กันแน่หว่า?? คริ คริ
ผมไม่ตอบนะครับ ให้ผู้อ่านเดาเอง ตีความกันเอง แบร่ๆๆๆ
___อ๊ะ!! ไม่แกล้งล่ะ กลับมาเข้าเรื่องดีฟ่าาา อิอิ
ถ้าให้ผม "นิยาม" ตัวผมเอง หรือ ติ๊ต่าง เอาเองว่าตนเองอยู่เหนือคนอื่น !! (oopsss!!)
เดี๊ยวๆๆๆ อย่าเพิ่งมองผมในแง่ลบ ซี่~~ 555 ผมหยอกเล่น แฮะๆๆ ถ้าผม "อวยตัวเอง" ซะขนาดนั้น (ผู้อ่านคงจะหมั่นไส้แน่นอน) T~T ฮื่อๆๆๆ ไม่ใช่ล่ะ...
...เอาเป็นว่า ผมขอนิยามตนเอง ว่า.... ว่า.... ไม่บ๊อก!! สะเมื่อไหร่ (อดกวนบาทาไม่ได้สินะเรา)5555 .... ผมชอบทำใน "สิ่งที่แตกต่าง" ชอบทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือ "ค่านิยม" ที่อยู่นอกเหนือ "กระแสหลัก" คล้ายๆกับคุณๆท่านๆที่ชอบเอ่ยอ้างกันบ่อยๆ "คิดนอกกรอบ" (เวลาพูดแล้วมัน ดูเท่ห์ ดูดี เนาะ)5555 แต่ถ้าคนพูดมันทำได้อย่างที่พูดมันจะยิ่งดูโคตรเท่ห์แบบยกกำลัง 2 จริงไหมคร๊าบ (ถามใครหว่า) 555
เอิ่ม.... ทั้งหมดที่กล่าวมา เกือบๆ ปิ่มๆเหมือนจะมีสาระ 555555 แต่ก็มีสาระนะ มันขึ้นอยู่กับผู้อ่านเวลาอ่านจะ "โฟกัส" ที่จุดไหน หว๊อออออ ( ดูดีขึ้นอีก100เท่า) 55555 ฮิ้ววววว
______มา!! เข้าโหมด สาระ เต็มตัวล่ะ_____
กว่าจะกลับมาเข้าเรื่อง ปาไปกี่ย่อหน้า (โทษใครดี ??) หืมมมม 5555
...เรื่องของ " การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ที่เงิน 900,000 ถึง 1,000,000 ++ ไม่สามารถซื้อความตั้งใจจริงของผม !! (เรื่องจริงไม่อิงนิยายฮอลีวู้ด)
( บทจะสาระก็สาระ เกิ้นนนน เนาะตัวเรา) อารัมภบท ไปเลื่อย 55555
....อย่างที่บอกไปตอนแรก ผมเป็น จิตรกร เขียนภาพ วาดภาพได้เกือบทุกแนว ( ฝีมือหมาไม่รับประทาน oopss!! เอ๊ย!! ล้อเล่น) ฝีมือแค่พอใช้ ที่บ้านฐานะพอมี ไม่รำรวย โดยส่วนตัวเป็นคนไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน (บอกคนอ่านทำไม??) 555
เอาหนะ.... ที่ผมต้องบอกเพราะมันมีที่มาที่ไป "มันมีเหตุผลในตัวของมัน"...ผมอยู่ในวงการศิลปะมากว่า 10 ปี ได้รู้จักคนหลายประเภท (จะวงการไหนๆก็เหมือนๆกัน) ผมได้รู้จักหัวหน้าคนนึง(หัวหน้ามีหลายคน) ที่ดูเผินๆก็เหมิอนผู้ชายเจ้าชู้ทั่วๆไป แต่พอผมได้ร่วมงานกับแก ผมแปลกใจมากๆที่แกเป็นคนทุ่มสุดตัวกับงานนั้นๆ (เรียกได้ว่าเอาชีวิตเข้าแลก) นับแต่นั้นผมเลยมีแกเป็น "ไอดอล" เป็นตัวอย่างเวลาทำงานด้วยใจจริง...
พอผมทำงานผ่านมาหลายปี ทำงานจนมาถึงจุดอิ่มตัว ผมเลยตัดสินใจ ลาออกจากงานนั้น แต่ก่อนที่ผมจะลาออก ผมมีความตั้งใจบางอย่างที่อยากทำให้สำเร็จในช่วงชีวิตผมให้จงได้...นั้นคือ
***การวาดรูปคนเดียวทั้งโบสถ์วาดให้วัดฟรีๆ***
ไม่คิดค่าใช้จ่ายได้ๆจากวัด ผมอยากสร้างบุญบารมีให้กับตนเองและคนในครอบครัว อ๋อ!! ลืมบอกครับ ผมโสด เรื่องเงินเลยยิ่งไม่จำเป็นสำหรับผม... เคยมีคนถาม ทำไม ไม่คิดเงินล่ะ จำนวนเงินไม่ใช่น้อยๆน้าาาา
(หน้างานทั้งหมดถ้าตีเป็นเงินจะได้ประมาณ 900,000 ถึง 1,000,000++) ตามที่เกริ่นไว้ในย่อหน้ามะกี้) ผมตอบเขาไปว่า.... "เงินทองสามารถใช้หมดในชาตินี้ บุญบารมีจะติดตัวไปทุกภพภูมิ" (เป็นความเชื่อส่วนตัว).... ผมเคยถามตัวเองเหมือนกัน ถ้าสมมุติผมคิดเงิน แล้วผมจะเอาเงินไปทำอะไร คำตอบที่ได้ คือ " ไม่แน่ใจ " เพราะ ผมเองไม่เห็นสิ่งที่ขาด มองไม่เห็นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ (ตามทันใช่ไหมเอ่ย) สุดท้ายจึงตัดสินใจทำให้ฟรีๆ (ไม่ดราม่า ไม่โลกสวย) แต่มันคือ ชีวิตผมจริงๆ ลืมบอก (สำหรับผม) สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ คือ ความภาคภูมิใจ ความอิ่มเอิบใจ ความสบายใจ อิสระ อยู่เหนือวัถตุนิยม (ผมเกริ่นไว้บนย่อหน้าก่อนๆ)
***ไม่เอากระแสนิยมมาล้อมกรอบตนเอง***
ทั้งหมดที่ผมอยากจะบอกมีเท่านี้ครับ ใจจริงก็อยาก " เม้า " เรื่องอื่นๆอีก !!?? แต่พอเลื่อนขึ้นไปอ่านย่อหน้าก่อนๆ เอิ่ม........ บอกตัวเองพอเถ๊อะะะะ 55555555555 🙌🙌🙌
_____สรุป & แจกแจงหัวข้อกระทู้ ( เหมือนจบแต่ยังไม่จบ)_________
คำพูด กับ ตัวหนังสือ คือสิ่งเดียวกัน !! ( ผู้อ่านไม่ งง ใช่ไหม?? ) พื้นฐานง่ายๆ ของคำว่า " รู้จัก " คือตัวหนังสือหรือคำพูด (เวลาพูดคุยกัน) (ไอ้เราก็อธิบายโคตรละเอียดเวอร์ เกิ้นนนน แจกแจงอย่างกับผู้อ่านอยู่วัย "อนุบาล" คริ คริ
เอิ่ม..... ไม่ว่าเราๆท่านๆจะ " รู้จักกัน " ในสถานะไหนก็สุดแล้วแต่ สุดท้าย ( การเริ่มต้นสถานะของคนเรา ) ตัวหนังสือ หรือคำพูดที่พูดออกไปมักจะเป็นสิ่งแรกๆหรืออาจเป็น
" ตัวแปลสำคัญ " ของการเริ่มต้นความ "สัมพันธ์" ของการเป็น เพีอน แฟน ญาติ หรือสถานะไหนๆก็สุดแล้วแต่ และ // หรือ ท้ายสุด ( จบความสัมพันธ์ ) จบกัน เลิกกัน ไปกันไม่ได้ ตายจากกัน ก็ต้องมี "คำพูด & ตัวหนังสือ" ร่วมอยู่ในสถานะการณ์นั้นๆอยู่เสมอ หรือว่าไม่จริง ?? ( ถามใครหว่า 5555 )
____ ทั้งหมด ทั้งมวล ที่ผมกล่าวมา ทั้งหมดนั้นคือ "หัวข้อของกระทู้นี้" (ผู้อ่านตามทันนะ)
เอางี้ ?? (บอกใคร?)555 เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น
ผมจะตีความให้ดู (สำหรับคนที่ตามไม่ทัน)
➡ รู้จัก ➡ คน ➡ ผ่านตัวหนังสือ หมายความว่า ➡ รู้จัก ➡ " ตัวผม " ➡ ผ่านคำพูด ฮี่ฮี่ฮี่
ผมใช้ตัวหนังสือที่มาจากประสบการณ์ชีวิต ( พูดเหมือนตนเองแก่ ชิ เชอะ 5555 ) ผมใช้ตัวหนังสือบอกเรื่องราว บอกสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันของตัวผมเอง บอกสิ่งที่ผมกำลังสร้างสรรค์อยู่เนืองๆ
ผมสื่อสิ่งเหล่านั้น ผ่านมุมมอง / ผ่านการไตร่ตรอง / ตรึกตรอง / คริเอท / ผ่านกระบวนการคลี่คลายทางความคิด / ผ่านเรื่องราวความจริง / (ดังที่กล่าวไปขั้นต้น) ผ่ามมมม !! ตะลึงตึงโป๊ะ ตุงแฉ่ ตุงแฉ่ แบร่~~
...หวังว่าผู้อ่านจะได้สาระไม่ มาก ก็ มาก นะคร๊าบงบ ใครอ่านถึงจุดนี้ กระผมขอกราบงามๆ ขอบคุณจากใจจริง ( ขอบคุณผู้อ่าน กระซิกๆ น้ำตาจะไหล ตื่นตันใจ ) (จะจบอยู่แล้วยังเวอร์ได้อีกเนาะ)555555
________ จบปิ๊ง ________🎉🎇🎆🎊
รู้จัก คน ผ่าน ตัวหนังสือ
➡ตัวหนังสือทำให้คนไม่เคยรู้จักกันรักกัน ใช้เวลาสั้นๆก็รักกันได้น๊าาาา จู๊บุ๊ จู๊บุ๊
➡ตัวหนังสือทำให้คนที่อยู่คนล่ะซีกโลกมาเจอกัน อืมมม น่าคิดแหะ
➡ตัวหนังสือทำให้คนรักกันมา10ๆปีเลิกกันได้ ..ตรงกันข้าม เลิกกันไป10ปีกลับมาคืนดีได้ด้วยการใช้ประโยคสั้นๆเพียงคำเดียว " ขอโทษ " . เหลือเชื่อ !!
➡ตัวหนังสือ ทำให้คนใจแข็งดุดันเหมือนสิงโตกลายเป็นแมวเหมียวสุดเชื่อง เมี๊ยววว เมี๊ยวววว
➡ตัวหนังสือ เหมิอนดาบ 2 คม ทำให้ผมดูโง่ และ ดูฉลาด ในเวลาเดียวกัน ฮิ้วววววว 5555
➡ แทมยังสามารถสร้างรายได้มหาศาล ( แฮรี่พอตเตอร์ )
นั้นคือ พลัง (บางส่วน) ของ ตัวหนังสือ ให้บรรยายทั้งหมดคงไม่จบในหน้านี้แน่......มาๆๆ วกกลับมาเข้าเรื่อง 555 ผมชอบเขียนหนังสือ (ไม่ใช่นักเขียน) การเขียนหนังสือ(สำหรับผม) "ตัวหนังสือคือศิลปะ" อีกประเภทนึง มันทั้งยึดหยุ่นและแข็งกร่าวไปพร้อมกัน....
ผมเลยชอบปล่อยความคิดออกมาเป็นตัวหนังสือ
แต่ก็นะ ไอ้ความคิดของผมมันไม่ค่อยเหมิอนคนอื่น (ถ้าเปรียบเทียบกับคนส่วนมาก) ผมเลย มโน ไปเอง ว่า ความต่างในตัวเรา / ความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเรา / การคิดการมองที่ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ / สิ่งเหล่านั้นที่ผมมีมัน น่าจะ เป็น จุดเด่น ที่ทำให้ผู้อ่านได้เห็น ทัศนคติ ในมุมมองคนทำงานศิลปะอย่างผม
เอิ่ม...ผมไม่ใช่ใครบางคน ไม่ใช่คนสำคัญ ไม่เด่นดัง เป็นคนธรรมดาที่คิด ที่ลงมือทำ ที่กำลังสร้างสรรค์สิ่งที่ไม่ธรรมดา !!?? ....ถ้าใครได้อ่านมาถึงจุดนี้ ผมเดาว่าคุณคงกำลังสงสัยใช่ไหมเอ่ย อิอิ คงสงสัยว่าทำไมคำพูดผมมันดู "ย้อนแย้ง" หรือ ผมจงใจทำให้มันดู "ย้อนแย้ง" กันแน่หว่า?? คริ คริ
ผมไม่ตอบนะครับ ให้ผู้อ่านเดาเอง ตีความกันเอง แบร่ๆๆๆ
___อ๊ะ!! ไม่แกล้งล่ะ กลับมาเข้าเรื่องดีฟ่าาา อิอิ
ถ้าให้ผม "นิยาม" ตัวผมเอง หรือ ติ๊ต่าง เอาเองว่าตนเองอยู่เหนือคนอื่น !! (oopsss!!)
เดี๊ยวๆๆๆ อย่าเพิ่งมองผมในแง่ลบ ซี่~~ 555 ผมหยอกเล่น แฮะๆๆ ถ้าผม "อวยตัวเอง" ซะขนาดนั้น (ผู้อ่านคงจะหมั่นไส้แน่นอน) T~T ฮื่อๆๆๆ ไม่ใช่ล่ะ...
...เอาเป็นว่า ผมขอนิยามตนเอง ว่า.... ว่า.... ไม่บ๊อก!! สะเมื่อไหร่ (อดกวนบาทาไม่ได้สินะเรา)5555 .... ผมชอบทำใน "สิ่งที่แตกต่าง" ชอบทำสิ่งที่อยู่นอกเหนือ "ค่านิยม" ที่อยู่นอกเหนือ "กระแสหลัก" คล้ายๆกับคุณๆท่านๆที่ชอบเอ่ยอ้างกันบ่อยๆ "คิดนอกกรอบ" (เวลาพูดแล้วมัน ดูเท่ห์ ดูดี เนาะ)5555 แต่ถ้าคนพูดมันทำได้อย่างที่พูดมันจะยิ่งดูโคตรเท่ห์แบบยกกำลัง 2 จริงไหมคร๊าบ (ถามใครหว่า) 555
เอิ่ม.... ทั้งหมดที่กล่าวมา เกือบๆ ปิ่มๆเหมือนจะมีสาระ 555555 แต่ก็มีสาระนะ มันขึ้นอยู่กับผู้อ่านเวลาอ่านจะ "โฟกัส" ที่จุดไหน หว๊อออออ ( ดูดีขึ้นอีก100เท่า) 55555 ฮิ้ววววว
______มา!! เข้าโหมด สาระ เต็มตัวล่ะ_____
กว่าจะกลับมาเข้าเรื่อง ปาไปกี่ย่อหน้า (โทษใครดี ??) หืมมมม 5555
...เรื่องของ " การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ที่เงิน 900,000 ถึง 1,000,000 ++ ไม่สามารถซื้อความตั้งใจจริงของผม !! (เรื่องจริงไม่อิงนิยายฮอลีวู้ด)
( บทจะสาระก็สาระ เกิ้นนนน เนาะตัวเรา) อารัมภบท ไปเลื่อย 55555
....อย่างที่บอกไปตอนแรก ผมเป็น จิตรกร เขียนภาพ วาดภาพได้เกือบทุกแนว ( ฝีมือหมาไม่รับประทาน oopss!! เอ๊ย!! ล้อเล่น) ฝีมือแค่พอใช้ ที่บ้านฐานะพอมี ไม่รำรวย โดยส่วนตัวเป็นคนไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวกลางคืน (บอกคนอ่านทำไม??) 555
เอาหนะ.... ที่ผมต้องบอกเพราะมันมีที่มาที่ไป "มันมีเหตุผลในตัวของมัน"...ผมอยู่ในวงการศิลปะมากว่า 10 ปี ได้รู้จักคนหลายประเภท (จะวงการไหนๆก็เหมือนๆกัน) ผมได้รู้จักหัวหน้าคนนึง(หัวหน้ามีหลายคน) ที่ดูเผินๆก็เหมิอนผู้ชายเจ้าชู้ทั่วๆไป แต่พอผมได้ร่วมงานกับแก ผมแปลกใจมากๆที่แกเป็นคนทุ่มสุดตัวกับงานนั้นๆ (เรียกได้ว่าเอาชีวิตเข้าแลก) นับแต่นั้นผมเลยมีแกเป็น "ไอดอล" เป็นตัวอย่างเวลาทำงานด้วยใจจริง...
พอผมทำงานผ่านมาหลายปี ทำงานจนมาถึงจุดอิ่มตัว ผมเลยตัดสินใจ ลาออกจากงานนั้น แต่ก่อนที่ผมจะลาออก ผมมีความตั้งใจบางอย่างที่อยากทำให้สำเร็จในช่วงชีวิตผมให้จงได้...นั้นคือ
***การวาดรูปคนเดียวทั้งโบสถ์วาดให้วัดฟรีๆ***
ไม่คิดค่าใช้จ่ายได้ๆจากวัด ผมอยากสร้างบุญบารมีให้กับตนเองและคนในครอบครัว อ๋อ!! ลืมบอกครับ ผมโสด เรื่องเงินเลยยิ่งไม่จำเป็นสำหรับผม... เคยมีคนถาม ทำไม ไม่คิดเงินล่ะ จำนวนเงินไม่ใช่น้อยๆน้าาาา
(หน้างานทั้งหมดถ้าตีเป็นเงินจะได้ประมาณ 900,000 ถึง 1,000,000++) ตามที่เกริ่นไว้ในย่อหน้ามะกี้) ผมตอบเขาไปว่า.... "เงินทองสามารถใช้หมดในชาตินี้ บุญบารมีจะติดตัวไปทุกภพภูมิ" (เป็นความเชื่อส่วนตัว).... ผมเคยถามตัวเองเหมือนกัน ถ้าสมมุติผมคิดเงิน แล้วผมจะเอาเงินไปทำอะไร คำตอบที่ได้ คือ " ไม่แน่ใจ " เพราะ ผมเองไม่เห็นสิ่งที่ขาด มองไม่เห็นสิ่งที่ไม่สมบูรณ์ (ตามทันใช่ไหมเอ่ย) สุดท้ายจึงตัดสินใจทำให้ฟรีๆ (ไม่ดราม่า ไม่โลกสวย) แต่มันคือ ชีวิตผมจริงๆ ลืมบอก (สำหรับผม) สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้ คือ ความภาคภูมิใจ ความอิ่มเอิบใจ ความสบายใจ อิสระ อยู่เหนือวัถตุนิยม (ผมเกริ่นไว้บนย่อหน้าก่อนๆ)
***ไม่เอากระแสนิยมมาล้อมกรอบตนเอง***
ทั้งหมดที่ผมอยากจะบอกมีเท่านี้ครับ ใจจริงก็อยาก " เม้า " เรื่องอื่นๆอีก !!?? แต่พอเลื่อนขึ้นไปอ่านย่อหน้าก่อนๆ เอิ่ม........ บอกตัวเองพอเถ๊อะะะะ 55555555555 🙌🙌🙌
_____สรุป & แจกแจงหัวข้อกระทู้ ( เหมือนจบแต่ยังไม่จบ)_________
คำพูด กับ ตัวหนังสือ คือสิ่งเดียวกัน !! ( ผู้อ่านไม่ งง ใช่ไหม?? ) พื้นฐานง่ายๆ ของคำว่า " รู้จัก " คือตัวหนังสือหรือคำพูด (เวลาพูดคุยกัน) (ไอ้เราก็อธิบายโคตรละเอียดเวอร์ เกิ้นนนน แจกแจงอย่างกับผู้อ่านอยู่วัย "อนุบาล" คริ คริ
เอิ่ม..... ไม่ว่าเราๆท่านๆจะ " รู้จักกัน " ในสถานะไหนก็สุดแล้วแต่ สุดท้าย ( การเริ่มต้นสถานะของคนเรา ) ตัวหนังสือ หรือคำพูดที่พูดออกไปมักจะเป็นสิ่งแรกๆหรืออาจเป็น
" ตัวแปลสำคัญ " ของการเริ่มต้นความ "สัมพันธ์" ของการเป็น เพีอน แฟน ญาติ หรือสถานะไหนๆก็สุดแล้วแต่ และ // หรือ ท้ายสุด ( จบความสัมพันธ์ ) จบกัน เลิกกัน ไปกันไม่ได้ ตายจากกัน ก็ต้องมี "คำพูด & ตัวหนังสือ" ร่วมอยู่ในสถานะการณ์นั้นๆอยู่เสมอ หรือว่าไม่จริง ?? ( ถามใครหว่า 5555 )
____ ทั้งหมด ทั้งมวล ที่ผมกล่าวมา ทั้งหมดนั้นคือ "หัวข้อของกระทู้นี้" (ผู้อ่านตามทันนะ)
เอางี้ ?? (บอกใคร?)555 เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น
ผมจะตีความให้ดู (สำหรับคนที่ตามไม่ทัน)
➡ รู้จัก ➡ คน ➡ ผ่านตัวหนังสือ หมายความว่า ➡ รู้จัก ➡ " ตัวผม " ➡ ผ่านคำพูด ฮี่ฮี่ฮี่
ผมใช้ตัวหนังสือที่มาจากประสบการณ์ชีวิต ( พูดเหมือนตนเองแก่ ชิ เชอะ 5555 ) ผมใช้ตัวหนังสือบอกเรื่องราว บอกสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันของตัวผมเอง บอกสิ่งที่ผมกำลังสร้างสรรค์อยู่เนืองๆ
ผมสื่อสิ่งเหล่านั้น ผ่านมุมมอง / ผ่านการไตร่ตรอง / ตรึกตรอง / คริเอท / ผ่านกระบวนการคลี่คลายทางความคิด / ผ่านเรื่องราวความจริง / (ดังที่กล่าวไปขั้นต้น) ผ่ามมมม !! ตะลึงตึงโป๊ะ ตุงแฉ่ ตุงแฉ่ แบร่~~
...หวังว่าผู้อ่านจะได้สาระไม่ มาก ก็ มาก นะคร๊าบงบ ใครอ่านถึงจุดนี้ กระผมขอกราบงามๆ ขอบคุณจากใจจริง ( ขอบคุณผู้อ่าน กระซิกๆ น้ำตาจะไหล ตื่นตันใจ ) (จะจบอยู่แล้วยังเวอร์ได้อีกเนาะ)555555
________ จบปิ๊ง ________🎉🎇🎆🎊