สาเหตุสำคัญทำ "เมืองทอง" ฟอร์มร่วง
หลังจบเกมการแข่งขันฟุตบอล ช้าง เอฟเอ คัพ 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทัพกิเลนผยอง ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากในเกมนี้ ต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย หลังบุกไปแพ้ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในการดวลจุดโทษ ด้วยสกอร์ 5-4
วันนี้จะพาแฟนบอลมาดูปัจจัยสำคัญที่ทำให้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ผลงานร่วงหนัก ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ 7 นัดติดต่อกันแล้วรวมทุกรายการ
ไร้การเชื่อมเกมที่ดี
ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นอีกหนึ่งทีมที่มีรูปแบบการเล่นที่ดีในไทยลีก มีทีมเวิร์คที่ดี แต่หลังจากเสียนักเตะฝีเท้าดีออกจากทีมไปหลายคน การซื้อนักเตะใหม่มา ก็อาจจะไม่ใช่ผลตอบแทนที่ดีที่สุดเสมอไป ซึ่งตำแหน่งที่ส่งผลกับทีมอย่างเห็นได้ชัด คือตำแหน่งของ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทยที่ไม่ได้มีดีแค่การทำประตู "มุ้ย" เป็นนักเตะที่เล่นได้หลายตำแหน่ง แต่สิ่งที่ "มุ้ย" ทำได้ดีมากๆคือการเชื่อมเกมจากแดนกลางไปกองหน้า แม้การเข้ามาของ เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดส จะช่วยทีมได้ แต่สไตล์การเล่นของเขาดูเหมือนว่าจะไม่ลงตัวกับแดนกลางของทีมมากนัก
รูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไป
เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดในขณะนี้ คือรูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ เมืองทอง มีเกมรุกที่รวดเร็วและดุดัน แต่หลายนัดที่ผ่านมาพวกเขาจะหันไปเน้นเกมรับมากขึ้น หลายเกมดูช้าจนน่าอึดอัด ส่วนในอนาคต ราโดวาน เคอร์ซิช จะแก้ไขหรือไม่นั้น ต้องคอยติดตามกัน
ไม่มีนักเตะที่หวังผลได้
การที่ไม่มีนักเตะที่เป็นความหวังของทีมได้เลย เป็นอีกปัจจัยสำคัญของเมืองทอง ถึงแม้ก่อนหน้านี้ เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดส จะสามารถกู้สถาณการณ์ของทีมอยู่ได้หลายนัด ทำประตูช่วยทีมอย่างต่อเนื่อง แต่ช่วงหลังฟอร์มของเจ้าตัวก็ขึ้นๆลงๆ อยู่ไม่น้อย ส่วนนักเตะไทยก็แทบจะไม่มีชื่อทำประตูได้เลย
ไม่มีความแตกต่างทั้งตัวจริงและสำรอง
ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ที่ผ่านมา การแข่งขันอาจจะมีติดๆกันทั้งปลายสัปดาห์และกลางสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นลีกคัพ, เอฟเอคัพ หรือ ไทยลีก จึงอาจจะต้องเปลี่ยนนักเตะสำรองมาลงสนามบ้าง แต่น่าเสียดายที่เกมกลับไม่แตกต่างเลย ตัวสำรองบางรายที่ได้รับโอกาสลงแข่งขัน ไม่สามารถเปลี่ยนเกมให้ดีขึ้นได้
ผู้เล่นคนที่ 12 หายไปเยอะ
กองเชียร์ อีกหนึ่งกำลังใจสำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้ การที่มีแฟนบอลคอยส่งแรงเชียร์ แรงใจ หายไปอย่างน่าใจหาย แม้กระทั่งการเล่นในรังเหย้า ยอดจำนวนของแฟนบอลก็ร่วงลงจนน่าเป็นห่วง นี่อาจจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟอร์มของทีมร่วงลงมาอย่างชัดเจน
ปีนี้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หมดสิทธิ์ลุ้นไปแล้วทั้ง 2 รายการ ส่วนในไทยลีกรั้งอยู่ที่อันดับ 5 ของตารางคะแนน ตามหลังจ่าฝูงอยู่ถึง 18 คะแนนด้วยกัน ซึ่งการแข่งขันก็เดินทางมาถึงนัดที่ 25 แล้ว โอกาสลุ้นแชมป์ในปีนี้ดูจะเลือนลางไปมาก ส่วนพวกเขาจะทำได้ดีแค่ไหนในฤดูกาลนี้คงต้องมารอติดตามกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://goo.gl/71xCi6
สาเหตุสำคัญทำ "เมืองทอง" ฟอร์มร่วง
สาเหตุสำคัญทำ "เมืองทอง" ฟอร์มร่วง
หลังจบเกมการแข่งขันฟุตบอล ช้าง เอฟเอ คัพ 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทัพกิเลนผยอง ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากในเกมนี้ ต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย หลังบุกไปแพ้ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ในการดวลจุดโทษ ด้วยสกอร์ 5-4
วันนี้จะพาแฟนบอลมาดูปัจจัยสำคัญที่ทำให้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ผลงานร่วงหนัก ไม่สามารถเก็บชัยชนะได้ 7 นัดติดต่อกันแล้วรวมทุกรายการ
ไร้การเชื่อมเกมที่ดี
ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นอีกหนึ่งทีมที่มีรูปแบบการเล่นที่ดีในไทยลีก มีทีมเวิร์คที่ดี แต่หลังจากเสียนักเตะฝีเท้าดีออกจากทีมไปหลายคน การซื้อนักเตะใหม่มา ก็อาจจะไม่ใช่ผลตอบแทนที่ดีที่สุดเสมอไป ซึ่งตำแหน่งที่ส่งผลกับทีมอย่างเห็นได้ชัด คือตำแหน่งของ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทยที่ไม่ได้มีดีแค่การทำประตู "มุ้ย" เป็นนักเตะที่เล่นได้หลายตำแหน่ง แต่สิ่งที่ "มุ้ย" ทำได้ดีมากๆคือการเชื่อมเกมจากแดนกลางไปกองหน้า แม้การเข้ามาของ เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดส จะช่วยทีมได้ แต่สไตล์การเล่นของเขาดูเหมือนว่าจะไม่ลงตัวกับแดนกลางของทีมมากนัก
รูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไป
เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดในขณะนี้ คือรูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ เมืองทอง มีเกมรุกที่รวดเร็วและดุดัน แต่หลายนัดที่ผ่านมาพวกเขาจะหันไปเน้นเกมรับมากขึ้น หลายเกมดูช้าจนน่าอึดอัด ส่วนในอนาคต ราโดวาน เคอร์ซิช จะแก้ไขหรือไม่นั้น ต้องคอยติดตามกัน
ไม่มีนักเตะที่หวังผลได้
การที่ไม่มีนักเตะที่เป็นความหวังของทีมได้เลย เป็นอีกปัจจัยสำคัญของเมืองทอง ถึงแม้ก่อนหน้านี้ เฮแบร์ตี้ แฟร์นันเดส จะสามารถกู้สถาณการณ์ของทีมอยู่ได้หลายนัด ทำประตูช่วยทีมอย่างต่อเนื่อง แต่ช่วงหลังฟอร์มของเจ้าตัวก็ขึ้นๆลงๆ อยู่ไม่น้อย ส่วนนักเตะไทยก็แทบจะไม่มีชื่อทำประตูได้เลย
ไม่มีความแตกต่างทั้งตัวจริงและสำรอง
ช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ที่ผ่านมา การแข่งขันอาจจะมีติดๆกันทั้งปลายสัปดาห์และกลางสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นลีกคัพ, เอฟเอคัพ หรือ ไทยลีก จึงอาจจะต้องเปลี่ยนนักเตะสำรองมาลงสนามบ้าง แต่น่าเสียดายที่เกมกลับไม่แตกต่างเลย ตัวสำรองบางรายที่ได้รับโอกาสลงแข่งขัน ไม่สามารถเปลี่ยนเกมให้ดีขึ้นได้
ผู้เล่นคนที่ 12 หายไปเยอะ
กองเชียร์ อีกหนึ่งกำลังใจสำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้ การที่มีแฟนบอลคอยส่งแรงเชียร์ แรงใจ หายไปอย่างน่าใจหาย แม้กระทั่งการเล่นในรังเหย้า ยอดจำนวนของแฟนบอลก็ร่วงลงจนน่าเป็นห่วง นี่อาจจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟอร์มของทีมร่วงลงมาอย่างชัดเจน
ปีนี้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด หมดสิทธิ์ลุ้นไปแล้วทั้ง 2 รายการ ส่วนในไทยลีกรั้งอยู่ที่อันดับ 5 ของตารางคะแนน ตามหลังจ่าฝูงอยู่ถึง 18 คะแนนด้วยกัน ซึ่งการแข่งขันก็เดินทางมาถึงนัดที่ 25 แล้ว โอกาสลุ้นแชมป์ในปีนี้ดูจะเลือนลางไปมาก ส่วนพวกเขาจะทำได้ดีแค่ไหนในฤดูกาลนี้คงต้องมารอติดตามกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก https://goo.gl/71xCi6