#สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในวันเดียว.
                 คือเรื่องมันมีอยู่ว่า วัน เสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมาผมและเพื่อนร่วมงานได้นัดชวนกันไปกินหมูกะทะที่บ้านของเพื่อนผม หลังเลิกงาน ต้องบอกก่อนว่าเราค่อนข้างสนิทกันพอสมควร ทั้งเพื่อน แฟนเพื่อน ละก่อแฟนผม เราเคยไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆชวนกันไปนั้นไปนี้ เย็นวันนั้นเราก็นัดกันว่าจะไปเจอกันที่บ้านเพื่อนประมาณ 1 ทุ่ม หลังจากที่ผมเลิกงานผมก็เข้าบ้านมาบอกกับแฟนของผม ว่าคืนนี้มีนัดกันไปกินหมูกะทะที่บ้านเพื่อน ผมกับแฟนก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ปาไป 1ทุ่ม นิดๆ ระยะทางบ้านผมไปหาบ้านเพื่อนก็ประมาณ 30 กว่าโล เป็นจังหวัดแถวภาคเหนือจะติดกัน คือ ผมอยู่เชียงใหม่ ส่วนเพื่อนอยู่ ลำพูน ตอนนั้นก็มืดพอสมควรละครับ  เราก็ขับรถมอไซต์ไปกัน 2 คน คือทางที่จะไปบ้านเพื่อน ไปได้ 3 ทาง แต่ต้องผ่านป่าช้าทุกทาง ทางทั้ง3 ทาง จะผ่านแต่ละหมู่บ้าน เอาง่ายๆ ป่าช้าประจำหมู่บ้านของแต่ละหมู่บ้าน 3 ทาง ทางละหมู่บ้าน แต่ ปลายทางไปจบที่เดียวคือบ้านเพื่อนผม
ทางแรกเป็นหมู่บ้านที่ บ้านคนอาศัยห่างๆกัน ชาวบ้านจะทำบ้านอยู่ในสวนลำใยของตัวเองบ้านเลยไม่ค่อยติดๆกันและมีป่าช้าติดกับ โรงเรียน
ทางที่ 2 ผ่านวัดและโรงลิเกเก่าที่มีคนผูกคอตาย ทางนี้จะมีแต่สวนลำใยแทบจะไม่มีบ้านคน และผ่านป่าช้า
ทางที่ 3 ผ่านวัดที่ติดกับถ้ำ(ปากถ้ำอยู่ติดกับถนนเลย)ออกจากถนนเส้นนี้มาจะเป็นป่าช้าและเป็นถนนเส้นหลัก
             ผมละแฟนจึงเลือกผ่านทางแรก เพราะใกล้สุด ในระหว่างที่ผมกับแฟนขี่มอไซต์ไปเรื่อยๆได้ครึ่งทาง ผ่านสวนลำใยและต้องผ่านป่าช้า ก็ผ่านโค้งๆนึงซึ่งมีต้นกล้วยขึ้นอยู่กอนึงข้างทาง  ในตอนนั้นผมขี่มอไซต์กำลังเข้าโค้งตามปกติแต่ผ่านโค้งนั้นมาสักพักแฟนผมบอกกับผมว่า "ตอนที่ผมขี่มอไซต์กำลังเข้าโค้งเค้าเลือบไปเห็นเงาดำตัวใหญ่ๆยืนอยู่หลังต้นกล้วยแฟนผมจึงหลับตาและลืมตาอีกทีเห็นผมขี่มอไซต์ผ่านทะลุล่างนั้นไปพอหันไปดูเงานั้นก็หายไป " เลยบอกให้ผมรีบขี่มอไซต์ พอไปถึงบ้านเพื่อนก็นั่งกินหมูกะทะกันจนอิ่มก็ประมาณเกือบเที่ยงคืน ตอนนั้นก็นึกไงไม่รู้เล่าเรื่องที่เจอก่อนมากินหมูกะทะให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็บอกว่าตรงโค้งนั้นอะมีคนหลุดโค้งคอหักตาย ละเพื่อนก็มาบอกตอนจะกลับพอดี เลยคุยกับแฟนว่า ทางที่ 2 ก็กลัวโรงลิเก เลยเลือกกลับทางที่ 3 ดีกว่า ตอนนั้นขี่มอไซต์ออกจากบ้านเพื่อน ผมมีความรู้สึกว่ามีคนมองตลอดทั้งๆที่ตอนนั้นก็เกือบเที่ยงแล้วชาวบ้านแถวนั้นก็นอนกันหมดแล้ว  พอมาถึง หน้าป่าช้าผมก็หลุดปากพูดออกมาว่า "รู้สึกคืนนี้เหมือนจะเจออะไรสักอย่าง" ซึ่งตอนนั้นแฟนผมปวดท้องหนักเลยรีบให้ขี่มอไปแวะปั๊มที่มีเซเว่นตรงถนนหลัก แต่หลังจากที่ผ่านป่าช้ามาจนมาถึงปั๊มแฟนผมออกจากห้องน้ำมาก็บอกว่า "ตอนที่ผ่านปากถ้ำเห็นผู้หญิงยืนก้มหน้าอยู่ตรงริมถนนพอผมขี่มอไซค์ไปใกล้ผู้หญิงคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาแต่ว่าเท้าผู้หญิงไม่มีและมองหน้า เลยเอาหน้าฟุบหลังผมแต่ ไม่ยอมบอกกลัวผมตกใจละมอไซต์จะล้ม"
                 ตรงนี้ พีคสุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!
                และสิ่งที่ผมหลุดปากออกก็เจอเข้าจริงๆ!!!!
เกือบจะถึงบ้านอยู่แล้วโค้งสุดท้ายก่อนถึงบ้านของผมขอบอกไว้ก่อนโค้งนี้ไม่ธรรมดา เกือบ 20 ศพ!! ในขณะที่ผมขี่มอไซค์ผ่านโค้งนั้นมาจนสุดโค้ง ไฟกิ่งมืดสนิท ในเวลา เที่ยงคืนพอดี มีต้นไม้ใหญ่อยู่ขวามือริมทางตรงนั้นมืดสนิทและเงียบสงัดไม่มีเสียงอะไรเลย ผมขี่มอไซต์ผ่านต้นไม้นั้นพอดี ตอนนั้นผมหันไปดูตรงโคนต้นไม้ ก็ต้องตกใจและช๊อคคคคคคคคคค สิ่งทีผมกับแฟนเห็นคือ หญิงแก่อายุประมาณ 90 กว่า หุ่นผอมบางเหลือแต่หนังหุ่มกระดูก ผมยาวลอนๆเปียกน้ำ วิ่ง 4 เท้าแบบใช้มือวิ่งด้วยพุ่งงงงงงง ตรงมาหามอไซค์ผมแฟนผมกริดดดดดดดดด!แตก บอกให้ผมบิดมอไซค์หนี  ตอนนั้นผมช็อคหนักมากมือเท้าช้าเกร่งไปทั้งตัวบิดมอไซค์ไม่ได้ ได้แต่ขี่แบบช็อคๆ ตัวหญิงแก่เกือบจะแตะมอไซค์มือของหญิงแก่เอื่อมมาอีก 1 ฝ่ามือจะถึงขาของผม พอตั้งสติได้ผมกับแฟนก็ยกขาขึ้น แล้วก็บิดมอไซค์หนี พอหันกลับไปดูหญิงแก่คนนั้นได้หายไปแล้ว จนมาถึงบ้านผมกับแฟนก็คุยกันว่าเห็นเหมือนกันใช่ไหม แฟนผมบอกว่าเต็มๆร้องไห้ฟูมฟายเลย เช้ามาก็พากันไปใส่บาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ หลังจากนั้นมาก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย.