คุณแม่มือใหม่ต้องรู้...สิทธิ์การฝากครรภ์ ลาคลอด ค่าคลอดบุตร เงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคม
สำนักงานประกันสังคมได้เพิ่มเติมสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ประกันตนหรือคู่สมรสมีการฝากครรภ์ตามเกณฑ์คุณภาพ โดยสนับสนุนค่าฝากครรภ์เพิ่มเติม 1,000 บาท ในกรณีเข้ารับบริการฝากครรภ์ ที่สถานพยาบาล เริ่ม 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา
มีการแบ่งจ่ายทั้งหมด 3 งวดด้วยกัน คือ
-ครั้งที่ 1 : อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ จะได้รับเงิน 500 บาท
-ครั้งที่ 2 : อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ จะได้รับเงิน 300 บาท
-ครั้งที่ 3 : อายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 28 สัปดาห์ จะได้รับเงิน 200 บาท
สำหรับแนวทางการขอรับประโยชน์ทดแทน จะต้องมีหลักฐานการเข้ารับบริการจากสถานพยาบาลที่ไปใช้บริการฝากครรภ์ในแต่ละครั้ง
และสามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนในส่วนค่าตรวจและรับฝากครรภ์เพิ่มเติมได้โดยไม่ต้องรอให้มีการคลอดบุตร
กรณีคลอดบุตร
คุณแม่ที่เป็นผู้ประกันตน สามารถลาคลอดได้ 90 วัน
หากคุณแม่ลาคลอดก่อน 1 สัปดาห์ เพื่อเตรียมตัวคลอด จะถือว่าวันที่ลา 1 สัปดาห์ เป็นวันลาคลอดด้วย
การตั้งครรภ์ครั้งนึงลาคลอดได้ไม่เกิน 90 วัน นับวันหยุดระหว่างที่ลาด้วยค่ะ
หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการรับสิทธิประกันสังคม
1.ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนเดือนคลอดบุตร
2.จ่ายค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายกรณีคลอดบุตรให้แก่ผู้ประกันตนในอัตรา 13,000 บาทต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้ง
3.ผู้ประกันตนหญิงมีสิทธิรับเงินสงเคราะห์การหยุดงาน เพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย
เป็นระยะเวลา 90 วัน
4.การใช้สิทธิบุตรคนที่ 3 จะไม่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์การหยุดงาน เพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง
เฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน
5.กรณีสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่จำกัดจำนวนบุตร/ครั้ง
คุณแม่ที่เป็นผู้ประกันตนฐานเงินเดือนสูงสุด 15,000 บาท โดยเงินในส่วนนี้จะเป็นประกันสังคมออกให้ 45 วัน
และนายจ้างออกให้อีก 45 วัน
สิทธิประโยชน์สงเคราะห์บุตร
ผู้ประกันตนมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์จากอัตราเหมาจ่ายเป็นเงิน400 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน
เป็นอัตราเหมาจ่าย 600 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน โดยให้มีผลย้อนหลังใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561
ยังได้กำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร ซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์
จากจำนวนคราวละไม่เกิน 2 คน เป็นจำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน โดยให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.2558
หลักเกณฑ์และเงื่อนไข
1. จะต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39
2. จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
สิทธิที่ท่านจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 400 บาทต่อบุตรหนึ่งคน
3. จะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น
4. อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย
ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์
ติดต่อสอบถามสายด่วนประกันสังคม 1506 เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงนะคะ
คุณแม่มือใหม่ต้องรู้...สิทธิ์การฝากครรภ์ ลาคลอด ค่าคลอด เงินสงเคราะห์บุตร ประกันสังคม
มีการแบ่งจ่ายทั้งหมด 3 งวดด้วยกัน คือ
-ครั้งที่ 2 : อายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 20 สัปดาห์ จะได้รับเงิน 300 บาท
-ครั้งที่ 3 : อายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ แต่ไม่เกิน 28 สัปดาห์ จะได้รับเงิน 200 บาท
และสามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนในส่วนค่าตรวจและรับฝากครรภ์เพิ่มเติมได้โดยไม่ต้องรอให้มีการคลอดบุตร
หากคุณแม่ลาคลอดก่อน 1 สัปดาห์ เพื่อเตรียมตัวคลอด จะถือว่าวันที่ลา 1 สัปดาห์ เป็นวันลาคลอดด้วย
การตั้งครรภ์ครั้งนึงลาคลอดได้ไม่เกิน 90 วัน นับวันหยุดระหว่างที่ลาด้วยค่ะ
1.ผู้ประกันตนจะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายใน 15 เดือนก่อนเดือนคลอดบุตร
2.จ่ายค่าบริการทางการแพทย์เหมาจ่ายกรณีคลอดบุตรให้แก่ผู้ประกันตนในอัตรา 13,000 บาทต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้ง
3.ผู้ประกันตนหญิงมีสิทธิรับเงินสงเคราะห์การหยุดงาน เพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย
เป็นระยะเวลา 90 วัน
4.การใช้สิทธิบุตรคนที่ 3 จะไม่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์การหยุดงาน เพื่อการคลอดบุตรเหมาจ่ายในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง
เฉลี่ยเป็นระยะเวลา 90 วัน
5.กรณีสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่จำกัดจำนวนบุตร/ครั้ง
และนายจ้างออกให้อีก 45 วัน
เป็นอัตราเหมาจ่าย 600 บาทต่อเดือนต่อบุตร 1 คน โดยให้มีผลย้อนหลังใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561
ยังได้กำหนดให้ผู้ประกันตนมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร ซึ่งมีอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์
จากจำนวนคราวละไม่เกิน 2 คน เป็นจำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน โดยให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.2558
1. จะต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39
2. จะต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
สิทธิที่ท่านจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 400 บาทต่อบุตรหนึ่งคน
3. จะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น
4. อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย
ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์