วันนี้ขอนำส่วนหนึ่งของซีรี่ย์เรื่องสั้นที่ผมได้แต่งขึ้นเองเป็นงานอดิเรกและความชื่นชอบในงานเขียนล้วนๆ ขอบคุณที่ลองสละเวลาอ่านดูครับ
ติดตามต่อได้ที่เพจ Sansak R.
https://web.facebook.com/Sansak-R-1028687463959541/
จะอัพเดตรายการ ฉันเจอผี เรื่อยๆใน note ของทางเพจครับ
******************************************************
กราบสวัสดีท่านผู้อ่านผู้มีความหิวกระหายในเรื่องลี้ลับทั้งหลายที่เคารพรัก วันนี้ขอนำทุกท่านเข้าสู่รายการ ‘ฉันเจอผี’ ตอนที่หนึ่ง ดำเนินรายการโดยกระผม นาย แสนศักดิ์ เรืองธรรม คอลัมน์นิสตัวน้อยๆจากนิตยสาร DIE อันเลื่องชื่อลือชา (หรือเปล่าไม่แน่ใจ) ไม่ขอแนะนำตัวอะไรมาก แค่อยากให้ท่านรู้เอาไว้ว่าตัวผมนั้นก็เหมือนท่านๆนั่นแหละ ไม่ว่าจะขี้กลัวขนาดไหนก็ยังจะเสาะหาดั้นด้นไปหาเรื่องลี้ลับมาเม้ามอยกันทุกครั้งไป เรียกได้ว่าเสพติดไปแล้วก็ว่าได้
รายการนี้จะเป็นบันทึกเหตุการณ์จากปากของผู้ที่ได้ประสบพบเจอเหตุการณ์อันไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลและหลักการใดๆ ตัวผมเองได้มีโอกาสลงพื้นที่เพื่อพิสูจน์และสืบหาความจริงต้องยอมรับว่าจนถึงตอนนี้ยังขนลุกไม่หาย โปรดใช้วิจารณญาณของท่านในการประมวลผลข้อมูลเหล่านี้ ขอบคุณที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันครับ
Date: 18/OCT/2017 ; Time: 09.00 a.m. ; Venue: Z. University, Bangkok
วันนี้ผมได้เดินทางมาตามคำเชิญจากน้องเอ (นามสมมุติ) นักศึกษาชั้นปีแรกของมหาวิทยาลัยแถบชานเมืองกรุงเทพฯแห่งหนึ่ง
ทันทีที่ผมก้าวผ่านรั้วของมหาวิทยาลัยเข้ามาผมก็สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบที่หาได้ยากนักในมหานครอันวุ่นวายนี้ แต่ในใจลึกๆผมกลับรู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่างที่ซ่อนอยู่ใต้ความสงบสุขนี้ นี่คือสถานที่แห่งการล่าฝัน การแข่งขัน การดิ้นรนต่อสู้ น้ำตาแห่งชัยชนะและความพ่ายแพ้ผสมปนเปกันไป
บรรดาต้นไม้ใหญ่และเก่าแก่ห้อมล้อมไปทั่วบริเวณราวกับผู้เฒ่าผู้แก่ที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้มาตั้งแต่สมัยบรรกาล คอยปกปักษ์รักษาและเฝ้ามองลูกหลานด้วยความเป็นห่วง เมื่อได้เห็นชีวิตของนักศึกษาผมก็อดย้อนนึกถึงตัวเองสมัยเรียนไม่ได้ เวลาช่างผ่านไปไวนัก
น้องเอและเพื่อนสนิทอีกสามคนนั่งรอผมอยู่ที่โต๊ะไม้เก่าๆใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศร่มรื่นดี ผมรู้สึกว่าอากาศรอบๆเย็นผิดปกติยังไงชอบกล เดือนตุลาคมก็เริ่มเข้าใกล้หน้าหนาวแล้วนี่เนอะ
บทสัมภาษณ์น้องเอและเพื่อนๆ:
แสนศักดิ์: สวัสดีครับน้องเอ พี่แสนศักดิ์จากนิตยสาร DIE นะครับ ขอบคุณมากๆที่สละเวลาให้พี่เก็บข้อมูลนะครับ เรียกพี่สั้นๆว่าแสนก็ได้ครับ
น้องเอ: สวัสดีค่ะพี่ (น้องมีสีหน้าของคนไม่สบายใจชัดเจน เพื่อนๆก็ดูจะนั่งกันเกร็งๆ) ทางหนูต่างหากที่ต้องขอบคุณที่พี่ให้ความสนใจกับเรื่องที่หนูส่งไปค่ะ
แสนศักดิ์: ยินดีครับผม พี่ได้อ่านเรื่องราวคร่าวๆในอีเมลล์แล้ว เรื่องของน้องเอ็ม (นามสมมุติ) สินะครับ ก่อนอื่น พี่ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ (ทันทีที่พูดเชื่อ ‘น้องเอ็ม’ ออกไป ผมรู้สึกมีอาการโหวงๆแปลกๆในอก น้องๆพยายามไม่สบตาผม)
น้องเอ: ใช่ค่ะ พี่ทราบไหมคะว่าทำไมหนูถึงเลือกนัดพี่ที่นี่ ตรงนี้คือโต๊ะประจำของกลุ่มเราค่ะ แล้วก็เป็นสถานที่แรกที่พวกหนูเจอเอ็มด้วย เราจะมากินข้าวเที่ยงด้วยกันที่นี่แทบทุกวันเลยค่ะ (ผมสังเกตได้ว่าน้องเริ่มมีอาการน้ำตาคลอ)
แสนศักดิ์: งั้นช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดคร่าวๆให้พี่กับท่านผู้อ่านได้รับทราบอีกรอบได้ไหมครับ
น้องเอ: ค่ะพี่แสน เอ็มกับหนูเป็นรูมเมทกัน เราสนิทกันตั้งแต่ตอนเข้าค่ายนักศึกษาใหม่แล้วค่ะ เอ็มเป็นเด็กเรียนดีแต่ฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากเลยอยากหาคนแชร์ห้องอยู่ด้วย หนูเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้ามีรูมเมทน่าจะช่วยทุ่นเรื่องค่าที่พักไปได้เยอะ ทุกอย่างกำลังไปได้สวยค่ะ ทั้งเรื่องเรียน กิจกรรม สังคม เพื่อน จนกระทั่งจู่ๆเอ็มก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่เทอมแรกผลการเรียนเอ็มถือว่าดีมากๆ เทอมหลังเอ็มเปลี่ยนไปคนละคนเลยค่ะ ผลการสอบย่อยหรือควิซแต่ละครั้งตกลงอย่างน่าใจหาย เหมือนไม่ได้เตรียมตัวเลยค่ะ ช่วงที่เรานัดติวกันเอ็มมักจะหายตัวไปเสมอ อ้างว่ามีธุระสำคัญต้องรีบไปสะสางก่อน แถมบางคืนเอ็มก็หายตัวไปทั้งคืนแล้วกลับมาอีกทีเช้าตรู่ จบด้วยการนอนยาวไม่เข้าเรียนเลยค่ะ แล้วจุดแตกหักก็เริ่มมาจาก ….. (น้องเอหันหน้าไปหาน้องบีคล้ายขอความช่วยเหลือ)
น้องบี: เรื่องมีอยู่ว่าอยู่ๆเอ็มก็มาขอยืมเงินพวกเราค่ะ ไม่ใช่จำนวนน้อยๆด้วยนะ พวกเราถามแล้วว่าจะเอาไปทำอะไรเอ็มก็ไม่ยอมบอกค่ะ จนวันหนึ่งเอ็มเข้าไปขโมยเงินสดที่หนูเตรียมไว้เพื่อจ่ายค่าห้องในห้องหนูแต่หนูจับได้คาหนังคาเขาเลยค่ะ ยังดีที่พวกเราไม่แจ้งความนะคะ
น้องเอ: พวกเราสี่คนเลยรุมว่าเอ็มกันยกใหญ่เลยค่ะ ฝ่ายหนูก็ผิดด้วยแหละที่ตอนนั้นอารมณ์มันพาไป เราอยากให้เอ็มรู้สึกตัวสักทีว่าเอ็มจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เอ็มกำลังทำลายชีวิตตัวเองอยู่ แล้วเอ็มก็ตะคอกกลับมาดังลั่นว่า “พวกเธอจะไปรู้อะไร” จากนั้นพวกเราก็แทบจะไม่คุยกับเอ็มอีกเลย อึดอัดอยู่อย่างนั้นเป็นเดือนเลยค่ะ
(แล้วน้ำตาน้องเอก็เริ่มไหลอาบแก้ม เสียงสั่นเครือ ผมจึงยื่นกระดาษทิชชู่ให้)
แสนศักดิ์: ไม่ใช่ความผิดพวกหนูหรอกครับ อย่าโทษตัวเองเลย เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว
น้องเอ: ขอบคุณค่ะ แล้ว แล้ว วันนั้นก็มาถึง วันที่พวกหนูเสียใจไปตลอดชีวิต วันที่เอ็มกลับมาที่ห้องวันสุดท้าย เอ็มกลับมาตอนห้าทุ่มกว่าๆซึ่งหนูหลับไปแล้ว พร้อมวางโพสอิทใบนี้ไว้ที่หัวเตียงหนู
น้องเอยื่นกระดาษโน๊ตแบบโพสอิทสีเหลืองใบหนึ่งให้ผม เธอหันไปสวมกอดกับน้องบีแล้วทั้งคู่ก็ร้องไห้ ต่อให้ผมไม่ได้เก่งเท่าโคนันก็รู้ว่านี่คือจดหมายสั่งลาของน้องเอ็มแน่นอน ก่อนที่เธอจะกระโดดออกทางหน้าต่างห้องบนชั้นแปดลงมาจบชีวิตตนเองด้วยการฆ่าตัวตาย
เอ เราขอโทษนะ เราคงจะกลับไปเป็นเพื่อนสนิทคนเดิมของเธอไม่ได้อีกต่อไป ไว้เจอกันใหม่นะ
รัก
เอ็ม
เมื่อได้อ่านข้อความสั้นๆนี้ผมก็รู้สึกสงสารน้องๆจับใจ จิตใจของน้องๆคงพังทลายหลังทราบข่าวว่าอดีตเพื่อนรักได้จากไปแล้ว
แต่ผมกลับลืมความรู้สึกเศร้าไปเลย……. เพราะในระหว่างที่น้องๆเล่าเรื่องให้ฟังผมบังเอิญมองขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่
ผมเห็นน้องนักศึกษาสาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนนั้น แกว่งเท้าไปมาอย่างสบายใจ หากสังเกตดีๆใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเลือด สีหน้าดูทุกข์ทรมาน และขาสองข้างของเธอนั้นบิดเบี้ยวไร้รูปทรงราวกับว่ากระดูกของเธอนั้นได้แตกละเอียดไปหมดแล้วจากการกระแทกพื้นอย่างรุนแรง เธอไม่ได้แกว่งขา......แต่ขาของเธอแค่พลิ้วไหวไปตามสายลมเท่านั้นเอง
****** โปรดติดตามต่อได้ที่เพจเฟสบุ๊ค Sansak R. ขอบคุณครับ *********
โปรเจ็ค 'ฉันเจอผี' โดย แสนศักดิ์ เรืองธรรม นิตยสาร DIE Magazine
ติดตามต่อได้ที่เพจ Sansak R.
https://web.facebook.com/Sansak-R-1028687463959541/
จะอัพเดตรายการ ฉันเจอผี เรื่อยๆใน note ของทางเพจครับ
******************************************************
กราบสวัสดีท่านผู้อ่านผู้มีความหิวกระหายในเรื่องลี้ลับทั้งหลายที่เคารพรัก วันนี้ขอนำทุกท่านเข้าสู่รายการ ‘ฉันเจอผี’ ตอนที่หนึ่ง ดำเนินรายการโดยกระผม นาย แสนศักดิ์ เรืองธรรม คอลัมน์นิสตัวน้อยๆจากนิตยสาร DIE อันเลื่องชื่อลือชา (หรือเปล่าไม่แน่ใจ) ไม่ขอแนะนำตัวอะไรมาก แค่อยากให้ท่านรู้เอาไว้ว่าตัวผมนั้นก็เหมือนท่านๆนั่นแหละ ไม่ว่าจะขี้กลัวขนาดไหนก็ยังจะเสาะหาดั้นด้นไปหาเรื่องลี้ลับมาเม้ามอยกันทุกครั้งไป เรียกได้ว่าเสพติดไปแล้วก็ว่าได้
รายการนี้จะเป็นบันทึกเหตุการณ์จากปากของผู้ที่ได้ประสบพบเจอเหตุการณ์อันไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผลและหลักการใดๆ ตัวผมเองได้มีโอกาสลงพื้นที่เพื่อพิสูจน์และสืบหาความจริงต้องยอมรับว่าจนถึงตอนนี้ยังขนลุกไม่หาย โปรดใช้วิจารณญาณของท่านในการประมวลผลข้อมูลเหล่านี้ ขอบคุณที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันครับ
Date: 18/OCT/2017 ; Time: 09.00 a.m. ; Venue: Z. University, Bangkok
วันนี้ผมได้เดินทางมาตามคำเชิญจากน้องเอ (นามสมมุติ) นักศึกษาชั้นปีแรกของมหาวิทยาลัยแถบชานเมืองกรุงเทพฯแห่งหนึ่ง
ทันทีที่ผมก้าวผ่านรั้วของมหาวิทยาลัยเข้ามาผมก็สัมผัสได้ถึงความเงียบสงบที่หาได้ยากนักในมหานครอันวุ่นวายนี้ แต่ในใจลึกๆผมกลับรู้สึกได้ถึงแรงกดดันบางอย่างที่ซ่อนอยู่ใต้ความสงบสุขนี้ นี่คือสถานที่แห่งการล่าฝัน การแข่งขัน การดิ้นรนต่อสู้ น้ำตาแห่งชัยชนะและความพ่ายแพ้ผสมปนเปกันไป
บรรดาต้นไม้ใหญ่และเก่าแก่ห้อมล้อมไปทั่วบริเวณราวกับผู้เฒ่าผู้แก่ที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้มาตั้งแต่สมัยบรรกาล คอยปกปักษ์รักษาและเฝ้ามองลูกหลานด้วยความเป็นห่วง เมื่อได้เห็นชีวิตของนักศึกษาผมก็อดย้อนนึกถึงตัวเองสมัยเรียนไม่ได้ เวลาช่างผ่านไปไวนัก
น้องเอและเพื่อนสนิทอีกสามคนนั่งรอผมอยู่ที่โต๊ะไม้เก่าๆใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศร่มรื่นดี ผมรู้สึกว่าอากาศรอบๆเย็นผิดปกติยังไงชอบกล เดือนตุลาคมก็เริ่มเข้าใกล้หน้าหนาวแล้วนี่เนอะ
บทสัมภาษณ์น้องเอและเพื่อนๆ:
แสนศักดิ์: สวัสดีครับน้องเอ พี่แสนศักดิ์จากนิตยสาร DIE นะครับ ขอบคุณมากๆที่สละเวลาให้พี่เก็บข้อมูลนะครับ เรียกพี่สั้นๆว่าแสนก็ได้ครับ
น้องเอ: สวัสดีค่ะพี่ (น้องมีสีหน้าของคนไม่สบายใจชัดเจน เพื่อนๆก็ดูจะนั่งกันเกร็งๆ) ทางหนูต่างหากที่ต้องขอบคุณที่พี่ให้ความสนใจกับเรื่องที่หนูส่งไปค่ะ
แสนศักดิ์: ยินดีครับผม พี่ได้อ่านเรื่องราวคร่าวๆในอีเมลล์แล้ว เรื่องของน้องเอ็ม (นามสมมุติ) สินะครับ ก่อนอื่น พี่ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ (ทันทีที่พูดเชื่อ ‘น้องเอ็ม’ ออกไป ผมรู้สึกมีอาการโหวงๆแปลกๆในอก น้องๆพยายามไม่สบตาผม)
น้องเอ: ใช่ค่ะ พี่ทราบไหมคะว่าทำไมหนูถึงเลือกนัดพี่ที่นี่ ตรงนี้คือโต๊ะประจำของกลุ่มเราค่ะ แล้วก็เป็นสถานที่แรกที่พวกหนูเจอเอ็มด้วย เราจะมากินข้าวเที่ยงด้วยกันที่นี่แทบทุกวันเลยค่ะ (ผมสังเกตได้ว่าน้องเริ่มมีอาการน้ำตาคลอ)
แสนศักดิ์: งั้นช่วยเล่าเรื่องทั้งหมดคร่าวๆให้พี่กับท่านผู้อ่านได้รับทราบอีกรอบได้ไหมครับ
น้องเอ: ค่ะพี่แสน เอ็มกับหนูเป็นรูมเมทกัน เราสนิทกันตั้งแต่ตอนเข้าค่ายนักศึกษาใหม่แล้วค่ะ เอ็มเป็นเด็กเรียนดีแต่ฐานะทางบ้านไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากเลยอยากหาคนแชร์ห้องอยู่ด้วย หนูเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าถ้ามีรูมเมทน่าจะช่วยทุ่นเรื่องค่าที่พักไปได้เยอะ ทุกอย่างกำลังไปได้สวยค่ะ ทั้งเรื่องเรียน กิจกรรม สังคม เพื่อน จนกระทั่งจู่ๆเอ็มก็เริ่มเปลี่ยนไป จากที่เทอมแรกผลการเรียนเอ็มถือว่าดีมากๆ เทอมหลังเอ็มเปลี่ยนไปคนละคนเลยค่ะ ผลการสอบย่อยหรือควิซแต่ละครั้งตกลงอย่างน่าใจหาย เหมือนไม่ได้เตรียมตัวเลยค่ะ ช่วงที่เรานัดติวกันเอ็มมักจะหายตัวไปเสมอ อ้างว่ามีธุระสำคัญต้องรีบไปสะสางก่อน แถมบางคืนเอ็มก็หายตัวไปทั้งคืนแล้วกลับมาอีกทีเช้าตรู่ จบด้วยการนอนยาวไม่เข้าเรียนเลยค่ะ แล้วจุดแตกหักก็เริ่มมาจาก ….. (น้องเอหันหน้าไปหาน้องบีคล้ายขอความช่วยเหลือ)
น้องบี: เรื่องมีอยู่ว่าอยู่ๆเอ็มก็มาขอยืมเงินพวกเราค่ะ ไม่ใช่จำนวนน้อยๆด้วยนะ พวกเราถามแล้วว่าจะเอาไปทำอะไรเอ็มก็ไม่ยอมบอกค่ะ จนวันหนึ่งเอ็มเข้าไปขโมยเงินสดที่หนูเตรียมไว้เพื่อจ่ายค่าห้องในห้องหนูแต่หนูจับได้คาหนังคาเขาเลยค่ะ ยังดีที่พวกเราไม่แจ้งความนะคะ
น้องเอ: พวกเราสี่คนเลยรุมว่าเอ็มกันยกใหญ่เลยค่ะ ฝ่ายหนูก็ผิดด้วยแหละที่ตอนนั้นอารมณ์มันพาไป เราอยากให้เอ็มรู้สึกตัวสักทีว่าเอ็มจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เอ็มกำลังทำลายชีวิตตัวเองอยู่ แล้วเอ็มก็ตะคอกกลับมาดังลั่นว่า “พวกเธอจะไปรู้อะไร” จากนั้นพวกเราก็แทบจะไม่คุยกับเอ็มอีกเลย อึดอัดอยู่อย่างนั้นเป็นเดือนเลยค่ะ
(แล้วน้ำตาน้องเอก็เริ่มไหลอาบแก้ม เสียงสั่นเครือ ผมจึงยื่นกระดาษทิชชู่ให้)
แสนศักดิ์: ไม่ใช่ความผิดพวกหนูหรอกครับ อย่าโทษตัวเองเลย เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว
น้องเอ: ขอบคุณค่ะ แล้ว แล้ว วันนั้นก็มาถึง วันที่พวกหนูเสียใจไปตลอดชีวิต วันที่เอ็มกลับมาที่ห้องวันสุดท้าย เอ็มกลับมาตอนห้าทุ่มกว่าๆซึ่งหนูหลับไปแล้ว พร้อมวางโพสอิทใบนี้ไว้ที่หัวเตียงหนู
น้องเอยื่นกระดาษโน๊ตแบบโพสอิทสีเหลืองใบหนึ่งให้ผม เธอหันไปสวมกอดกับน้องบีแล้วทั้งคู่ก็ร้องไห้ ต่อให้ผมไม่ได้เก่งเท่าโคนันก็รู้ว่านี่คือจดหมายสั่งลาของน้องเอ็มแน่นอน ก่อนที่เธอจะกระโดดออกทางหน้าต่างห้องบนชั้นแปดลงมาจบชีวิตตนเองด้วยการฆ่าตัวตาย
เอ เราขอโทษนะ เราคงจะกลับไปเป็นเพื่อนสนิทคนเดิมของเธอไม่ได้อีกต่อไป ไว้เจอกันใหม่นะ
รัก
เอ็ม
เมื่อได้อ่านข้อความสั้นๆนี้ผมก็รู้สึกสงสารน้องๆจับใจ จิตใจของน้องๆคงพังทลายหลังทราบข่าวว่าอดีตเพื่อนรักได้จากไปแล้ว
แต่ผมกลับลืมความรู้สึกเศร้าไปเลย……. เพราะในระหว่างที่น้องๆเล่าเรื่องให้ฟังผมบังเอิญมองขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ ผมเห็นน้องนักศึกษาสาวคนหนึ่งนั่งอยู่บนนั้น แกว่งเท้าไปมาอย่างสบายใจ หากสังเกตดีๆใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเลือด สีหน้าดูทุกข์ทรมาน และขาสองข้างของเธอนั้นบิดเบี้ยวไร้รูปทรงราวกับว่ากระดูกของเธอนั้นได้แตกละเอียดไปหมดแล้วจากการกระแทกพื้นอย่างรุนแรง เธอไม่ได้แกว่งขา......แต่ขาของเธอแค่พลิ้วไหวไปตามสายลมเท่านั้นเอง
****** โปรดติดตามต่อได้ที่เพจเฟสบุ๊ค Sansak R. ขอบคุณครับ *********