15/12/2017
ต่อจาก Ep.1 Wakayama
https://ppantip.com/topic/37887406
Ep.2 One Day in Nara
https://ppantip.com/topic/37887736 นะคะ
ค่ะ นัตสึนั่งรถไฟ JR จาก Nara ในช่วงเย็นๆ มาถึงสถานี Kyoto ก็เริ่มค่ำ เดี๋ยวเราจะลากกระเป๋าไปเก็บที่โรงแรมกันก่อนแล้วค่อยมาหาอะไรกินกันค่ะ
ทีนี้...สถานีเกียวโตเป็นสถานีใหญ่ นัตสึแนะนำให้ Save แผนที่สถานีเอาไว้ในมือถือ และทำการบ้านเกี่ยวกับทางออกมาคร่าวๆจะช่วยได้เยอะค่ะ อย่างนัตสึ กับพี่ๆ เราพักที่ IBIS Style Kyoto Station นัตสึก็ทำการบ้านมาว่าเราต้องออก ทาง Hachijo Exit
จาก Map นัตสึมาจาก Nara Line (หมายเลข 8/9/10) พอเดินออกจากชานชลาก็มองป้าย Hachijo ไว้ คือเมื่อดูตาม Map มันต้องมาทาง Shinkansen ก็เดินมาตามนั้นค่ะ และพอออกจากประตูมาปุ๊ปก็จะเห็น IBIS Style Kyoto Station อยู่ฝั่งตรงข้าม เราก็ลากกระเป๋า รอไฟแดง ข้ามถนนมาได้เลย ไม่เสียเวลาค่ะ ถึงโรงแรม กดลิฟท์ขึ้นชั้น 2 ค่ะ ที่นี่ Lobby Check In เค้าอยู่ชั้น 2 ค่ะ เช็คอิน เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็นค่ะ
อาหารเย็นของพวกเราก็ใกล้ๆค่ะ ไปกินกันที่ร้านอาหารบนห้าง Isetan ซึ่งอยู่ที่สถานีเกียวโตเลยค่ะ ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 11 ของ Isetan จะมีร้านอาหารให้เลือกหลายร้านเลยค่ะ แต่ร้านที่นัตสึเลือก เป็นร้านที่เคยมาแล้วตอนมากับที่ทำงานและนัตสึประทับใจมาก มันอร่อย แฮ่ นัตสึเลยขอพาพี่ๆเดอะแก๊งส์มาโดนบ้างค่ะ ชื่อร้าน Wako – Tonkatsu Pork Cutlets ค่ะ ภาพหน้าร้าน ไม่ได้ถ่ายมา ขออนุญาตยืมภาพจากเวปของสถานีเกียวโตนะคะ
เมนู Signature ขอเค้าก็คือทงคัตสึ นั่นแหละค่ะ เราสามารถสั่งได้ว่า เราต้องการน้ำหนักกี่กรัม เค้าก็จะเสิร์ฟเราตามนั้น ทีนี้ในชุดจะมีข้าว ซุป ผักสด ซึ่งเราขอเค้าได้ไม่อั้นค่ะ นอกจากเรื่องรสชาติอาหารที่ประทับใจแล้ว ความชอบส่วนตัวของนัตสึคือ ก่อนหมูทอดจะมาเสิร์ฟ เค้าจะมีอุปกรณ์มาให้เราบดส่วนผสมในน้ำจิ้มเองค่ะ คือมันเป็นเหมือนงานะ ถ้านัตสึเข้าใจไม่ผิด เราก็บดๆแล้วค่อยเอาซอสที่วางไว้บนโต๊ะใส่ลงไป (มีให้เลือกหลายซอสอยู่ นัตสึก็ชิมๆเอา แล้วปรุงตามความพอใจของตัวเอง มั่วบ้างอะไรบ้าง จริงๆเค้าก็อธิบายแหละ แต่ไม่รู้เรื่อง เพราะเป็นภาษาญี่ปุ่น 555 )
อันนี้นัตสึบดเสร็จแล้วค่ะ
และนี่คือหน้าตาทงคัตสึกับเครื่องเคียง ที่เติมไม่อั้น
พออิ่มท้องแล้ว พวกเราเดินเล่นใน Isetan สักพัก แล้วก็ข้ามไปเดินฝั่งเดียวกับโรงแรมค่ะ คือฝั่งโรงแรมจะมีพวกร้าน Drug Store มีร้านดองกี้ด้วย วันนี้เป็นวันเดินสำรวจก่อน เพราะจริงๆ Shopping List พวกเรายาวมาก อ่อ ดองกี้สาขาตรงสถานีเกียวโตนี้ ณ วันที่นัตสึไป (ธันวาคม 60) เค้าไม่ได้เปิด 24 ชม.นะคะ เป็นร้านไม่ได้ใหญ่มากด้วย ชั้นบนปิด 4 ทุ่ม ชั้นล่างปิดเที่ยงคืน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังไง จะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า ต้องเช็คดูค่ะ นัตสึกับพี่ๆขอตัวไปสำรวจตลาดก่อนแล้วกันนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเราจะเริ่มตะลุยเกียวโตกันค่ะ
.................................................................................................................................................................
16/12/2017
ตัดมาที่เช้าวันใหม่นะคะ วันนี้เรากินอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมค่ะ คราวนี้จองที่พักแบบ Include Breakfast ด้วย เป็น Buffet Breakfast ค่ะ
จากนั้นก็เดินออกจากโรงแรม ทีนี้ จาก Map ของสถานีด้านบนก็คือ ข้ามถนนตรงไฟแดงหน้าโรงแรม แล้วเดินขึ้นไปบนสถานี เดินตรงตัดไปอีกฝั่งของสถานีเลยค่ะ จะเจอศูนย์กลางของรถบัสอยู่ เราก็ไปซื้อตั๋ว One Day Ticket สำหรับขึ้นรถเมล์ที่หน้าสถานีเกียวโตค่ะ (ราคา 500 เยน) จริงๆซื้อจากตู้ขายตั๋วหรือที่ Counter ตรง Bus Information ก็ได้ค่ะ แต่ของนัตสึซื้อที่ Counter ตรงนี้เค้าจะมีแผนที่การเดินรถของรถเมล์เกียวโตให้หยิบฟรีด้วยนะคะ กลับมาพูดถึงตั๋วรถเมล์นิดนึงค่ะ คือรถเมล์ที่นี่ขึ้น 1 รอบ ราคา 230 เยน และนัตสึคำนวนมาแล้วว่าตั๋ววันนี่แหละตอบโจทย์พวกเราที่สุดแล้ว เพราะเป้าหมายวันนี้เรามี 3 วัดค่ะ จะเดินทางตามลำดับนี้นะคะ เริ่มจาก Kinkakuji Temple (วัดทอง)/ Ginkukuji Temple (วัดเงิน) /และสุดท้าย Kiyomizu Temple (วัดน้ำใส) ก่อนจะพาออกเดินทางนัตสึขออธิบายเรื่องตั๋ว One Day Ticket หน่อยนะคะ คือการขึ้นรถเมล์ก็เหมือนที่อื่นๆส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น ที่ต้องขึ้นประตูหลัง หาที่นั่ง คอยมองจอว่าต่อไปเป็นป้ายไหน(จริงๆมีเสียงพูดด้วยแต่บางทีก็ไม่ได้ยิน หรือบางทีได้ยินแต่ฟังไม่ออกจ้า) ถ้าเป็นเป้าหมายของเราก็กดกริ่ง ตอนลงก็เดินมาประตูหน้า เสียบ One Day Ticket เข้ากับเครื่องข้างๆคนขับ เครื่องจะตีวันที่ที่เราใช้ตั๋วลงไป เราก็รับตั๋วคืน แล้วเดินสวยๆลงไป ทีนี้พอขึ้นรถเมล์รอบใหม่ เราก็ทำเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าขาลงไม่ต้องเสียบตั๋วแล้ว โชว์วันที่ที่ใช้ตั๋วให้คนขับดู แล้วก็เดินลงโลด
โอเคค่ะ เริ่มเดินทางกันนะคะ....วัด 3 วัด ตามโปรแกรมที่เราจะไปกันวันนี้ นัตสึเคยมาแล้ว นัตสึก็เลยจะเป็นไกด์ให้พี่ๆเดอะแก็งส์เองค่ะ ไปค่ะ....
เริ่มได้ วัดทอง รถเมล์ สาย 204 เราก็เดินไปรอที่ป้ายของรถ 204 (ที่สถานีจะมีหมายเลขสายรถติดไว้ตามช่องจอดค่ะ) ขึ้นรถแล้วก็เล็งป้าย Kinkakuji-michi ค่ะ เราจะลงป้ายนี้ ระหว่างทางผ่านแต่ละป้าย นัตสึก็ไล่ในแผนที่ตามค่ะ มันช่วยได้อยู่ค่ะ เราจะได้รู้ว่าเหลืออีกกี่ป้ายด้วยจะได้เตรียมตัวถูก ไม่พลาดแน่นอนค่ะ แต่จริงๆคนลงเยอะค่ะ ไม่หลงหรอก 555 ไปถึงตรงทางเข้าซื้อตั๋ว 400 เยน แล้วก็ไปเลยค่ะ วัดนี้มาแล้วมาอีกนัตสึก็ยังไม่เบื่อค่ะ มันสวยจริงๆ ทองอร่ามมาก ต้องมาเห็นด้วยตา ถ่ายรูปออกมายังไงก็ไม่เหมือนที่ตาเห็น รูปจากทริปของนัตสึนี่ก็เป็น iphone 6 ล้วนๆ ภาพเลยสวยได้แค่นี้จริงๆ
ส่วนรูปคู่วัดนี่ แบบว่าคนเยอะจริงๆค่ะ นี่ขนาดมาเช้าแล้ว ถ้าจะถ่ายต้องหาจังหวะหน่อยค่ะ (ก่อนหน้านี้ที่นัตสึมา มาตอนวัดจะปิด นัตสึว่าคนเบาบางกว่านี้เยอะ แต่คงแล้วแต่วันแล้วแต่ดวง กระมังคะ)
ก่อนออกจากวัดตรงทางออกก็จะเหมือนกับวัดอื่นๆค่ะ มีเครื่องรางให้ซื้อกลับไปบูชา เป็นของฝาก เป็นที่ระลึก ใครสนใจก็แวะดูค่ะ แล้วเราจะได้เดินทางไปวัดเงินต่อกันค่ะ ทีนี้เดินออกจากวัดมารอรถเมล์สาย 100 ค่ะ (ตรงนี้นัตสึแนะนำนิดนึงนะคะว่า แผนที่รถเมล์สำคัญมาก จะช่วยให้เราขึ้นรถถูกฝั่งด้วยค่ะ และจริงๆรถเมล์สายอื่นก็ไปวัดเงินได้ แผนที่ช่วยคุณได้ค่ะ ส่วนตัวนัตสึว่ามันเจ๋งว่า Google Map นะบางทีน่ะ) กลับมาที่สาย 100 ค่ะ นั่งไปลงป้าย Ginkukuji-mae นะคะ คือป้ายรถเมล์จะอยู่ในซอยวัดเงินเลย จะเดินใกล้ค่ะ อ่อๆๆๆ ในวัดเงิน อาหาร/ขาตั้งกล้อง/ไม้เซลฟี่ นี่เค้าห้ามนะคะ ต้องเก็บใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วก็เดินไปซื้อตั๋วกันเล้ยยย ค่าเข้าวัดนี้ 500 เยนค่ะ
พอเข้าไปบริเวณวัดจะแคบกว่าวัดทอง บรรยากาศวัดก็ประมาณนี้ค่ะ
เราเดินชมกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทางไปวัดน้ำใสต่อค่ะ
คราวนี้ตามแผนเราว่าจะขึ้นสาย 100 ไป คือถ้าขึ้น 100 ก็จะไปลงป้าย Kiyomizu-michi แล้วทางเข้าวัดจะอยู่ตรงข้ามกับฝั่งที่ลงรถเมล์ ระยะทางจากป้ายรถเมล์ถึงวัดใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว แต่พวกเราดันไม่ทำตามแผน จำไม่ได้ว่าดันไปขึ้นสายอะไร คือมันก็พาไปวัดน้ำใสเหมือนกัน แต่คนละฝั่งกับที่เคยไป และเดินไกลมว้ากกก แต่ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราแข็งแรง นัตสึวิ่งมินิมาราธอนมาหลายงานละ ส่วนพี่ๆคนอื่นเป็นยังไง นัตสึไม่ได้ถาม 555 ระหว่างทางก็มีเดินขึ้นเขาขึ้นเนินเป็นระยะๆนะคะ ไม่ว่าจะทางปกติหรือทางที่หลงมา เป็นแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่ 2 ข้างทาง ร้านรวงครึกครื้นมากตลอดทางค่ะ ขนมของฝากเพียบ แต่ๆๆๆ ถ้าเป็นของกินนะคะ ถ้าจะกิน ซื้อเถอะค่ะ แต่ถ้าจะเอาไปฝาก อย่าถือไปเลย สนามบินถูกกว่าอี้กก นัตสึรู้ นัตสึมีประสบการณ์หอบหิ้วแบบนั้นมาแล้วจากทริปก่อน ^_____^
โอเคค่ะ....เราไปวัดกันดีกว่า วัดน้ำใสค่าเข้าชมภายใน 300 เยน ค่ะ แต่ด้วยความที่ตอนที่ไปนั้น เค้าปิดปรับปรุงในส่วนอาคารหลัก ประกอบกับนัตสึเคยเข้าไปแล้ว เที่ยวนี้เลยแค่เมียงมองและเก็บภาพจากด้านนอก อ่อ แล้วที่นี่นักท่องเที่ยวนิยมเช่ากิโมโนใส่เดินเที่ยวกันเยอะเหมือนกันค่ะ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสนัตสึก็ว่าจะลองบ้าง เหมือนกัน ^_______^
พูดถึงข้างในที่นัตสึไม่ได้เข้า จริงๆเค้าก็มีอะไรเยอะอยู่นะคะ รายละเอียดน่าจะมีเพื่อนๆในพันทิพเล่าไว้เยอะแล้วแหละเนาะ นัตสึขอ Skip แระกันนะคะ แต่ที่แน่ๆ นัตสึว่าราเมงข้างในอร่อยค่ะ แฮ่ พูดแล้วอยากกินอีก
วันนี้ไม่ได้กิน ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวไปหาอะไรกินตรงสองข้างทางหน้าวัดดีกว่า เพราะเราต้องเดินผ่านไปป้ายรถเมล์อยู่แล้ว และร้านที่นัตสึเลือกพาพี่ๆไปกินก็เป็นร้านที่เคยมาแล้ว และติดใจอีกนั่นแหละ (ติดใจไปทุกร้านแหละแกอ่ะ) เวลานัตสึรีวิวอาหารอะไรไป ถ้าใครตามรอยแล้วไม่ถูกปากก็ต้องขออภัย พอดีนัตสึเป็นคนอร่อยง่ายค่ะ จริงๆนะกินอะไร อร่อยไปทุกอย่าง อ่า ท้าดา!!! ถึงแล้วค่ะ
คือร้านเค้าจะขาพวกชาเขียวต่างๆ ชาเขียวร้อน/เย็น/ปั่น ไอศครีม ขนมจากชาเขียว อารมณ์ Kyo Roll En บ้านเราอ่ะค่ะ
และนี่แหละ มื้อเที่ยงของพวกเราวันนี้ คือมื้อเที่ยงตามตารางเที่ยวของแก็งส์นัตสึนี่เป็นแบบกินรายทาง กินตามทางผ่าน ชิมนู่นนี่นั่น ไปเรื่อย เรียนกได้ว่าชิลล์กันจริงๆ
เสร็จจากตรงนี้ ทีแรกนัตสึคิดไว้ว่าถ้ามีเวลาเหลือจะนั่งรถเมล์ไป Nijo Castle ต่อ เพราะเรามีตั๋ววัน ต้องใช้ให้คุ้ม ส่วนถ้าเวลามันค่ำก็ไม่เป็นไร สรุปตอนนี้เวลาประมาณบ่าย 3 โมง คิดไปคิดมา ถ้ารถเมล์ รถติด เสียเวลา เราอาจจะไม่ทันได้เดินดูอะไรปราสาทคงปิด (ประตูทางเข้าปิด 16.00น. แต่ชมปราสาทได้ถึง 17.00น.) คุยๆกันแล้ว เลยตัดสินใจข้าม Nijo Castle ไป แล้วไปเก็บเสาแดง ศาลเจ้า Fushimi Inari ซึ่งอยู่ในโปรแกรมของพรุ่งนี้เลยดีกว่า เพราะเค้าเปิดตลอด และเราสามารถนั่งรถไฟ JR ไปได้โดยไม่ได้เสียอะไรเพิ่มด้วยเพราะเรามี JR Pass อยู่แล้ว ตัดสินใจได้ตามนี้ก็เลยพากัน นั่งรถเมล์กลับสถานีเกียวโตเพื่อไปต่อรถไฟค่ะ
นั่งรถไฟ JR จากสถานีเกียวโต ไปลง สถานี INARI นะคะ จากสถานีเินตามป้ายเลยค่ะ ศาลเจ้า Fushimi Inari อยู่ตรงข้ามสถานีนั่นแหละค่ะ ใช้เวลาเดินประมาณ 3 นาทีได้มั้งคะ ที่นี่พวกเราเดินชมแค่เสาโทริอิ ไม่ได้ขึ้นยอดเขา คือทำการบ้านมาเค้าบอกว่าถ้าขึ้นยอดเขา ต้องใช้เวลาเลยล่ะค่ะ ตอนมาถึงใหม่ๆแสงกำลังดีเลย ถ่ายรูปสวย แต่อุปสรรคก็คือ มวลมหาประชาชนนักท่องเที่ยว (ซึ่งเค้าก็คงคิดว่าเราเป็นอุปสรรคของเค้าเช่นกัน) ก็ต้องรอจังหวะดีๆเอาค่ะ นัตสึใช้วิธีถือมือถือไว้พอเจอจังหวะปุ๊บ เรียกพี่ๆหันมาแล้วรีบกดถ่ายเลยค่ะ
[img]htt
Winter Japan ลากเป๋าเที่ยวญี่ปุ่น 4 เมือง Wakayama/Nara/Kyoto/Osaka Ep.3 - Kyoto
ต่อจาก Ep.1 Wakayama https://ppantip.com/topic/37887406
Ep.2 One Day in Nara https://ppantip.com/topic/37887736 นะคะ
ค่ะ นัตสึนั่งรถไฟ JR จาก Nara ในช่วงเย็นๆ มาถึงสถานี Kyoto ก็เริ่มค่ำ เดี๋ยวเราจะลากกระเป๋าไปเก็บที่โรงแรมกันก่อนแล้วค่อยมาหาอะไรกินกันค่ะ
ทีนี้...สถานีเกียวโตเป็นสถานีใหญ่ นัตสึแนะนำให้ Save แผนที่สถานีเอาไว้ในมือถือ และทำการบ้านเกี่ยวกับทางออกมาคร่าวๆจะช่วยได้เยอะค่ะ อย่างนัตสึ กับพี่ๆ เราพักที่ IBIS Style Kyoto Station นัตสึก็ทำการบ้านมาว่าเราต้องออก ทาง Hachijo Exit
จาก Map นัตสึมาจาก Nara Line (หมายเลข 8/9/10) พอเดินออกจากชานชลาก็มองป้าย Hachijo ไว้ คือเมื่อดูตาม Map มันต้องมาทาง Shinkansen ก็เดินมาตามนั้นค่ะ และพอออกจากประตูมาปุ๊ปก็จะเห็น IBIS Style Kyoto Station อยู่ฝั่งตรงข้าม เราก็ลากกระเป๋า รอไฟแดง ข้ามถนนมาได้เลย ไม่เสียเวลาค่ะ ถึงโรงแรม กดลิฟท์ขึ้นชั้น 2 ค่ะ ที่นี่ Lobby Check In เค้าอยู่ชั้น 2 ค่ะ เช็คอิน เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็นค่ะ
อาหารเย็นของพวกเราก็ใกล้ๆค่ะ ไปกินกันที่ร้านอาหารบนห้าง Isetan ซึ่งอยู่ที่สถานีเกียวโตเลยค่ะ ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 11 ของ Isetan จะมีร้านอาหารให้เลือกหลายร้านเลยค่ะ แต่ร้านที่นัตสึเลือก เป็นร้านที่เคยมาแล้วตอนมากับที่ทำงานและนัตสึประทับใจมาก มันอร่อย แฮ่ นัตสึเลยขอพาพี่ๆเดอะแก๊งส์มาโดนบ้างค่ะ ชื่อร้าน Wako – Tonkatsu Pork Cutlets ค่ะ ภาพหน้าร้าน ไม่ได้ถ่ายมา ขออนุญาตยืมภาพจากเวปของสถานีเกียวโตนะคะ
เมนู Signature ขอเค้าก็คือทงคัตสึ นั่นแหละค่ะ เราสามารถสั่งได้ว่า เราต้องการน้ำหนักกี่กรัม เค้าก็จะเสิร์ฟเราตามนั้น ทีนี้ในชุดจะมีข้าว ซุป ผักสด ซึ่งเราขอเค้าได้ไม่อั้นค่ะ นอกจากเรื่องรสชาติอาหารที่ประทับใจแล้ว ความชอบส่วนตัวของนัตสึคือ ก่อนหมูทอดจะมาเสิร์ฟ เค้าจะมีอุปกรณ์มาให้เราบดส่วนผสมในน้ำจิ้มเองค่ะ คือมันเป็นเหมือนงานะ ถ้านัตสึเข้าใจไม่ผิด เราก็บดๆแล้วค่อยเอาซอสที่วางไว้บนโต๊ะใส่ลงไป (มีให้เลือกหลายซอสอยู่ นัตสึก็ชิมๆเอา แล้วปรุงตามความพอใจของตัวเอง มั่วบ้างอะไรบ้าง จริงๆเค้าก็อธิบายแหละ แต่ไม่รู้เรื่อง เพราะเป็นภาษาญี่ปุ่น 555 )
อันนี้นัตสึบดเสร็จแล้วค่ะ
และนี่คือหน้าตาทงคัตสึกับเครื่องเคียง ที่เติมไม่อั้น
พออิ่มท้องแล้ว พวกเราเดินเล่นใน Isetan สักพัก แล้วก็ข้ามไปเดินฝั่งเดียวกับโรงแรมค่ะ คือฝั่งโรงแรมจะมีพวกร้าน Drug Store มีร้านดองกี้ด้วย วันนี้เป็นวันเดินสำรวจก่อน เพราะจริงๆ Shopping List พวกเรายาวมาก อ่อ ดองกี้สาขาตรงสถานีเกียวโตนี้ ณ วันที่นัตสึไป (ธันวาคม 60) เค้าไม่ได้เปิด 24 ชม.นะคะ เป็นร้านไม่ได้ใหญ่มากด้วย ชั้นบนปิด 4 ทุ่ม ชั้นล่างปิดเที่ยงคืน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่ายังไง จะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า ต้องเช็คดูค่ะ นัตสึกับพี่ๆขอตัวไปสำรวจตลาดก่อนแล้วกันนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเราจะเริ่มตะลุยเกียวโตกันค่ะ
.................................................................................................................................................................
16/12/2017
ตัดมาที่เช้าวันใหม่นะคะ วันนี้เรากินอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมค่ะ คราวนี้จองที่พักแบบ Include Breakfast ด้วย เป็น Buffet Breakfast ค่ะ
จากนั้นก็เดินออกจากโรงแรม ทีนี้ จาก Map ของสถานีด้านบนก็คือ ข้ามถนนตรงไฟแดงหน้าโรงแรม แล้วเดินขึ้นไปบนสถานี เดินตรงตัดไปอีกฝั่งของสถานีเลยค่ะ จะเจอศูนย์กลางของรถบัสอยู่ เราก็ไปซื้อตั๋ว One Day Ticket สำหรับขึ้นรถเมล์ที่หน้าสถานีเกียวโตค่ะ (ราคา 500 เยน) จริงๆซื้อจากตู้ขายตั๋วหรือที่ Counter ตรง Bus Information ก็ได้ค่ะ แต่ของนัตสึซื้อที่ Counter ตรงนี้เค้าจะมีแผนที่การเดินรถของรถเมล์เกียวโตให้หยิบฟรีด้วยนะคะ กลับมาพูดถึงตั๋วรถเมล์นิดนึงค่ะ คือรถเมล์ที่นี่ขึ้น 1 รอบ ราคา 230 เยน และนัตสึคำนวนมาแล้วว่าตั๋ววันนี่แหละตอบโจทย์พวกเราที่สุดแล้ว เพราะเป้าหมายวันนี้เรามี 3 วัดค่ะ จะเดินทางตามลำดับนี้นะคะ เริ่มจาก Kinkakuji Temple (วัดทอง)/ Ginkukuji Temple (วัดเงิน) /และสุดท้าย Kiyomizu Temple (วัดน้ำใส) ก่อนจะพาออกเดินทางนัตสึขออธิบายเรื่องตั๋ว One Day Ticket หน่อยนะคะ คือการขึ้นรถเมล์ก็เหมือนที่อื่นๆส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น ที่ต้องขึ้นประตูหลัง หาที่นั่ง คอยมองจอว่าต่อไปเป็นป้ายไหน(จริงๆมีเสียงพูดด้วยแต่บางทีก็ไม่ได้ยิน หรือบางทีได้ยินแต่ฟังไม่ออกจ้า) ถ้าเป็นเป้าหมายของเราก็กดกริ่ง ตอนลงก็เดินมาประตูหน้า เสียบ One Day Ticket เข้ากับเครื่องข้างๆคนขับ เครื่องจะตีวันที่ที่เราใช้ตั๋วลงไป เราก็รับตั๋วคืน แล้วเดินสวยๆลงไป ทีนี้พอขึ้นรถเมล์รอบใหม่ เราก็ทำเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าขาลงไม่ต้องเสียบตั๋วแล้ว โชว์วันที่ที่ใช้ตั๋วให้คนขับดู แล้วก็เดินลงโลด
โอเคค่ะ เริ่มเดินทางกันนะคะ....วัด 3 วัด ตามโปรแกรมที่เราจะไปกันวันนี้ นัตสึเคยมาแล้ว นัตสึก็เลยจะเป็นไกด์ให้พี่ๆเดอะแก็งส์เองค่ะ ไปค่ะ....
เริ่มได้ วัดทอง รถเมล์ สาย 204 เราก็เดินไปรอที่ป้ายของรถ 204 (ที่สถานีจะมีหมายเลขสายรถติดไว้ตามช่องจอดค่ะ) ขึ้นรถแล้วก็เล็งป้าย Kinkakuji-michi ค่ะ เราจะลงป้ายนี้ ระหว่างทางผ่านแต่ละป้าย นัตสึก็ไล่ในแผนที่ตามค่ะ มันช่วยได้อยู่ค่ะ เราจะได้รู้ว่าเหลืออีกกี่ป้ายด้วยจะได้เตรียมตัวถูก ไม่พลาดแน่นอนค่ะ แต่จริงๆคนลงเยอะค่ะ ไม่หลงหรอก 555 ไปถึงตรงทางเข้าซื้อตั๋ว 400 เยน แล้วก็ไปเลยค่ะ วัดนี้มาแล้วมาอีกนัตสึก็ยังไม่เบื่อค่ะ มันสวยจริงๆ ทองอร่ามมาก ต้องมาเห็นด้วยตา ถ่ายรูปออกมายังไงก็ไม่เหมือนที่ตาเห็น รูปจากทริปของนัตสึนี่ก็เป็น iphone 6 ล้วนๆ ภาพเลยสวยได้แค่นี้จริงๆ
ส่วนรูปคู่วัดนี่ แบบว่าคนเยอะจริงๆค่ะ นี่ขนาดมาเช้าแล้ว ถ้าจะถ่ายต้องหาจังหวะหน่อยค่ะ (ก่อนหน้านี้ที่นัตสึมา มาตอนวัดจะปิด นัตสึว่าคนเบาบางกว่านี้เยอะ แต่คงแล้วแต่วันแล้วแต่ดวง กระมังคะ)
ก่อนออกจากวัดตรงทางออกก็จะเหมือนกับวัดอื่นๆค่ะ มีเครื่องรางให้ซื้อกลับไปบูชา เป็นของฝาก เป็นที่ระลึก ใครสนใจก็แวะดูค่ะ แล้วเราจะได้เดินทางไปวัดเงินต่อกันค่ะ ทีนี้เดินออกจากวัดมารอรถเมล์สาย 100 ค่ะ (ตรงนี้นัตสึแนะนำนิดนึงนะคะว่า แผนที่รถเมล์สำคัญมาก จะช่วยให้เราขึ้นรถถูกฝั่งด้วยค่ะ และจริงๆรถเมล์สายอื่นก็ไปวัดเงินได้ แผนที่ช่วยคุณได้ค่ะ ส่วนตัวนัตสึว่ามันเจ๋งว่า Google Map นะบางทีน่ะ) กลับมาที่สาย 100 ค่ะ นั่งไปลงป้าย Ginkukuji-mae นะคะ คือป้ายรถเมล์จะอยู่ในซอยวัดเงินเลย จะเดินใกล้ค่ะ อ่อๆๆๆ ในวัดเงิน อาหาร/ขาตั้งกล้อง/ไม้เซลฟี่ นี่เค้าห้ามนะคะ ต้องเก็บใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วก็เดินไปซื้อตั๋วกันเล้ยยย ค่าเข้าวัดนี้ 500 เยนค่ะ
พอเข้าไปบริเวณวัดจะแคบกว่าวัดทอง บรรยากาศวัดก็ประมาณนี้ค่ะ
เราเดินชมกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทางไปวัดน้ำใสต่อค่ะ
คราวนี้ตามแผนเราว่าจะขึ้นสาย 100 ไป คือถ้าขึ้น 100 ก็จะไปลงป้าย Kiyomizu-michi แล้วทางเข้าวัดจะอยู่ตรงข้ามกับฝั่งที่ลงรถเมล์ ระยะทางจากป้ายรถเมล์ถึงวัดใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว แต่พวกเราดันไม่ทำตามแผน จำไม่ได้ว่าดันไปขึ้นสายอะไร คือมันก็พาไปวัดน้ำใสเหมือนกัน แต่คนละฝั่งกับที่เคยไป และเดินไกลมว้ากกก แต่ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราแข็งแรง นัตสึวิ่งมินิมาราธอนมาหลายงานละ ส่วนพี่ๆคนอื่นเป็นยังไง นัตสึไม่ได้ถาม 555 ระหว่างทางก็มีเดินขึ้นเขาขึ้นเนินเป็นระยะๆนะคะ ไม่ว่าจะทางปกติหรือทางที่หลงมา เป็นแบบนี้เหมือนกันค่ะ แต่ 2 ข้างทาง ร้านรวงครึกครื้นมากตลอดทางค่ะ ขนมของฝากเพียบ แต่ๆๆๆ ถ้าเป็นของกินนะคะ ถ้าจะกิน ซื้อเถอะค่ะ แต่ถ้าจะเอาไปฝาก อย่าถือไปเลย สนามบินถูกกว่าอี้กก นัตสึรู้ นัตสึมีประสบการณ์หอบหิ้วแบบนั้นมาแล้วจากทริปก่อน ^_____^
โอเคค่ะ....เราไปวัดกันดีกว่า วัดน้ำใสค่าเข้าชมภายใน 300 เยน ค่ะ แต่ด้วยความที่ตอนที่ไปนั้น เค้าปิดปรับปรุงในส่วนอาคารหลัก ประกอบกับนัตสึเคยเข้าไปแล้ว เที่ยวนี้เลยแค่เมียงมองและเก็บภาพจากด้านนอก อ่อ แล้วที่นี่นักท่องเที่ยวนิยมเช่ากิโมโนใส่เดินเที่ยวกันเยอะเหมือนกันค่ะ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาสนัตสึก็ว่าจะลองบ้าง เหมือนกัน ^_______^
พูดถึงข้างในที่นัตสึไม่ได้เข้า จริงๆเค้าก็มีอะไรเยอะอยู่นะคะ รายละเอียดน่าจะมีเพื่อนๆในพันทิพเล่าไว้เยอะแล้วแหละเนาะ นัตสึขอ Skip แระกันนะคะ แต่ที่แน่ๆ นัตสึว่าราเมงข้างในอร่อยค่ะ แฮ่ พูดแล้วอยากกินอีก
วันนี้ไม่ได้กิน ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวไปหาอะไรกินตรงสองข้างทางหน้าวัดดีกว่า เพราะเราต้องเดินผ่านไปป้ายรถเมล์อยู่แล้ว และร้านที่นัตสึเลือกพาพี่ๆไปกินก็เป็นร้านที่เคยมาแล้ว และติดใจอีกนั่นแหละ (ติดใจไปทุกร้านแหละแกอ่ะ) เวลานัตสึรีวิวอาหารอะไรไป ถ้าใครตามรอยแล้วไม่ถูกปากก็ต้องขออภัย พอดีนัตสึเป็นคนอร่อยง่ายค่ะ จริงๆนะกินอะไร อร่อยไปทุกอย่าง อ่า ท้าดา!!! ถึงแล้วค่ะ
คือร้านเค้าจะขาพวกชาเขียวต่างๆ ชาเขียวร้อน/เย็น/ปั่น ไอศครีม ขนมจากชาเขียว อารมณ์ Kyo Roll En บ้านเราอ่ะค่ะ
และนี่แหละ มื้อเที่ยงของพวกเราวันนี้ คือมื้อเที่ยงตามตารางเที่ยวของแก็งส์นัตสึนี่เป็นแบบกินรายทาง กินตามทางผ่าน ชิมนู่นนี่นั่น ไปเรื่อย เรียนกได้ว่าชิลล์กันจริงๆ
เสร็จจากตรงนี้ ทีแรกนัตสึคิดไว้ว่าถ้ามีเวลาเหลือจะนั่งรถเมล์ไป Nijo Castle ต่อ เพราะเรามีตั๋ววัน ต้องใช้ให้คุ้ม ส่วนถ้าเวลามันค่ำก็ไม่เป็นไร สรุปตอนนี้เวลาประมาณบ่าย 3 โมง คิดไปคิดมา ถ้ารถเมล์ รถติด เสียเวลา เราอาจจะไม่ทันได้เดินดูอะไรปราสาทคงปิด (ประตูทางเข้าปิด 16.00น. แต่ชมปราสาทได้ถึง 17.00น.) คุยๆกันแล้ว เลยตัดสินใจข้าม Nijo Castle ไป แล้วไปเก็บเสาแดง ศาลเจ้า Fushimi Inari ซึ่งอยู่ในโปรแกรมของพรุ่งนี้เลยดีกว่า เพราะเค้าเปิดตลอด และเราสามารถนั่งรถไฟ JR ไปได้โดยไม่ได้เสียอะไรเพิ่มด้วยเพราะเรามี JR Pass อยู่แล้ว ตัดสินใจได้ตามนี้ก็เลยพากัน นั่งรถเมล์กลับสถานีเกียวโตเพื่อไปต่อรถไฟค่ะ
นั่งรถไฟ JR จากสถานีเกียวโต ไปลง สถานี INARI นะคะ จากสถานีเินตามป้ายเลยค่ะ ศาลเจ้า Fushimi Inari อยู่ตรงข้ามสถานีนั่นแหละค่ะ ใช้เวลาเดินประมาณ 3 นาทีได้มั้งคะ ที่นี่พวกเราเดินชมแค่เสาโทริอิ ไม่ได้ขึ้นยอดเขา คือทำการบ้านมาเค้าบอกว่าถ้าขึ้นยอดเขา ต้องใช้เวลาเลยล่ะค่ะ ตอนมาถึงใหม่ๆแสงกำลังดีเลย ถ่ายรูปสวย แต่อุปสรรคก็คือ มวลมหาประชาชนนักท่องเที่ยว (ซึ่งเค้าก็คงคิดว่าเราเป็นอุปสรรคของเค้าเช่นกัน) ก็ต้องรอจังหวะดีๆเอาค่ะ นัตสึใช้วิธีถือมือถือไว้พอเจอจังหวะปุ๊บ เรียกพี่ๆหันมาแล้วรีบกดถ่ายเลยค่ะ
[img]htt