..รีวิวงาน Japan in Architecture นิทรรศการที่รวบรวมสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นตั้งแต่รากเหง้าจนปัจจุบัน 100 ชิ้นงาน
น้ำ แสงแดด ลม คือ หัวใจหลักของสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น
-----------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่าา เหตุที่มางานนี้ได้เป็นเพราะต้องไปช่วยพี่สาวย้ายของจากญี่ปุ่นกลับมาไทย
และด้วยเวลาช่างเหมาะเจาะ ที่นิทรรศการยังอยู่ในช่วงให้เข้าชมเลยวางแผนไปตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาหลังลงเครื่อง ซึ่งจริงๆทริปนี้มีวางแผนดูงานดึกๆ ที่อยากดูด้วย แต่เฉพาะในรัศมีวงกลม เอ้ยรัศมีเมืองวงเกียว เอ้ยโตเกียว!เท่านั้น ถ้าไกลหน่อยก็ไม่ไปนะ เหนื่อย5555 พอดีมีเวลาน้อย
เห้ยเรามาสวยๆนะทริปนี้บินคนเดียวเหงาๆแต่ไม่ร้องไห้จ๊ะ #สวย2018 สำหรับกระทู้ของ
ออกแบบไปไหนชิ้นแรกขอฝากไว้ในอ้อมใจทุกคนนะคะ ที่มาทำกระทู้ก็เพื่อแชร์มุมมอง แนวทางให้ผู้ที่อ่านหรือชอบเที่ยวแบบเราเอาไปตามรอยนะคะ
ถ้ามีคำแนะนำ หรือสถานที่ที่อยากให้ไปสามารถคอมเม้นใต้กระทู้ได้เลยค่ะ
>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<
ข้อควรรู้เกี่ยวกับกระทู้นี้ :
1. เราจะลงภาพเฉพาะส่วนที่สามารถถ่ายรูปได้เท่านั้น
2. ชื่องานคือ Japan in Architecture: Genealogies of Its Transformation จัดที่ Mori Art museum
3. งานจัดถึงวันที่ 17 กันยายน 2561 นี้ ช่วงที่ไปคือเดือนกรกฏาคม61
4. ภาพด้านล่างทั้งหมดใช้ Samsung Note8 ในการถ่าย (โหมดออโต้) แต่งสีรูปเล็กน้อย
5. แถมร้านซูชิคำละ xx บาทในตอนท้าย
--------------------------------------------------------------------
Part 1 : นอนให้เต็มอิ่ม แล้วรีบนั่งรถไฟไปสถานีรปปงงิ (Roppongi station)
พอมาถึงสถานีให้หาทางออกที่ 1C จริงๆ พาร์ทนี้ไม่ต้องมีหรอก55 แค่อยากให้เห็นว่านิทรรศกาลซื้อAd โปรโมตลักษณะนี้
วิธีการเดินทางก็..ไม่ต้องเนอะ แนะนำให้ไปอ่านของคนอื่นเรื่องเส้นสายรถไฟจะดีกว่า555
เดินไม่ยาก 15 นาทีตีลังกาถึง รีวิวการเดินทางแค่นี้แหละ ที่เหลือช่วยตัวเองนะ55
ถ้าเห็นตึกนี้แล้วไม่ต้องเข้าไปนะ!! ให้เดินไปทางซ้ายมือ ก็จะถึง Mori Art Museum
Part 2 : "ไม่มีตั๋ว เข้าไม่ได้"
ไม่จ่าย ไม่เข้า
ไม่สวยนะคะ งานดีๆจ่ายไปค่ะ 1800เยน ถ้าเป็นนักเรียน นักศึกษาก็ลดลงหน่อย เด็กๆและ ผู้สูงอายุก็ลดได้อีก เพราะเขารองรับด้วยUD อยู่แล้ว รถเข็นไปได้สบายๆ แต่ไม่แน่ใจว่าม.ไทยเค้าจะให้ส่วนลดรึเปล่านะคะ
Part 3: "ขึ้นสู่ฟ้า...มหากาพย์"
รับตั๋วมาแล้วก็ขึ้นลิฟท์ความเร็วกลืนน้ำลาย 4 อึก มาที่ชั้น 52
เปิดลิฟท์มาเดินตามป้ายเข้างานไป หรือไปตามที่พนักงานบอก
ประเด็นคือ เวลาที่ออกลิฟท์มาแล้วอยากให้คุณชั่งใจดูนิดนึงก่อนว่า ณ เวลานั้นอยากจะไปชมวิวก่อนมั้ย หรือ จะเข้าไปดูงานนิทรรศการเลย
เพราะตั๋วที่คุณซื้อมามันเข้า Tokyo City View ได้ฟรีไงเบบี๋ วิวจากชั้น 52 ของตึกนี้แหละ มีรูปน้ำจิ้มให้นิดนึง ถ่ายติดจขกท.ด้วยอะ เขินจัง
เราขาวมั้ย...
พอละที่เหลือไปดูเอง เดี๋ยวหาว่ารีวิวไม่ตื่นเต้น ส่วนเราไม่ได้ชมวิวก่อนนะไปดูงานก่อน พอดีขยัน555
Part 4 : "เปิดโลกใบใหม่ ย้อนความญี่ปุ่นในรูปแบบสถาปัตยกรรม"
ก่อนอื่นเราควรไปแบบมีพื้นความรู้นิดนึง คือรู้ไว้ใช่ว่านะเวลาไปถึงจะได้ไม่มึนๆ เพราะก่อนเราไปนี่ดูรายละเอียดงานเยอะมาก
ชอบที่เว็บไซด์มีบริการข้อมูลค่อนข้างแน่น ประหนึ่งว่าไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่จำเป็นนะ555 ต้องมาสิ การที่เรามาคือการได้เห็นชิ้นงานในระยะใกล้ ได้สัมผัสรูป รส กลิ่น เสียง ยังไงก็ต่าง เพราะนี่แหละหัวใจสำคัญของการชมนิทรรศการ
ภาพรวมของผังภายในงานจะแบ่งเป็น 9 ส่วน หรือ จะเรียก 9 โซนก็ได้นะคะ
[1] Possibilities of Wood
[2] Transcendent Aesthetics
[3] Roofs of Tranquility
[4] Crafts as Architecture
[5] Linked Spaces
[6] Hybrid Architecture
[7] Forms for Living Together
[8] Japan Discovered เช่น งาน Frank Lloyd Wright /Antonin Raymond
[9] Living with Nature เช่น งาน Ando Tadao
ซึ่งในงานจะอนุญาตให้ถ่ายภาพได้แค่ 5 จุด (และเวลาถ่ายภาพควรลงเครดิตชื่อเจ้าของงานให้ครบ ใช่ชื่อเจ้าของงาน+ ชื่องาน) คือ
1. Kitagawara Atsushi KIGUMI INFINITY, Japan Pavilion, Expo Milano 2015
2. Tai-an
3. Saito Seiichi + Rhizomatiks Architecture Power of Scale
4. “Book Lounge”
5. Model of A House (Tange Kenzo House)
อีกอย่างสำหรับคนไม่ชอบอ่าน อันนี้สำคัญมาก (แต่ส่วนใหญ่คนในพันทิปเป็นคนชอบอ่านอยู่แล้วเนอะ) ทางนิทรรศการเค้าจะมีให้เช่า
เสียงบรรยาย ประมาณ 150บาทไทย ซึ่งงงงบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ แกว่าพอไหวมั้ยถ้าไหวก็เช่าเถอะ เพราะ Text ค่อนข้างเยอะอาจจะเดินมึนๆตาลายได้ (ตัวอักษรแอบเล็กด้วย) และที่สำคัญอีกอย่างคนสายตาสั้นอย่าลืมเอาแว่นไป ดินสอ ปากกา กระดาษเปล่า เอาไปจดได้นะคะ
พร้อมแล้วก็เข้าได้เลย
****เพื่ออรรถรสในการไปรับชมเราจะลงบางรูปเท่านั้น******
Kitagawara Atsushi KIGUMI INFINITY การเข้าไม้เป็นโครงสร้างโดยไม่ใช้น็อตหรือตะปูยึด (Wood joint)
ตรงนี้จะเป็นจุดที่ 01 บอกเลยคือการต่อไม้ที่อยู่ในขนาดใหญ่ตรงหน้าเราคือมันปะทะตามาก เห็นแล้วรู้สึกอินกับงานนี้ทันที
กลิ่นไม้ก็ฟุ้ง สร้างความอินให้กับเราก่อนเข้าไปจุดอื่นเป็นที่สุด
ขอถ่ายใกล้หน่อย ...งามๆ
“Book Lounge” เฟอร์นิเจอร์ตัวอย่างยุคหลังสงครามโลก (modernism) ที่ยังสามารถใช้ได้ในปัจจุบัน
ทั้งเก้าอี้ ฉากกั้นหนังสือ นำมาจัดพื้นที่บริการเป็นที่นั่งพัก ผู้ที่มาชมอย่างเราๆก็สามารถนั่ง สัมผัส ลูบไล้ได้หมด
โอโหนี่อยู่ละคือกลิ่นอายความยุคนั้นมันมาเลย เรานั่งแช่อยู่สักพักเหมือนกัน หลับตาลงช้าๆให้ใจได้เข้าถึง (อินหรอ) ป่าวเมื่อย 5555
ขอนั่งแป๊ปไม่ใช่เด็กๆละ เฮ้อ55
ชั้นไม่รีทัชน่ากลัวไปเนอะ ใช้ไม่ค่อยเก่งนะโฟโต้ชอปบอกไว้ก่อน
หนังสือที่ตั้งๆอยู่นี่อ่านได้เลยนะ เป็นหนังสือที่เก็บไว้ตั้งแต่หลังสงครามโลก
หยอกๆๆ
นี่ฟลุ๊กมากเปิดมาแล้วเจอบ้านพี่สาว Toyo Ito ชื่อ บ้าน
White U ปัจจุบันโทรมๆไปละ แอบชอบนะแต่ก็หลอนๆหน่อยสำหรับเรา
เป็นทรงบ้านตัว U (ยู) พื้นที่ส่วนกลางบ้านก็เป็นสวนพักผ่อนของบ้าน เวลาใครอยู่ตรงกลางก็เห็นได้หมดจากรอบบ้าน
ก็ดีอย่างนะ แต่ที่บอกหลอนๆคือเวลาเราจะเดินในบ้านมันจะไม่มีมุมเหลี่ยม เกิดเป็นมุมบอดของสายตาอะไรงี้มั้ง
แค่นึงถึงว่าถ้ามีโจรก็คงจนมุมเหมือนกัน แต่ก็นะบ้านในแบบของเขา เราชอบอยู่นะคุณ Toyo Ito งานดีๆ
ถ้าไม่อายก็งีบซะ
อันนี้ขลัง นั่งแล้วหลับ
ต่อๆอินค่ะอิน เดินมาถึงห้องแสดงงาน Power of Scale
เข้ามาก็มืดๆประมาณนี้ใครกลัวผีแนะนำอย่าเข้า (ก็เกินไป) ยืนรอให้มันรันไปเรื่อยๆจนตอนใหม่นะเค้าจะเปิดวนไปเรื่อยๆ ซึ่งอันนี้แหละไฮไลท์สำหรับตัวเรา เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำ ใหม่สุด ด้วยการนำ
เส้นเลเซอร์ไฟเบอร์ และวีดีโอโปรเจคเตอร์ใช้คู่กัน สร้างเป็นเส้นสามมิติตีเป็นห้อง เป็นมุมได้หมดโดยใช้แสงนำ ที่สำคัญเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของการร่วมมือ
ระหว่าง Saito Seiichi กับ Rhizomatiks Architecture อันนี้อินนนจนน้ำตาไหล55 งานดีจริงค่ะ
เนื้อเรื่องคือการเล่าจากสัดส่วนมนุษย์ก่อน จากท่าทาง พฤติกรรม สภาพบ้านเมือง สิ่งแวดล้อม แปรผันตามเวลา
โดยจะใช้ภาพวีดีโอนี่แหละ ที่เปลี่ยนรูปแบบงานสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในแต่ละยุคไปเรื่อยๆ (เค้าก็จะยกภาพพวกงานดังๆมาแทรก หนึ่งในนั้นคือ Nakagin Capsule tower ตัวอย่างงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด) โดยเวลาจะฉายทั้งเดินหน้าและย้อนกลับด้วยความเร็ว เสมือนกรอทุกสิ่งอย่างกลับไปประหนึ่งว่าปัจจัยต่างๆเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนงานสถาปัตย์ที่เปลี่ยนไป หรือสร้างแนวความคิดเชิงพื้นที่ของญี่ปุ่นขึ้นใหม่ในมิติต่างๆ
จริงๆเข้าไปดูก็ได้ cr. Japan Time >>
https://goo.gl/cqeysi
ต่อมา เป็นบ้านของสถาปนิก Tange Kenzo (Model of A House)
ถ้าพอนึกออกคือ Hiroshima Peace Memorial , โบถท์ St. Mary (อันนี้วางแผนจะไปแต่เวลาไม่พอ)เพราะชอบ รีโนเวทจากโบถท์ไม้เก่าที่โดนไฟไม้ มาใช้โครงสร้างปูน รูปร่างจากด้านหน้าจะเหมือนนก กางปีก ..เป็นโครงสร้างแบบโกธิค เปลือยๆดิบๆ ไม่ได้มี elementตกแต่งอะไรมาก เห็นการใช้โครงสร้างทั้งหมด
.
cr.
https://www.archdaily.com/114435
น่าไปนะคะถ้าใครได้ไปโตเกียวลองแวะไปสักหน่อย
กลับมาต่อที่นิทรรศการ 5555
พอเดินเสร็จแล้วก็จะมาถึงจุดขายของที่ระลึก เหลือบไปเห็นปกงาน Teamlab นี่ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่มีคุณภาพ อยากไปมาก
ประมาณนี้นะคะ
เมื่อยแล้วเราว่าพอก่อน (เมื่อยนิ้ว) นี่แค่ 10% ในงานเองนะ อยากตื่นเต้น เติมองค์ความรู้แนะนำให้บินไปเลย เพราะไม่จัดกันปี สองปีครั้งนะคะ!
แต่ก่อนตัดสินใจลงลิฟท์ก็อย่าลืมไว้ไปงานนิทรรศการอีกจุดในชั้นเดียวกันคือ MAM Project025 สาเหตุที่ต้องแวะหน่อยเพราะมีงานศิลปินคนไทยอยู่ในนั้นค่ะ นั่นคืองานคุณอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผลงาน"SLEEPCINEMAHOTEL" แบบ
ทุกอย่างคือศิลปะ รวมถึงการหลับอันนี้ที่เค้าบอกไว้ เก๋มะ นอนดูหนังให้คนดูเป็นแขกในโรงแรม และผลงานหนังคานส์เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ ร่วมงานกับ Hisakado Tsuyoshi ออกมาเป็นผลงานชิ้นนี้
ซึ่งการติดตั้งงานศิลป์ของเขาที่นี่ ใช้หนังเรื่องใหม่ ชื่อ Memoria (2019) รูปแบบความแตกต่างระหว่างความทรงจำส่วนตัวและความทรงจำร่วมกันของสังคม เล่าเรื่องจากแผ่นผนังวางนอนเอียงในห้อง มีรูตรงมุม ทำให้รู้สึกว่ามันมีห้องอีกห้องอยู่ข้างหลัง จริงๆแล้วรูนี้น่าจะทำหน้าที่แทนแสงไฟ หรือดวงแสงนะสำหรับความคิดเรา เดานะ
เดา วิธีTransition ของฉากแต่ละฉากในหนังใช้เป็นเหมือนการขึงผ้าผืนใหญ่ลงมา
ดีเนอะ
... แต่หิวแล้วเราไปหาอะไรทานกันดีกว่านะคะเบ่บี๋
.
ไปจ้าลงๆ มื้อเย็นของเรา (อ้าวเย็นเฉย) จะพาไปทานร้านซูชิคุณภาพ(ระดับนึง) ราคาประหยัด เพราะอะไร
เพราะคำละ 50บาทไงเบ่บี๋
เดี๋ยวนะ นี่เราอยู่สถานีรปปงงิใช่หรือไม่?? ซึ่งร้านนี้อยู่สถานีชิจูกุ ซึ่งต้องนั่งไปประมาณ 20 นาที เธอโอเคมั้ย? ถึงเธอไม่เราก็จะไปอยู่ดี5555
ประเด็นคือเราต้องไปเปลี่ยนสถานีที่ชิจูกุอยู่แล้วบ้านอยู่แถวนั
[CR] มาชม!! Japan in Architecture ,Mori Art Museum - TOKYO
น้ำ แสงแดด ลม คือ หัวใจหลักของสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่น
-----------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่าา เหตุที่มางานนี้ได้เป็นเพราะต้องไปช่วยพี่สาวย้ายของจากญี่ปุ่นกลับมาไทย
และด้วยเวลาช่างเหมาะเจาะ ที่นิทรรศการยังอยู่ในช่วงให้เข้าชมเลยวางแผนไปตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาหลังลงเครื่อง ซึ่งจริงๆทริปนี้มีวางแผนดูงานดึกๆ ที่อยากดูด้วย แต่เฉพาะในรัศมีวงกลม เอ้ยรัศมีเมืองวงเกียว เอ้ยโตเกียว!เท่านั้น ถ้าไกลหน่อยก็ไม่ไปนะ เหนื่อย5555 พอดีมีเวลาน้อย
เห้ยเรามาสวยๆนะทริปนี้บินคนเดียวเหงาๆแต่ไม่ร้องไห้จ๊ะ #สวย2018 สำหรับกระทู้ของออกแบบไปไหนชิ้นแรกขอฝากไว้ในอ้อมใจทุกคนนะคะ ที่มาทำกระทู้ก็เพื่อแชร์มุมมอง แนวทางให้ผู้ที่อ่านหรือชอบเที่ยวแบบเราเอาไปตามรอยนะคะ
ถ้ามีคำแนะนำ หรือสถานที่ที่อยากให้ไปสามารถคอมเม้นใต้กระทู้ได้เลยค่ะ
>>>>>>>>>>>>><<<<<<<<<<<<<<
ข้อควรรู้เกี่ยวกับกระทู้นี้ :
1. เราจะลงภาพเฉพาะส่วนที่สามารถถ่ายรูปได้เท่านั้น
2. ชื่องานคือ Japan in Architecture: Genealogies of Its Transformation จัดที่ Mori Art museum
3. งานจัดถึงวันที่ 17 กันยายน 2561 นี้ ช่วงที่ไปคือเดือนกรกฏาคม61
4. ภาพด้านล่างทั้งหมดใช้ Samsung Note8 ในการถ่าย (โหมดออโต้) แต่งสีรูปเล็กน้อย
5. แถมร้านซูชิคำละ xx บาทในตอนท้าย
--------------------------------------------------------------------
Part 1 : นอนให้เต็มอิ่ม แล้วรีบนั่งรถไฟไปสถานีรปปงงิ (Roppongi station)
พอมาถึงสถานีให้หาทางออกที่ 1C จริงๆ พาร์ทนี้ไม่ต้องมีหรอก55 แค่อยากให้เห็นว่านิทรรศกาลซื้อAd โปรโมตลักษณะนี้
วิธีการเดินทางก็..ไม่ต้องเนอะ แนะนำให้ไปอ่านของคนอื่นเรื่องเส้นสายรถไฟจะดีกว่า555
เดินไม่ยาก 15 นาทีตีลังกาถึง รีวิวการเดินทางแค่นี้แหละ ที่เหลือช่วยตัวเองนะ55
ถ้าเห็นตึกนี้แล้วไม่ต้องเข้าไปนะ!! ให้เดินไปทางซ้ายมือ ก็จะถึง Mori Art Museum
Part 2 : "ไม่มีตั๋ว เข้าไม่ได้"
ไม่จ่าย ไม่เข้า ไม่สวยนะคะ งานดีๆจ่ายไปค่ะ 1800เยน ถ้าเป็นนักเรียน นักศึกษาก็ลดลงหน่อย เด็กๆและ ผู้สูงอายุก็ลดได้อีก เพราะเขารองรับด้วยUD อยู่แล้ว รถเข็นไปได้สบายๆ แต่ไม่แน่ใจว่าม.ไทยเค้าจะให้ส่วนลดรึเปล่านะคะ
Part 3: "ขึ้นสู่ฟ้า...มหากาพย์"
รับตั๋วมาแล้วก็ขึ้นลิฟท์ความเร็วกลืนน้ำลาย 4 อึก มาที่ชั้น 52
เปิดลิฟท์มาเดินตามป้ายเข้างานไป หรือไปตามที่พนักงานบอก
ประเด็นคือ เวลาที่ออกลิฟท์มาแล้วอยากให้คุณชั่งใจดูนิดนึงก่อนว่า ณ เวลานั้นอยากจะไปชมวิวก่อนมั้ย หรือ จะเข้าไปดูงานนิทรรศการเลย
เพราะตั๋วที่คุณซื้อมามันเข้า Tokyo City View ได้ฟรีไงเบบี๋ วิวจากชั้น 52 ของตึกนี้แหละ มีรูปน้ำจิ้มให้นิดนึง ถ่ายติดจขกท.ด้วยอะ เขินจัง
เราขาวมั้ย...
พอละที่เหลือไปดูเอง เดี๋ยวหาว่ารีวิวไม่ตื่นเต้น ส่วนเราไม่ได้ชมวิวก่อนนะไปดูงานก่อน พอดีขยัน555
Part 4 : "เปิดโลกใบใหม่ ย้อนความญี่ปุ่นในรูปแบบสถาปัตยกรรม"
ก่อนอื่นเราควรไปแบบมีพื้นความรู้นิดนึง คือรู้ไว้ใช่ว่านะเวลาไปถึงจะได้ไม่มึนๆ เพราะก่อนเราไปนี่ดูรายละเอียดงานเยอะมาก
ชอบที่เว็บไซด์มีบริการข้อมูลค่อนข้างแน่น ประหนึ่งว่าไปไม่ได้ก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่จำเป็นนะ555 ต้องมาสิ การที่เรามาคือการได้เห็นชิ้นงานในระยะใกล้ ได้สัมผัสรูป รส กลิ่น เสียง ยังไงก็ต่าง เพราะนี่แหละหัวใจสำคัญของการชมนิทรรศการ
ภาพรวมของผังภายในงานจะแบ่งเป็น 9 ส่วน หรือ จะเรียก 9 โซนก็ได้นะคะ
[1] Possibilities of Wood
[2] Transcendent Aesthetics
[3] Roofs of Tranquility
[4] Crafts as Architecture
[5] Linked Spaces
[6] Hybrid Architecture
[7] Forms for Living Together
[8] Japan Discovered เช่น งาน Frank Lloyd Wright /Antonin Raymond
[9] Living with Nature เช่น งาน Ando Tadao
ซึ่งในงานจะอนุญาตให้ถ่ายภาพได้แค่ 5 จุด (และเวลาถ่ายภาพควรลงเครดิตชื่อเจ้าของงานให้ครบ ใช่ชื่อเจ้าของงาน+ ชื่องาน) คือ
1. Kitagawara Atsushi KIGUMI INFINITY, Japan Pavilion, Expo Milano 2015
2. Tai-an
3. Saito Seiichi + Rhizomatiks Architecture Power of Scale
4. “Book Lounge”
5. Model of A House (Tange Kenzo House)
อีกอย่างสำหรับคนไม่ชอบอ่าน อันนี้สำคัญมาก (แต่ส่วนใหญ่คนในพันทิปเป็นคนชอบอ่านอยู่แล้วเนอะ) ทางนิทรรศการเค้าจะมีให้เช่า
เสียงบรรยาย ประมาณ 150บาทไทย ซึ่งงงงบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ แกว่าพอไหวมั้ยถ้าไหวก็เช่าเถอะ เพราะ Text ค่อนข้างเยอะอาจจะเดินมึนๆตาลายได้ (ตัวอักษรแอบเล็กด้วย) และที่สำคัญอีกอย่างคนสายตาสั้นอย่าลืมเอาแว่นไป ดินสอ ปากกา กระดาษเปล่า เอาไปจดได้นะคะ
พร้อมแล้วก็เข้าได้เลย
****เพื่ออรรถรสในการไปรับชมเราจะลงบางรูปเท่านั้น******
Kitagawara Atsushi KIGUMI INFINITY การเข้าไม้เป็นโครงสร้างโดยไม่ใช้น็อตหรือตะปูยึด (Wood joint)
ตรงนี้จะเป็นจุดที่ 01 บอกเลยคือการต่อไม้ที่อยู่ในขนาดใหญ่ตรงหน้าเราคือมันปะทะตามาก เห็นแล้วรู้สึกอินกับงานนี้ทันที
กลิ่นไม้ก็ฟุ้ง สร้างความอินให้กับเราก่อนเข้าไปจุดอื่นเป็นที่สุด
ขอถ่ายใกล้หน่อย ...งามๆ
“Book Lounge” เฟอร์นิเจอร์ตัวอย่างยุคหลังสงครามโลก (modernism) ที่ยังสามารถใช้ได้ในปัจจุบัน
ทั้งเก้าอี้ ฉากกั้นหนังสือ นำมาจัดพื้นที่บริการเป็นที่นั่งพัก ผู้ที่มาชมอย่างเราๆก็สามารถนั่ง สัมผัส ลูบไล้ได้หมด
โอโหนี่อยู่ละคือกลิ่นอายความยุคนั้นมันมาเลย เรานั่งแช่อยู่สักพักเหมือนกัน หลับตาลงช้าๆให้ใจได้เข้าถึง (อินหรอ) ป่าวเมื่อย 5555
ขอนั่งแป๊ปไม่ใช่เด็กๆละ เฮ้อ55
ชั้นไม่รีทัชน่ากลัวไปเนอะ ใช้ไม่ค่อยเก่งนะโฟโต้ชอปบอกไว้ก่อน
หนังสือที่ตั้งๆอยู่นี่อ่านได้เลยนะ เป็นหนังสือที่เก็บไว้ตั้งแต่หลังสงครามโลก
หยอกๆๆ
นี่ฟลุ๊กมากเปิดมาแล้วเจอบ้านพี่สาว Toyo Ito ชื่อ บ้าน White U ปัจจุบันโทรมๆไปละ แอบชอบนะแต่ก็หลอนๆหน่อยสำหรับเรา
เป็นทรงบ้านตัว U (ยู) พื้นที่ส่วนกลางบ้านก็เป็นสวนพักผ่อนของบ้าน เวลาใครอยู่ตรงกลางก็เห็นได้หมดจากรอบบ้าน
ก็ดีอย่างนะ แต่ที่บอกหลอนๆคือเวลาเราจะเดินในบ้านมันจะไม่มีมุมเหลี่ยม เกิดเป็นมุมบอดของสายตาอะไรงี้มั้ง
แค่นึงถึงว่าถ้ามีโจรก็คงจนมุมเหมือนกัน แต่ก็นะบ้านในแบบของเขา เราชอบอยู่นะคุณ Toyo Ito งานดีๆ
ถ้าไม่อายก็งีบซะ
อันนี้ขลัง นั่งแล้วหลับ
ต่อๆอินค่ะอิน เดินมาถึงห้องแสดงงาน Power of Scale
เข้ามาก็มืดๆประมาณนี้ใครกลัวผีแนะนำอย่าเข้า (ก็เกินไป) ยืนรอให้มันรันไปเรื่อยๆจนตอนใหม่นะเค้าจะเปิดวนไปเรื่อยๆ ซึ่งอันนี้แหละไฮไลท์สำหรับตัวเรา เพราะเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำ ใหม่สุด ด้วยการนำ เส้นเลเซอร์ไฟเบอร์ และวีดีโอโปรเจคเตอร์ใช้คู่กัน สร้างเป็นเส้นสามมิติตีเป็นห้อง เป็นมุมได้หมดโดยใช้แสงนำ ที่สำคัญเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของการร่วมมือ
ระหว่าง Saito Seiichi กับ Rhizomatiks Architecture อันนี้อินนนจนน้ำตาไหล55 งานดีจริงค่ะ
เนื้อเรื่องคือการเล่าจากสัดส่วนมนุษย์ก่อน จากท่าทาง พฤติกรรม สภาพบ้านเมือง สิ่งแวดล้อม แปรผันตามเวลา
โดยจะใช้ภาพวีดีโอนี่แหละ ที่เปลี่ยนรูปแบบงานสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในแต่ละยุคไปเรื่อยๆ (เค้าก็จะยกภาพพวกงานดังๆมาแทรก หนึ่งในนั้นคือ Nakagin Capsule tower ตัวอย่างงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด) โดยเวลาจะฉายทั้งเดินหน้าและย้อนกลับด้วยความเร็ว เสมือนกรอทุกสิ่งอย่างกลับไปประหนึ่งว่าปัจจัยต่างๆเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนงานสถาปัตย์ที่เปลี่ยนไป หรือสร้างแนวความคิดเชิงพื้นที่ของญี่ปุ่นขึ้นใหม่ในมิติต่างๆ
จริงๆเข้าไปดูก็ได้ cr. Japan Time >>https://goo.gl/cqeysi
ต่อมา เป็นบ้านของสถาปนิก Tange Kenzo (Model of A House)
ถ้าพอนึกออกคือ Hiroshima Peace Memorial , โบถท์ St. Mary (อันนี้วางแผนจะไปแต่เวลาไม่พอ)เพราะชอบ รีโนเวทจากโบถท์ไม้เก่าที่โดนไฟไม้ มาใช้โครงสร้างปูน รูปร่างจากด้านหน้าจะเหมือนนก กางปีก ..เป็นโครงสร้างแบบโกธิค เปลือยๆดิบๆ ไม่ได้มี elementตกแต่งอะไรมาก เห็นการใช้โครงสร้างทั้งหมด
.
cr. https://www.archdaily.com/114435
น่าไปนะคะถ้าใครได้ไปโตเกียวลองแวะไปสักหน่อย
กลับมาต่อที่นิทรรศการ 5555
พอเดินเสร็จแล้วก็จะมาถึงจุดขายของที่ระลึก เหลือบไปเห็นปกงาน Teamlab นี่ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่มีคุณภาพ อยากไปมาก
ประมาณนี้นะคะ
เมื่อยแล้วเราว่าพอก่อน (เมื่อยนิ้ว) นี่แค่ 10% ในงานเองนะ อยากตื่นเต้น เติมองค์ความรู้แนะนำให้บินไปเลย เพราะไม่จัดกันปี สองปีครั้งนะคะ!
แต่ก่อนตัดสินใจลงลิฟท์ก็อย่าลืมไว้ไปงานนิทรรศการอีกจุดในชั้นเดียวกันคือ MAM Project025 สาเหตุที่ต้องแวะหน่อยเพราะมีงานศิลปินคนไทยอยู่ในนั้นค่ะ นั่นคืองานคุณอภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ผลงาน"SLEEPCINEMAHOTEL" แบบทุกอย่างคือศิลปะ รวมถึงการหลับอันนี้ที่เค้าบอกไว้ เก๋มะ นอนดูหนังให้คนดูเป็นแขกในโรงแรม และผลงานหนังคานส์เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ ร่วมงานกับ Hisakado Tsuyoshi ออกมาเป็นผลงานชิ้นนี้
ซึ่งการติดตั้งงานศิลป์ของเขาที่นี่ ใช้หนังเรื่องใหม่ ชื่อ Memoria (2019) รูปแบบความแตกต่างระหว่างความทรงจำส่วนตัวและความทรงจำร่วมกันของสังคม เล่าเรื่องจากแผ่นผนังวางนอนเอียงในห้อง มีรูตรงมุม ทำให้รู้สึกว่ามันมีห้องอีกห้องอยู่ข้างหลัง จริงๆแล้วรูนี้น่าจะทำหน้าที่แทนแสงไฟ หรือดวงแสงนะสำหรับความคิดเรา เดานะเดา วิธีTransition ของฉากแต่ละฉากในหนังใช้เป็นเหมือนการขึงผ้าผืนใหญ่ลงมา
ดีเนอะ ... แต่หิวแล้วเราไปหาอะไรทานกันดีกว่านะคะเบ่บี๋
.
ไปจ้าลงๆ มื้อเย็นของเรา (อ้าวเย็นเฉย) จะพาไปทานร้านซูชิคุณภาพ(ระดับนึง) ราคาประหยัด เพราะอะไร
เพราะคำละ 50บาทไงเบ่บี๋
เดี๋ยวนะ นี่เราอยู่สถานีรปปงงิใช่หรือไม่?? ซึ่งร้านนี้อยู่สถานีชิจูกุ ซึ่งต้องนั่งไปประมาณ 20 นาที เธอโอเคมั้ย? ถึงเธอไม่เราก็จะไปอยู่ดี5555
ประเด็นคือเราต้องไปเปลี่ยนสถานีที่ชิจูกุอยู่แล้วบ้านอยู่แถวนั
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น