สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแพลนไปเที่ยวญี่ปุ่นอย่างไรให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปกันเถอะค่ะ
เริ่มแรกต้องทราบก่อนว่าญี่ปุ่นก็แบ่งภูมิภาค เหมือน ใต้ ออก ตก เหมือนเมืองไทยเลย เพียงแค่ภาษาเรียกต่างกันเท่านั้นเองค่ะ
วันนี้เราจะพามาเที่ยวที่ภาคกลาง หรือนั่นก็คือเมืองหลวงของญี่ปุ่นกันค่ะ แน่นอนว่าสถานที่แห่งนั้นคือโตเกียวค่ะ
การเดินทางไปโตเกียวนั้นช่างง่ายแสนง่าย มีเครื่องบินตรงจากเมืองไทยมากมาย ทั้งสุวรรณภูมิ ดอนเมือง หรือแม้แต่บินตรงจากเชียงใหญ่เลยค่ะ แล้วลงสนามบินนาริตะ หรือสนามบินฮาเนดะ ก็ได้ค่ะ
มีหลายคนถามว่าถ้าจะไปโตเกียวเดินทางลงสนามบินอะไรดี ต้องตอบว่า ทั้ง 2 สนามบินสามารถเข้าโตเกียวได้หมดเลยค่ะ ทั้ง Ueno Shinjuku Kanagawa Ikebukuro Tokyo ทั้ง 2 สนามบินมีรถไฟวิ่งตรงค่ะ แต่ถ้าเป็นสนามบินนาริตะก็จะมีรถไฟ Express ทั้งสาย JR และสาย Keisei ซึ่งเป็นสายรถไฟของรัฐและเอกชน วิ่งคู่กัน ก็จะมีทางเลือกมากกว่าค่ะ แต่ถ้าเจอตั๋วเครื่องบินราคาถูก ระหว่างนาริตะหรือฮาเนดะ ก็อย่าลังเลค่ะ อะไรถูกก็จองอันนั้นแหละ ได้ทั้งคู่ แต่ส่วนตัวแล้ว เราชอบสนามบินฮาเนดะมากกว่า เพราะรู้สึกว่าคนน้อยกว่า สะอาดกว่า และเป็นระเบียบกว่าค่ะ
หรือถ้าใครไม่สะดวกรถไฟ ทั้งสองสนามบินก็มีรสบัสวิ่งตรงยาวเข้าโตเกียวเหมือนกันค่ะ เวลาในการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองโตเกียวจากสนามบินทั้ง 2 สนามบินจะใช้วเลาประมาณ 1 ชั่วโมงหรือประมาณ 1ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นค่ะ (ขึ้นอยู่กับตัวสถานที่ที่เราจะไปพักด้วยค่ะ)
เมื่อเราเข้าเมืองได้เรียร้อยแล้ว เราจะมี 1 Day trip in Tokyo กัน
เริ่มแรกขออนุญาตเริ่มต้นจากสนามบินนาริตะ ขึ้นรถไฟสาย Sky Liner มาลงที่สถานีอุเอโนะ แวะไปเช็คอินโรงแรมให้เรียบร้อย หรือเอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมให้เรียบร้อย ในกรณีที่ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เมื่อไม่มีสัมภาระให้เป็นภาระแล้วก็ Let’s go
เริ่มแรกเราจะไปขึ้นรถไฟสถานีอุเอโนะ สาย Keisei ค่ะ (ไม่ใช่สาย JR นะอย่าสับสน ชื่อสถานีเดียวกันก็จริง แต่วาบริษัทรถไฟคนละบริษัทก็เดินรถคนละสายค่ะ)
นั่งรถจากอุเอโนะมาประมาณ 30 นาที มาที่สถานี Shibamata 柴又 เป็นสถานีรถไฟเล็กๆ มีทางเข้า-ออกทางเดียวค่ะ เมื่อเดินออกจากสถานีรถไฟแล้วเราจะเจอกับรูปปั้นทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งเป็นจุดขายของสถานที่แห่งนี้ค่ะ
“ชิบามาตะ” เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเนื่องจากเมื่อ 30-40 ปี มีละครเรื่อง Otoko wa sturai yo 男はつらいよหรือแปลเป็นไทยคือ เกิดเป็นผู้ชายมันเหนื่อยนะ เป็นซี่รีย์ยาวหลายภาคเลย ยาวไม่มาก แค่ถ่ายทำกันประมาณ 30 ปี เท่านั้นเอง และนักแสดงก็เล่นยาวมาตลอด 30 ปีเลย เล่นจนนักแสดงหลักเสียชีวิต โดยสถานที่ถ่ายทำหลักๆ คือสถานที่แห่งนี้ค่ะ
นอกจากจะเต็มไปด้วยเรื่องราวละละครซี่รีย์เรื่องนี้แล้ว ยังมีตลาดโบราณที่เรียงรายเต็ม สองฝั่งข้างทางให้เราได้เพลิดเพลินไปกับสินค้าโบราณ ของเล่นโบราณญี่ปุ่น หรือแม้แต่ของกิน ที่มีขายตลอดทั้งทาง เมื่อเราเดินตรงไปจนสุดทางจะเจอกับศาลเจ้าให้สักการะกันอีกด้วย ด้านในจะมีองค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตั้งอยู่ให้สักการะ รวมถึงด้านในศาลเจ้าจะมีสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้เข้าไปชื่นชมอีกด้วย แต่จะมีค่าเข้าชมสวนประมาณ 300 เยนค่ะ ส่วนบริเวณศาลเจ้าด้านนอก ก็จะมีเครื่องราง ลายน่ารักๆ มากมาย ให้เช่าด้วยค่ะ มีทั้งเครื่องรางสำหรับโชคลาภ การเรียน สุขภาพร่างกายแข็งแรง หรือแม้แต่ขอให้เดินทางปลอดภัย
หลังจากที่เราไหว้พระกันเรียบร้อยแล้ว เดินไปทางด้านหลังศาลเจ้าประมาณ 15 นาทีจะมีพิพิธภัณฑ์โทระซัง หรือพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับซี่รีย์ที่บอกค่ะ ซึ่งภายในนอกจากจะมีบรรยายกาศของการถ่ายทำซี่รีย์เรื่องนี้แล้ว ยังมีบรรยายกาศของญี่ปุ่นสมัยโบราณอีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าเขาไปแล้วเหมือนเราหลุดเข้าไปอีกยุคสมัยหนึ่งเลยค่ะ
เมื่อเราเดินชมพิพิธภณฑ์แล้ว ก็นั่งรถไฟสายเดิม สาย Keisei ไปลุยต่อกันที่ตลาด Sugamo ค่ะ โดยนั่งรถไฟมาลงสถานี Machiya แล้วเปลี่ยนสายรถไฟมาเป็นการนั่งรถรางสาย Sakura Tram จะให้อารมณ์เป็นเหมือนเรานั่งรถไฟ ผมสๆ กับนั่งรสเมล์เลยค่ะ ตลอดทางคือ 170 เยนค่ะ จ่ายเงินบนรถเหมือนรถเมล์หรือถ้าใครมีพวก IC CARD ก็สามารถใช้จ่ายได้เหมือนกันค่ะ
โดยตลาด Sugamo จะต้องนั่งรถไปลงที่สถานี Koshizuka แล้วเดินแค่ 1 นาทีก็จะเจอกับทางเข้าตลาดเลยค่ะ เมื่อเราเดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับร้านค้าขายของ ร้านโชว์ห่วย หรือร้านขายของกินเยอะแยะเต็มไปหมดเลย แน่นอนว่าเป็นอีก หนึ่งตลาดที่ทำให้เราหมดตัวได้ไม่รู้เรื่องเลย ทั้งของกิน ของช็อป มากมายละลานตาค่ะ ซึ่งสถานีนี้จะมีมาสคอสเป็นตัวเป็ดค่ะ เพราะคำว่า Sugamo แปลตรงๆ แปลว่ารังเป็ด จึงมีเป็ดมากมายไปหมดเลย เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ก็เพลินๆ ค่ะ ได้อีกมุม อีกหนึ่งอารมณ์ของวีถีชีวิตชาวญี่ปุ่นดีค่ะ
หลัง จากที่เราแวะเดินเที่ยวและถ่ายรูปที่ย่านซูกาโม่แล้ว หากเราเดินมาตามทางจะทะลุเจอสถานีรถไฟ JR สถานีซูกาโม่เลยค่ะ แน่นอนว่าเราสามารถนั่งรถไฟกลับไปยังที่พักคือที่อุเอโนะได้เลย
จากซูกาโม่ไปอุเอโนะใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง เมื่อมาถึงอุเอโนะ แน่นอนว่าต้องห้ามพลาดตลาดอาเมโยโกะ แหล่งช็อปปิ้งชื่อดังของคนไทย ทั้งตึก AbAb ที่ขายเสื้อผ้าลดราคาตลอดปี ร้าน ABC March ที่ขายรองเท้าผ้าใบของแท้มากมาย ร้านขายเครื่องสำอางค์ หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าร้านขายยา ใครที่กำลังคิดจะซื้อเครื่องสำอางค์ โลชั่น หรือของฝาก แนะนำว่ามาซื้อที่อุเอโนะที่เดียวจบค่ะ หรือถ้าใครเริ่มหิวข้าวแล้ว ก็แนะนำว่าให้มาหาข้าวเย็นกินที่นี่ก็ไม่เลวค่ะ เพราะที่นี่มีทั้งซูชิ ร้านปิ้งย่าง อิซากายะ หรือร้านเหล้าแบบญี่ปุ่น ราเมง โซบะ เรียกได้ว่าแค่ย่านอุเอโนะย่านเดียว มีของกินให้เลือกกินได้แบบจุไปเลย
FB : www.facebook.com/isjourney/
เดินเที่ยวชิล One Day Trip Plan Shibamata Sugamo Ueno
เริ่มแรกต้องทราบก่อนว่าญี่ปุ่นก็แบ่งภูมิภาค เหมือน ใต้ ออก ตก เหมือนเมืองไทยเลย เพียงแค่ภาษาเรียกต่างกันเท่านั้นเองค่ะ
วันนี้เราจะพามาเที่ยวที่ภาคกลาง หรือนั่นก็คือเมืองหลวงของญี่ปุ่นกันค่ะ แน่นอนว่าสถานที่แห่งนั้นคือโตเกียวค่ะ
การเดินทางไปโตเกียวนั้นช่างง่ายแสนง่าย มีเครื่องบินตรงจากเมืองไทยมากมาย ทั้งสุวรรณภูมิ ดอนเมือง หรือแม้แต่บินตรงจากเชียงใหญ่เลยค่ะ แล้วลงสนามบินนาริตะ หรือสนามบินฮาเนดะ ก็ได้ค่ะ
มีหลายคนถามว่าถ้าจะไปโตเกียวเดินทางลงสนามบินอะไรดี ต้องตอบว่า ทั้ง 2 สนามบินสามารถเข้าโตเกียวได้หมดเลยค่ะ ทั้ง Ueno Shinjuku Kanagawa Ikebukuro Tokyo ทั้ง 2 สนามบินมีรถไฟวิ่งตรงค่ะ แต่ถ้าเป็นสนามบินนาริตะก็จะมีรถไฟ Express ทั้งสาย JR และสาย Keisei ซึ่งเป็นสายรถไฟของรัฐและเอกชน วิ่งคู่กัน ก็จะมีทางเลือกมากกว่าค่ะ แต่ถ้าเจอตั๋วเครื่องบินราคาถูก ระหว่างนาริตะหรือฮาเนดะ ก็อย่าลังเลค่ะ อะไรถูกก็จองอันนั้นแหละ ได้ทั้งคู่ แต่ส่วนตัวแล้ว เราชอบสนามบินฮาเนดะมากกว่า เพราะรู้สึกว่าคนน้อยกว่า สะอาดกว่า และเป็นระเบียบกว่าค่ะ
หรือถ้าใครไม่สะดวกรถไฟ ทั้งสองสนามบินก็มีรสบัสวิ่งตรงยาวเข้าโตเกียวเหมือนกันค่ะ เวลาในการเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองโตเกียวจากสนามบินทั้ง 2 สนามบินจะใช้วเลาประมาณ 1 ชั่วโมงหรือประมาณ 1ชั่วโมงครึ่งเท่านั้นค่ะ (ขึ้นอยู่กับตัวสถานที่ที่เราจะไปพักด้วยค่ะ)
เมื่อเราเข้าเมืองได้เรียร้อยแล้ว เราจะมี 1 Day trip in Tokyo กัน
เริ่มแรกขออนุญาตเริ่มต้นจากสนามบินนาริตะ ขึ้นรถไฟสาย Sky Liner มาลงที่สถานีอุเอโนะ แวะไปเช็คอินโรงแรมให้เรียบร้อย หรือเอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมให้เรียบร้อย ในกรณีที่ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน เมื่อไม่มีสัมภาระให้เป็นภาระแล้วก็ Let’s go
เริ่มแรกเราจะไปขึ้นรถไฟสถานีอุเอโนะ สาย Keisei ค่ะ (ไม่ใช่สาย JR นะอย่าสับสน ชื่อสถานีเดียวกันก็จริง แต่วาบริษัทรถไฟคนละบริษัทก็เดินรถคนละสายค่ะ)
นั่งรถจากอุเอโนะมาประมาณ 30 นาที มาที่สถานี Shibamata 柴又 เป็นสถานีรถไฟเล็กๆ มีทางเข้า-ออกทางเดียวค่ะ เมื่อเดินออกจากสถานีรถไฟแล้วเราจะเจอกับรูปปั้นทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งเป็นจุดขายของสถานที่แห่งนี้ค่ะ
“ชิบามาตะ” เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเนื่องจากเมื่อ 30-40 ปี มีละครเรื่อง Otoko wa sturai yo 男はつらいよหรือแปลเป็นไทยคือ เกิดเป็นผู้ชายมันเหนื่อยนะ เป็นซี่รีย์ยาวหลายภาคเลย ยาวไม่มาก แค่ถ่ายทำกันประมาณ 30 ปี เท่านั้นเอง และนักแสดงก็เล่นยาวมาตลอด 30 ปีเลย เล่นจนนักแสดงหลักเสียชีวิต โดยสถานที่ถ่ายทำหลักๆ คือสถานที่แห่งนี้ค่ะ
นอกจากจะเต็มไปด้วยเรื่องราวละละครซี่รีย์เรื่องนี้แล้ว ยังมีตลาดโบราณที่เรียงรายเต็ม สองฝั่งข้างทางให้เราได้เพลิดเพลินไปกับสินค้าโบราณ ของเล่นโบราณญี่ปุ่น หรือแม้แต่ของกิน ที่มีขายตลอดทั้งทาง เมื่อเราเดินตรงไปจนสุดทางจะเจอกับศาลเจ้าให้สักการะกันอีกด้วย ด้านในจะมีองค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ตั้งอยู่ให้สักการะ รวมถึงด้านในศาลเจ้าจะมีสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม ให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้เข้าไปชื่นชมอีกด้วย แต่จะมีค่าเข้าชมสวนประมาณ 300 เยนค่ะ ส่วนบริเวณศาลเจ้าด้านนอก ก็จะมีเครื่องราง ลายน่ารักๆ มากมาย ให้เช่าด้วยค่ะ มีทั้งเครื่องรางสำหรับโชคลาภ การเรียน สุขภาพร่างกายแข็งแรง หรือแม้แต่ขอให้เดินทางปลอดภัย
หลังจากที่เราไหว้พระกันเรียบร้อยแล้ว เดินไปทางด้านหลังศาลเจ้าประมาณ 15 นาทีจะมีพิพิธภัณฑ์โทระซัง หรือพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับซี่รีย์ที่บอกค่ะ ซึ่งภายในนอกจากจะมีบรรยายกาศของการถ่ายทำซี่รีย์เรื่องนี้แล้ว ยังมีบรรยายกาศของญี่ปุ่นสมัยโบราณอีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าเขาไปแล้วเหมือนเราหลุดเข้าไปอีกยุคสมัยหนึ่งเลยค่ะ
เมื่อเราเดินชมพิพิธภณฑ์แล้ว ก็นั่งรถไฟสายเดิม สาย Keisei ไปลุยต่อกันที่ตลาด Sugamo ค่ะ โดยนั่งรถไฟมาลงสถานี Machiya แล้วเปลี่ยนสายรถไฟมาเป็นการนั่งรถรางสาย Sakura Tram จะให้อารมณ์เป็นเหมือนเรานั่งรถไฟ ผมสๆ กับนั่งรสเมล์เลยค่ะ ตลอดทางคือ 170 เยนค่ะ จ่ายเงินบนรถเหมือนรถเมล์หรือถ้าใครมีพวก IC CARD ก็สามารถใช้จ่ายได้เหมือนกันค่ะ
โดยตลาด Sugamo จะต้องนั่งรถไปลงที่สถานี Koshizuka แล้วเดินแค่ 1 นาทีก็จะเจอกับทางเข้าตลาดเลยค่ะ เมื่อเราเดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับร้านค้าขายของ ร้านโชว์ห่วย หรือร้านขายของกินเยอะแยะเต็มไปหมดเลย แน่นอนว่าเป็นอีก หนึ่งตลาดที่ทำให้เราหมดตัวได้ไม่รู้เรื่องเลย ทั้งของกิน ของช็อป มากมายละลานตาค่ะ ซึ่งสถานีนี้จะมีมาสคอสเป็นตัวเป็ดค่ะ เพราะคำว่า Sugamo แปลตรงๆ แปลว่ารังเป็ด จึงมีเป็ดมากมายไปหมดเลย เดินถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ก็เพลินๆ ค่ะ ได้อีกมุม อีกหนึ่งอารมณ์ของวีถีชีวิตชาวญี่ปุ่นดีค่ะ
หลัง จากที่เราแวะเดินเที่ยวและถ่ายรูปที่ย่านซูกาโม่แล้ว หากเราเดินมาตามทางจะทะลุเจอสถานีรถไฟ JR สถานีซูกาโม่เลยค่ะ แน่นอนว่าเราสามารถนั่งรถไฟกลับไปยังที่พักคือที่อุเอโนะได้เลย
จากซูกาโม่ไปอุเอโนะใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง เมื่อมาถึงอุเอโนะ แน่นอนว่าต้องห้ามพลาดตลาดอาเมโยโกะ แหล่งช็อปปิ้งชื่อดังของคนไทย ทั้งตึก AbAb ที่ขายเสื้อผ้าลดราคาตลอดปี ร้าน ABC March ที่ขายรองเท้าผ้าใบของแท้มากมาย ร้านขายเครื่องสำอางค์ หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าร้านขายยา ใครที่กำลังคิดจะซื้อเครื่องสำอางค์ โลชั่น หรือของฝาก แนะนำว่ามาซื้อที่อุเอโนะที่เดียวจบค่ะ หรือถ้าใครเริ่มหิวข้าวแล้ว ก็แนะนำว่าให้มาหาข้าวเย็นกินที่นี่ก็ไม่เลวค่ะ เพราะที่นี่มีทั้งซูชิ ร้านปิ้งย่าง อิซากายะ หรือร้านเหล้าแบบญี่ปุ่น ราเมง โซบะ เรียกได้ว่าแค่ย่านอุเอโนะย่านเดียว มีของกินให้เลือกกินได้แบบจุไปเลย
FB : www.facebook.com/isjourney/