“She is the last of her kind.” Eli Mills
ปรากฏตัวใน: Jurassic World, Jurassic World: Fallen Kingdom
สายพันธุ์: Velociraptor
เพศ: เมีย
สถานะ: มีชีวิต
Blue บลูเป็นหนึ่งในไดโนเสาร์พันธุ์เวโลซิแรพเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย InGen ภายใต้โครงการ IBRIS Project พร้อมๆกันกับพี่น้องอีกสามตัวได้แก่ ชาร์ลี, เอคโค่ และ เดลต้า ที่เราได้เห็นกันไปแล้วใน Jurassic World (2015)
สิ่งหนึ่งที่ทำให้บลูพิเศษกว่าแรพเตอร์ตัวอื่นๆในฝูงคือ การที่มันมีแถบสีฟ้าตั้งแต่หัวบริเวณดวงตาทั้งสองข้างลากยาวไปจรดปลายหาง บลูจึงมีสีสันที่โดดเด่นกว่าแรพเตอร์ตัวไหนๆที่เคยมีมาในภาพยนตร์ Jurassic ซึ่งกลายเป็นภาพจำเกี่ยวกับตัวเธอได้เป็นอย่างดี
วัยเด็กของบลู
บลูเป็นแรพเตอร์ตัวแรกที่ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากที่มีการบูรณะพาร์คเก่าขึ้นมากลายเป็น Jurassic World ราวๆปี 2012
ในตัวของบลูนั้นมีส่วนผสมของดีเอ็นเอ ตะกวด Black-throated monitor บลูจึงได้ลายแถบสีฟ้านี้มา ( black throated monitor จริงๆแล้วก็มีแถบสีฟ้าๆข้างหัวเหมือนบลูครับ แต่อ่อนมากและไม่ชัดเจนเท่านี้)
บลูและน้องสาวอีกสามตัวถูกเลี้ยงในห้องเด็กอ่อน จะเป็นห้องอนุบาลเหล่าแรพเตอร์ที่ถูกเพาะเลี้ยงในพาร์ค ซึ่งฉากนี้ค่อนข้างเคารพนิยายต้นฉบับมากครับ หากใครเคยอ่านนิยาย Jurassic Park ของ ไมเคิล ไครชตัน จะมีพูดถึงฉากห้องเลี้ยงแรพเตอร์เด็ก และมีของเล่นเช่น ลูกบอลให้เจ้าหนูๆเล่นกันด้วย (มุ้งมิ้งจริง จริ๊งง)
ในช่วงที่โอเว่นกำลังฝึกเหล่าแรพเตอร์พวกนี้ มีเพียงบลูตัวเดียวที่แสดงความฉลาดหลักแหลมได้มากกว่าพี่น้องตัวอื่นๆ ความพิเศษของเจ้าแรพเตอร์น้อยตัวนี้ที่ทำให้โอเว่นถึงกับประหลาดใจคือ เมื่อโอเว่นทำท่าแสดงความอ่อนแอและหวาดกลัว ปฏิกิริยาของแรพเตอร์อีกสามตัวคือพุ่งเข้าโจมตีและกัดเข้าที่แขนของโอเว่นทันที ในขณะที่บลูเมื่อเห็นโอเว่นทำท่าแสดงความหวาดกลัวบลูกลับเข้าไปปลอบประโลมและคลอเคลียโอเว่นเสียอย่างนั้น สามารถพูดได้ว่า บลูทำให้ภาพจำของเวโลซิแรพเตอร์ที่ได้ชื่อว่าเป็น ไดโนเสาร์นักล่าตัวฉกาจ หายไปเลย บลูจึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าแรพเตอร์ก็มีความรู้สึกผูกพันและความอ่อนโยนเช่นกัน ไม่ได้เป็นตัวอันตรายเสมอไป
ในฝูง บลูเป็นตัวเดียวที่เชื่อฟังโอเว่นได้ดีมากที่สุดตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อโอเว่นให้สัญญาณ สามารถเรียกแรพเตอร์ตัวอื่นให้มาเข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งได้ ตำแหน่งรองหัวหน้าจึงตกไปที่บลู เอคโค่ที่เคยพยายามแช่งชิงตำแหน่งก็ไม่เคยทำสำเร็จ ( Echo เอคโค่คือแรพเตอร์ตัวที่ถูกอินโดไมนัส เร็กซ์จับเหวี่ยงเข้าเตาไฟตายครับ หากใครจำไม่ได้)
สิ่งนี้แหละครับที่ทำให้ เฮนรี่ วู หรือ ด็อกเตอร์ วู ต้องการดีเอ็นเอของบลูนักหนา เพราะความสามารถพิเศษของนาง ดร.วู ต้องการดีเอ็นเอที่สมบูรณ์เพื่อให้ในการเติมเต็มยีนส์ของ อินโดแรพเตอร์ เนื่องจากอินโดแรพเตอร์ที่เห็นกันในหนังภาค Fallen Kingdom ตัวนั้นยังเป็นแค่ prototype ครับ ยังไม่สมบูรณ์ หากด็อกเตอร์วูได้ดีเอ็นเอของบลูมาผสม อาจทำให้การฝึกอินโดแรพเตอร์ไปใช้ในการทหารได้ไม่ยาก
รูปบลูในวัยเด็กแบบเต็มตัว จะสังเกตได้ว่าแรพเตอร์ในวัยนี้นิ้วเท้ายังไม่พัฒนาเต็มที่ ต่างจากพวกตัวเต็มวัยที่เล็บนิ้วชี้จะใหญ่ขึ้น และโค้งยาวไว้ใช้จิกและเฉือนเหยื่อ (น่ารักเชียว แรพเตอร์เวอชั่นใหม่ทำหน้าตาอย่างกับตัวการ์ตูน ไม่เหมือนไตรภาคแรกจะค่อนข้างสมจริงกว่า)
ปี 2015 Indominus Rex Breakout และ โครงการ IBRIS Project
ปี 2015 เป็นเวลาราวๆสามปีที่ก๊วนแรพเตอร์สาวเติบโตจนเต็มวัยพอดี โครงการ IBRIS Project ก็ยังคงดำเนินต่อไป พออ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า IBRIS Project คืออะไร เดี๋ยวเรามาเท้าความกันก่อนครับ
IBRIS Project
I.B.R.I.S. ย่อมาจาก Integrated Behavioral Raptor Intelligence Study เป็นโครงการที่ไว้ศึกษาพฤติกรรมและความฉลาดของเวโลซิแรพเตอร์ เริ่มขึ้นในปี 2012
ย้อนกลับไปสมัยปี 1992 ด็อกเตอร์ วู จับสังเกตได้ว่าแรพเตอร์มีพฤติกรรมความฉลาดที่สูงมาก หลังจากเหตุการณ์ใน Jurassic Park 1993 ดร. อลัน แกรนท์พอได้เผชิญหน้าฝูงแรพเตอร์ของ The Big One เขาจึงได้ทำการศึกษามันผ่านฟอสซิลตลอดมา เพราะลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่มีวันกลับไปเหยียบเกาะนั่นเด็ดขาด (ถึงแม้ใน Jurassic Park III จะแพ้อำนาจ”เงิน”ก็ตาม.....)
ดร.แกรนท์พบว่า เวโลซิแรพเตอร์นั้นอาจจะฉลาดกว่าโลมาและไพรเมทอย่างเอปเสียอีก เนื่องจากค้นพบว่าในกะโหลกของเวโลซิแรพเตอร์มีช่องว่างที่สามารถใช้ในการสร้างเสียงที่ซับซ้อนและแตกต่างกันเวลาที่มันสื่อสารกัน ซึ่งเราได้เห็นกันไปแล้วใน Jurassic Park III ว่าแรพเตอร์มีภาษาของมันเอง มีการร้องขอความช่วยเหลือ เรียกพวก ออกคำสั่ง อยู่กันเป็นฝูง มีสังคม นอกจากนี้ยังเรียนรู้ที่จะวางแผนและวางกับดักได้ด้วย
โครงการนี้ถูกควบคุมโดยหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย InGen วิค ฮอสกิ้น (ชายร่างอ้วนที่ถูกเดลต้าฆ่าในศูนย์วิจัยของ ดร. วูบนเกาะอิสลา นูบลา) โดยมีโอเว่น เกรดี้ พระเอกของเราเป็นผู้ฝึกแรพเตอร์ทั้งสี่ตัวด้วยตนเอง ทั้งบลู เอคโค่ ชาลี และเดลต้า สามารถจำรูปแบบคำสั่งที่โอเว่นเป็นคนสอนได้ถึง 40 ชุดที่แตกต่างกัน และสามารถปฏิบัติตามการให้สัญญาณของโอเว่นได้อย่างเคร่งครัด ซึ่งฮอสกิ้นเล็งเห็นตรงนี้ว่า แรพเตอร์เหล่านี้สามารถนำไปใช้ในการรบ การทหารได้ เนื่องจากมันมีทั้งความฉลาดเป็นกรด ความปราดเปรียวว่องไว บวกกับประสาทสัมผัสต่างๆที่ดีเยี่ยมเหนือกว่ามนุษย์มาก และสามารถเข้าไปในพื้นที่ที่โดรนไม่สามารถเข้าถึงได้
เป็นอันประจวบเหมาะเมื่อในวันที่เหตุการณ์ Jurassic World 2015 เกิดขึ้น ไดโนเสาร์ไฮบริดอินโดไมนัส เร็กซ์หลุดออกจากที่คุมขัง วิค ฮอสกิ้นจึงมีแผนการที่จะใช้แรพเตอร์ทั้งสี่ ล่าตัวอินโดไมนัส เร็กซ์ โดยไม่บอกโอเว่น เพราะโอเว่นเป็นคนบอกกับเขาเองว่าไม่เห็นด้วยที่จะนำแรพเตอร์ไปใช้เป็นอาวุธ เขาฝึกแรพเตอร์เพื่อใช้ในการจัดแสดงโชว์ในพาร์คเท่านั้น ซึ่งภายหลังโอเว่นก็ถูกสถานการณ์ที่ขับขันบีบให้เขายอมใช้แรพเตอร์ออกภาคสนาม
ในขณะที่แรพเตอร์ได้ลงสนามรบจริง เราได้เห็นในหนังว่าแรกๆพวกมันปฏิบัติตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี มีความเร็วและพละกำลังที่ต่อให้เป็น super soldier ก็ไม่อาจเทียบชั้นได้ (แรพเตอร์ในแฟรนไชส์นี้มันใหญ่เกินขนาดจริงๆด้วยแหละครับ) พอเหล่าแรพเตอร์ค้นหาเป้าหมายพบ นั่นก็คืออินโดไมนัส เร็กซ์ ช่างเป็นความบังเอิญเสียนี่กระไร ที่มันดันมียีนส์แรพเตอร์ในตัวแล้วสื่อสารกันได้! แรพเตอร์ทั้งสี่จึงแปรพักตร์และหันหน้าเข้าโจมตีฝ่ายมนุษย์ทันที
ด้วยความเร็วและกำลังที่เหนือชั้นของแรพเตอร์เรียกได้ว่า มนุษย์สู้กับแรพเตอร์ตัวต่อตัวมือเปล่า รับรองว่าเอาไม่ลง ( Chuck Norris อ่ะ ไม่แน่
)
จนมาถึงฉากไคลแม็กซ์ที่โอเว่น แคลร์และสองพี่น้องแซ็คกับเกรย์ โดนต้อนเข้าจนมุมจากแรพเตอร์ทั้งสาม (เหลือสาม ชาลีตายตัวแรก ขออนุญาตเล่าเฉพาะส่วนของบลูนะครับ)
โอเว่นต้องการเรียกความเชื่อใจจากเด็กๆของเขากลับคืนมา โดยการปลดเครื่องติดตามออก เพราะเหล่าแรพเตอร์ไม่ต้องการให้ใครมาควบคุมพวกมันนั่นเอง สามพี่น้องแรพเตอร์ที่เหลือจึงพุ่งเข้าโจมตีอินโดไมนัส เร็กซ์ตามสัญญาณของโอเว่น
ในขณะที่เดลต้ากับเอคโค่ถูกกำจัดออกอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงบลูกับโอเว่นที่ต่อสู้กับอินโดไมนัส ด้วยไอเดียของเกรย์ แคลร์จริงไปเปิด paddock 9 นำเร็กซี่ ราชินีแห่งเกาะอิสลา นูบลาที่แท้จริงออกมาต่อกรกับนางไฮบริดขาว
เมื่อเรื่องราวคลี่คลาย อินโดไมนัส เร็กซ์ถูกโมซาซอรัสกระโจนขึ้นมาลากตัวไปลงกินในน้ำเป็นการปิดฉาก Rexy เดินจากไปอย่างสะบักสะบอม บลูหันมาหาโอเว่นพลางอยากติดตามโอเว่นต่อไป แต่โอเว่นเลือกที่จะปล่อยบลูไป และดูนางก็เข้าใจที่จะสื่อกันดี ภาพสุดท้ายที่เราเห็นคือบลูวิ่งหนีเข้าป่าไปและไม่หันหลังกลับมาอีก พร้อมกับพาร์คที่ถูกปิดตัวลง
หลัง Jurassic World 2015 - Jurassic World: Fallen Kingdom
หลังจากที่พาร์คปิดตัวลงและไดโนเสาร์ทั้งหลายต่างถูกทิ้งไว้บนเกาะ บลูก็เช่นกัน ตอนนี้บลูเหลือนางเพียงตัวเดียวที่เป็นแรพเตอร์บนเกาะนี้ และตัวสุดท้ายของสายพันธุ์ด้วย
เมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมาทาง Felix & Paul Studios ร่วมมือกันกับทาง Universal Pictures ปล่อย side story เป็นรูปแบบของ VR หรือ Virtual Reality ครับ ชื่อ Jurassic World: Blue เป็นเหมือนเรื่องสั้นสองตอน ติดตามชีวิตบลูที่ถูกทิ้งอยู่บนเกาะตามลำพัง และยังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูทางธรรมชาติบนเกาะอีกมากมายซึ่งส่วนใหญ่เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่กว่าทั้งสิ้น
ใน VR แสดงให้เห็นว่าบลูปะทะกับเร็กซี่อยู่บ่อยครั้ง ทั้งสองไม่ได้เป็นพันธมิตรกันอย่างที่หลายคนเข้าใจ มีการแบ่งอาณาเขตและแย่งอาหารกันอยู่เสมอๆ นอกจากนี้ใน VR ยังแสดงให้เห็นตอนที่ภูเขาไฟ Mount Sibo เริ่มที่จะปะทุ และบลูก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยครับ
Jurassic World: Blue Chapter 1
Jurassic World: Blue Chapter 2
ช่วงประมาณปี 2017 ที่ผ่านมา ทาง Universal ได้ปล่อย viral ตัวสำคัญคือการสร้าง Dinosaur Protection Group ขึ้นมาซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ถูกก่อตั้งโดย แคลร์ เดียริ่ง นางเอกของเรานั่นเอง โดยจุดประสงค์หลักขององค์กรคือการช่วยชีวิตเหล่าไดโนเสาร์ที่หลงเหลืออยู่บนเกาะ อิสลา นูบลาให้รอดพ้นจากภูเขาไฟระเบิดที่กำลังจะเกิดขึ้น และสันนิษฐานว่าบลูยังคงมีชีวิตอยู่
รูปโปรโมทของบลู จากทางเพจ Dinosaur Protection Group
ตามติดเรื่องราวชีวิตของ Blue! แรพเตอร์สาวดาวเด่นแห่ง Jurassic World
ปรากฏตัวใน: Jurassic World, Jurassic World: Fallen Kingdom
สายพันธุ์: Velociraptor
เพศ: เมีย
สถานะ: มีชีวิต
Blue บลูเป็นหนึ่งในไดโนเสาร์พันธุ์เวโลซิแรพเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดย InGen ภายใต้โครงการ IBRIS Project พร้อมๆกันกับพี่น้องอีกสามตัวได้แก่ ชาร์ลี, เอคโค่ และ เดลต้า ที่เราได้เห็นกันไปแล้วใน Jurassic World (2015)
สิ่งหนึ่งที่ทำให้บลูพิเศษกว่าแรพเตอร์ตัวอื่นๆในฝูงคือ การที่มันมีแถบสีฟ้าตั้งแต่หัวบริเวณดวงตาทั้งสองข้างลากยาวไปจรดปลายหาง บลูจึงมีสีสันที่โดดเด่นกว่าแรพเตอร์ตัวไหนๆที่เคยมีมาในภาพยนตร์ Jurassic ซึ่งกลายเป็นภาพจำเกี่ยวกับตัวเธอได้เป็นอย่างดี
วัยเด็กของบลู
บลูเป็นแรพเตอร์ตัวแรกที่ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากที่มีการบูรณะพาร์คเก่าขึ้นมากลายเป็น Jurassic World ราวๆปี 2012
ในตัวของบลูนั้นมีส่วนผสมของดีเอ็นเอ ตะกวด Black-throated monitor บลูจึงได้ลายแถบสีฟ้านี้มา ( black throated monitor จริงๆแล้วก็มีแถบสีฟ้าๆข้างหัวเหมือนบลูครับ แต่อ่อนมากและไม่ชัดเจนเท่านี้)
บลูและน้องสาวอีกสามตัวถูกเลี้ยงในห้องเด็กอ่อน จะเป็นห้องอนุบาลเหล่าแรพเตอร์ที่ถูกเพาะเลี้ยงในพาร์ค ซึ่งฉากนี้ค่อนข้างเคารพนิยายต้นฉบับมากครับ หากใครเคยอ่านนิยาย Jurassic Park ของ ไมเคิล ไครชตัน จะมีพูดถึงฉากห้องเลี้ยงแรพเตอร์เด็ก และมีของเล่นเช่น ลูกบอลให้เจ้าหนูๆเล่นกันด้วย (มุ้งมิ้งจริง จริ๊งง)
ในช่วงที่โอเว่นกำลังฝึกเหล่าแรพเตอร์พวกนี้ มีเพียงบลูตัวเดียวที่แสดงความฉลาดหลักแหลมได้มากกว่าพี่น้องตัวอื่นๆ ความพิเศษของเจ้าแรพเตอร์น้อยตัวนี้ที่ทำให้โอเว่นถึงกับประหลาดใจคือ เมื่อโอเว่นทำท่าแสดงความอ่อนแอและหวาดกลัว ปฏิกิริยาของแรพเตอร์อีกสามตัวคือพุ่งเข้าโจมตีและกัดเข้าที่แขนของโอเว่นทันที ในขณะที่บลูเมื่อเห็นโอเว่นทำท่าแสดงความหวาดกลัวบลูกลับเข้าไปปลอบประโลมและคลอเคลียโอเว่นเสียอย่างนั้น สามารถพูดได้ว่า บลูทำให้ภาพจำของเวโลซิแรพเตอร์ที่ได้ชื่อว่าเป็น ไดโนเสาร์นักล่าตัวฉกาจ หายไปเลย บลูจึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าแรพเตอร์ก็มีความรู้สึกผูกพันและความอ่อนโยนเช่นกัน ไม่ได้เป็นตัวอันตรายเสมอไป
ในฝูง บลูเป็นตัวเดียวที่เชื่อฟังโอเว่นได้ดีมากที่สุดตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อโอเว่นให้สัญญาณ สามารถเรียกแรพเตอร์ตัวอื่นให้มาเข้าแถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งได้ ตำแหน่งรองหัวหน้าจึงตกไปที่บลู เอคโค่ที่เคยพยายามแช่งชิงตำแหน่งก็ไม่เคยทำสำเร็จ ( Echo เอคโค่คือแรพเตอร์ตัวที่ถูกอินโดไมนัส เร็กซ์จับเหวี่ยงเข้าเตาไฟตายครับ หากใครจำไม่ได้)
สิ่งนี้แหละครับที่ทำให้ เฮนรี่ วู หรือ ด็อกเตอร์ วู ต้องการดีเอ็นเอของบลูนักหนา เพราะความสามารถพิเศษของนาง ดร.วู ต้องการดีเอ็นเอที่สมบูรณ์เพื่อให้ในการเติมเต็มยีนส์ของ อินโดแรพเตอร์ เนื่องจากอินโดแรพเตอร์ที่เห็นกันในหนังภาค Fallen Kingdom ตัวนั้นยังเป็นแค่ prototype ครับ ยังไม่สมบูรณ์ หากด็อกเตอร์วูได้ดีเอ็นเอของบลูมาผสม อาจทำให้การฝึกอินโดแรพเตอร์ไปใช้ในการทหารได้ไม่ยาก
รูปบลูในวัยเด็กแบบเต็มตัว จะสังเกตได้ว่าแรพเตอร์ในวัยนี้นิ้วเท้ายังไม่พัฒนาเต็มที่ ต่างจากพวกตัวเต็มวัยที่เล็บนิ้วชี้จะใหญ่ขึ้น และโค้งยาวไว้ใช้จิกและเฉือนเหยื่อ (น่ารักเชียว แรพเตอร์เวอชั่นใหม่ทำหน้าตาอย่างกับตัวการ์ตูน ไม่เหมือนไตรภาคแรกจะค่อนข้างสมจริงกว่า)
ปี 2015 Indominus Rex Breakout และ โครงการ IBRIS Project
ปี 2015 เป็นเวลาราวๆสามปีที่ก๊วนแรพเตอร์สาวเติบโตจนเต็มวัยพอดี โครงการ IBRIS Project ก็ยังคงดำเนินต่อไป พออ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า IBRIS Project คืออะไร เดี๋ยวเรามาเท้าความกันก่อนครับ
IBRIS Project
I.B.R.I.S. ย่อมาจาก Integrated Behavioral Raptor Intelligence Study เป็นโครงการที่ไว้ศึกษาพฤติกรรมและความฉลาดของเวโลซิแรพเตอร์ เริ่มขึ้นในปี 2012
ย้อนกลับไปสมัยปี 1992 ด็อกเตอร์ วู จับสังเกตได้ว่าแรพเตอร์มีพฤติกรรมความฉลาดที่สูงมาก หลังจากเหตุการณ์ใน Jurassic Park 1993 ดร. อลัน แกรนท์พอได้เผชิญหน้าฝูงแรพเตอร์ของ The Big One เขาจึงได้ทำการศึกษามันผ่านฟอสซิลตลอดมา เพราะลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่มีวันกลับไปเหยียบเกาะนั่นเด็ดขาด (ถึงแม้ใน Jurassic Park III จะแพ้อำนาจ”เงิน”ก็ตาม.....)
ดร.แกรนท์พบว่า เวโลซิแรพเตอร์นั้นอาจจะฉลาดกว่าโลมาและไพรเมทอย่างเอปเสียอีก เนื่องจากค้นพบว่าในกะโหลกของเวโลซิแรพเตอร์มีช่องว่างที่สามารถใช้ในการสร้างเสียงที่ซับซ้อนและแตกต่างกันเวลาที่มันสื่อสารกัน ซึ่งเราได้เห็นกันไปแล้วใน Jurassic Park III ว่าแรพเตอร์มีภาษาของมันเอง มีการร้องขอความช่วยเหลือ เรียกพวก ออกคำสั่ง อยู่กันเป็นฝูง มีสังคม นอกจากนี้ยังเรียนรู้ที่จะวางแผนและวางกับดักได้ด้วย
โครงการนี้ถูกควบคุมโดยหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย InGen วิค ฮอสกิ้น (ชายร่างอ้วนที่ถูกเดลต้าฆ่าในศูนย์วิจัยของ ดร. วูบนเกาะอิสลา นูบลา) โดยมีโอเว่น เกรดี้ พระเอกของเราเป็นผู้ฝึกแรพเตอร์ทั้งสี่ตัวด้วยตนเอง ทั้งบลู เอคโค่ ชาลี และเดลต้า สามารถจำรูปแบบคำสั่งที่โอเว่นเป็นคนสอนได้ถึง 40 ชุดที่แตกต่างกัน และสามารถปฏิบัติตามการให้สัญญาณของโอเว่นได้อย่างเคร่งครัด ซึ่งฮอสกิ้นเล็งเห็นตรงนี้ว่า แรพเตอร์เหล่านี้สามารถนำไปใช้ในการรบ การทหารได้ เนื่องจากมันมีทั้งความฉลาดเป็นกรด ความปราดเปรียวว่องไว บวกกับประสาทสัมผัสต่างๆที่ดีเยี่ยมเหนือกว่ามนุษย์มาก และสามารถเข้าไปในพื้นที่ที่โดรนไม่สามารถเข้าถึงได้
เป็นอันประจวบเหมาะเมื่อในวันที่เหตุการณ์ Jurassic World 2015 เกิดขึ้น ไดโนเสาร์ไฮบริดอินโดไมนัส เร็กซ์หลุดออกจากที่คุมขัง วิค ฮอสกิ้นจึงมีแผนการที่จะใช้แรพเตอร์ทั้งสี่ ล่าตัวอินโดไมนัส เร็กซ์ โดยไม่บอกโอเว่น เพราะโอเว่นเป็นคนบอกกับเขาเองว่าไม่เห็นด้วยที่จะนำแรพเตอร์ไปใช้เป็นอาวุธ เขาฝึกแรพเตอร์เพื่อใช้ในการจัดแสดงโชว์ในพาร์คเท่านั้น ซึ่งภายหลังโอเว่นก็ถูกสถานการณ์ที่ขับขันบีบให้เขายอมใช้แรพเตอร์ออกภาคสนาม
ในขณะที่แรพเตอร์ได้ลงสนามรบจริง เราได้เห็นในหนังว่าแรกๆพวกมันปฏิบัติตามคำสั่งได้เป็นอย่างดี มีความเร็วและพละกำลังที่ต่อให้เป็น super soldier ก็ไม่อาจเทียบชั้นได้ (แรพเตอร์ในแฟรนไชส์นี้มันใหญ่เกินขนาดจริงๆด้วยแหละครับ) พอเหล่าแรพเตอร์ค้นหาเป้าหมายพบ นั่นก็คืออินโดไมนัส เร็กซ์ ช่างเป็นความบังเอิญเสียนี่กระไร ที่มันดันมียีนส์แรพเตอร์ในตัวแล้วสื่อสารกันได้! แรพเตอร์ทั้งสี่จึงแปรพักตร์และหันหน้าเข้าโจมตีฝ่ายมนุษย์ทันที
ด้วยความเร็วและกำลังที่เหนือชั้นของแรพเตอร์เรียกได้ว่า มนุษย์สู้กับแรพเตอร์ตัวต่อตัวมือเปล่า รับรองว่าเอาไม่ลง ( Chuck Norris อ่ะ ไม่แน่ )
จนมาถึงฉากไคลแม็กซ์ที่โอเว่น แคลร์และสองพี่น้องแซ็คกับเกรย์ โดนต้อนเข้าจนมุมจากแรพเตอร์ทั้งสาม (เหลือสาม ชาลีตายตัวแรก ขออนุญาตเล่าเฉพาะส่วนของบลูนะครับ)
โอเว่นต้องการเรียกความเชื่อใจจากเด็กๆของเขากลับคืนมา โดยการปลดเครื่องติดตามออก เพราะเหล่าแรพเตอร์ไม่ต้องการให้ใครมาควบคุมพวกมันนั่นเอง สามพี่น้องแรพเตอร์ที่เหลือจึงพุ่งเข้าโจมตีอินโดไมนัส เร็กซ์ตามสัญญาณของโอเว่น
ในขณะที่เดลต้ากับเอคโค่ถูกกำจัดออกอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงบลูกับโอเว่นที่ต่อสู้กับอินโดไมนัส ด้วยไอเดียของเกรย์ แคลร์จริงไปเปิด paddock 9 นำเร็กซี่ ราชินีแห่งเกาะอิสลา นูบลาที่แท้จริงออกมาต่อกรกับนางไฮบริดขาว
เมื่อเรื่องราวคลี่คลาย อินโดไมนัส เร็กซ์ถูกโมซาซอรัสกระโจนขึ้นมาลากตัวไปลงกินในน้ำเป็นการปิดฉาก Rexy เดินจากไปอย่างสะบักสะบอม บลูหันมาหาโอเว่นพลางอยากติดตามโอเว่นต่อไป แต่โอเว่นเลือกที่จะปล่อยบลูไป และดูนางก็เข้าใจที่จะสื่อกันดี ภาพสุดท้ายที่เราเห็นคือบลูวิ่งหนีเข้าป่าไปและไม่หันหลังกลับมาอีก พร้อมกับพาร์คที่ถูกปิดตัวลง
หลัง Jurassic World 2015 - Jurassic World: Fallen Kingdom
หลังจากที่พาร์คปิดตัวลงและไดโนเสาร์ทั้งหลายต่างถูกทิ้งไว้บนเกาะ บลูก็เช่นกัน ตอนนี้บลูเหลือนางเพียงตัวเดียวที่เป็นแรพเตอร์บนเกาะนี้ และตัวสุดท้ายของสายพันธุ์ด้วย
เมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมาทาง Felix & Paul Studios ร่วมมือกันกับทาง Universal Pictures ปล่อย side story เป็นรูปแบบของ VR หรือ Virtual Reality ครับ ชื่อ Jurassic World: Blue เป็นเหมือนเรื่องสั้นสองตอน ติดตามชีวิตบลูที่ถูกทิ้งอยู่บนเกาะตามลำพัง และยังต้องเผชิญหน้ากับศัตรูทางธรรมชาติบนเกาะอีกมากมายซึ่งส่วนใหญ่เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อที่มีขนาดใหญ่กว่าทั้งสิ้น
ใน VR แสดงให้เห็นว่าบลูปะทะกับเร็กซี่อยู่บ่อยครั้ง ทั้งสองไม่ได้เป็นพันธมิตรกันอย่างที่หลายคนเข้าใจ มีการแบ่งอาณาเขตและแย่งอาหารกันอยู่เสมอๆ นอกจากนี้ใน VR ยังแสดงให้เห็นตอนที่ภูเขาไฟ Mount Sibo เริ่มที่จะปะทุ และบลูก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยครับ
Jurassic World: Blue Chapter 1
Jurassic World: Blue Chapter 2
ช่วงประมาณปี 2017 ที่ผ่านมา ทาง Universal ได้ปล่อย viral ตัวสำคัญคือการสร้าง Dinosaur Protection Group ขึ้นมาซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ถูกก่อตั้งโดย แคลร์ เดียริ่ง นางเอกของเรานั่นเอง โดยจุดประสงค์หลักขององค์กรคือการช่วยชีวิตเหล่าไดโนเสาร์ที่หลงเหลืออยู่บนเกาะ อิสลา นูบลาให้รอดพ้นจากภูเขาไฟระเบิดที่กำลังจะเกิดขึ้น และสันนิษฐานว่าบลูยังคงมีชีวิตอยู่
รูปโปรโมทของบลู จากทางเพจ Dinosaur Protection Group