คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ปัญหาที่คุณพบ เกิดจากตัว มือถือ หรือ notebook ไม่ยอมสลัดหลุดจาก WiFi ตัวเก่า
จนกว่า สัญญาณ จะอ่อนสุด ๆ (เดินห่างออกมาไกล ๆ) แล้วจึงสลัดหลุด
และไปหา WiFi ใหม่ที่แรงกว่า
ซึ่งสำหรับการสลับ WiFi แบบที่ อัตโนมัติ
ถ้าเป็นพื้นที่บริการ เช่น รีสอร์ท หรือโรงแรมใหญ่ ๆ ยอมลงทุน
สามารถใช้ Access Point Controller (เป็น Server) คู่กับ Access Point รุ่นที่กำหนด
เพื่อทำเช่นนั้นได้เลยครับ
โดยไม่ต้องรอให้เกิดการสลัดหลุดจาก WIFi เก่า เพราะสัญญาณอ่อน
แต่แบบนั้น จะลงทุนสูงหน่อย
ไม่เหมาะกับบ้านทั่วไปแน่ ๆ
สำหรับบ้านทั่วไป หรือ กรณีที่มิได้ใช้ Access Point Controller
ถ้าในบ้าน มี WiFi หลายตัว ควรตั้งชื่อให้ต่างกัน นะครับ จะได้ไม่สับสน
และให้ Channel ของแต่ละตัว ที่วางอยู่ใกล้กัน มี Channel ห่างกันอย่างน้อย 5 หน่วย ด้วย
(ไม่เช่นนั้น จะเกิดความสับสน
เช่น ตั้งชื่อ WiFi ว่า myHome ทั้ง 2 ชั้น
แล้วคุณอยู่ชั้น 2 เชื่อมต่อ myHome ของชั้น 2
พอเดินมาชั้นล่าง ไปยืนข้าง ๆ ตัวปล่อย WiFi myHome ที่ชั้น 1
คุณอาจ บ่นว่า
"เอ๊ะ ทำไม มายืนข้าง ๆ Router แล้ว แต่สัญญาณยังอ่อนอีก ... Router พังหรือเปล่า"
จริง ๆ แล้ว หาใช่เช่นนั้น ไม่
แต่เป็นเพราะ ภาพที่คุณเห็นบนจอโทรศัพท์ คือ เขากำลังเชื่อมต่อกับ myHome ชั้น 2
แล้วตอนนี้ก็เริ่มอยู่ไกล แต่.... ยังไม่หลุด ก็เลยเห็นว่า สัญญาณอ่อน
และคุณก็ไม่รู้เลยว่า ยังเชื่อมอยู่กับชั้น 2 เพราะชื่อมันเหมือนกันไปหมด)
ต้องตั้งชื่อให้ต่างกัน จะได้ลดความสับสน
และการสลับอัตโนมัต ก็ลง app ช่วยครับ
พอดีว่า ผมใช้แค่ Android
ซึ่งผม ก็เคยหา app แบบที่คุณว่ามาครับ
มีหลายตัวครับ
หลักการ ก็คือ app จะให้เราตั้งค่า ว่า ถ้าสัญญาณต่ำกว่าระดับใด แล้วจะให้เขาสลัด WiFi เก่า
แล้วไปหา WiFi ใหม่ที่แรงกว่าค่าที่กำหนด
ตอนนี้ ที่ผมทดสอบอยู่แล้ว พอใช้งานได้ดี ก็ตัวนี้ครับ
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.seah0rse.swififree
จนกว่า สัญญาณ จะอ่อนสุด ๆ (เดินห่างออกมาไกล ๆ) แล้วจึงสลัดหลุด
และไปหา WiFi ใหม่ที่แรงกว่า
ซึ่งสำหรับการสลับ WiFi แบบที่ อัตโนมัติ
ถ้าเป็นพื้นที่บริการ เช่น รีสอร์ท หรือโรงแรมใหญ่ ๆ ยอมลงทุน
สามารถใช้ Access Point Controller (เป็น Server) คู่กับ Access Point รุ่นที่กำหนด
เพื่อทำเช่นนั้นได้เลยครับ
โดยไม่ต้องรอให้เกิดการสลัดหลุดจาก WIFi เก่า เพราะสัญญาณอ่อน
แต่แบบนั้น จะลงทุนสูงหน่อย
ไม่เหมาะกับบ้านทั่วไปแน่ ๆ
สำหรับบ้านทั่วไป หรือ กรณีที่มิได้ใช้ Access Point Controller
ถ้าในบ้าน มี WiFi หลายตัว ควรตั้งชื่อให้ต่างกัน นะครับ จะได้ไม่สับสน
และให้ Channel ของแต่ละตัว ที่วางอยู่ใกล้กัน มี Channel ห่างกันอย่างน้อย 5 หน่วย ด้วย
(ไม่เช่นนั้น จะเกิดความสับสน
เช่น ตั้งชื่อ WiFi ว่า myHome ทั้ง 2 ชั้น
แล้วคุณอยู่ชั้น 2 เชื่อมต่อ myHome ของชั้น 2
พอเดินมาชั้นล่าง ไปยืนข้าง ๆ ตัวปล่อย WiFi myHome ที่ชั้น 1
คุณอาจ บ่นว่า
"เอ๊ะ ทำไม มายืนข้าง ๆ Router แล้ว แต่สัญญาณยังอ่อนอีก ... Router พังหรือเปล่า"
จริง ๆ แล้ว หาใช่เช่นนั้น ไม่
แต่เป็นเพราะ ภาพที่คุณเห็นบนจอโทรศัพท์ คือ เขากำลังเชื่อมต่อกับ myHome ชั้น 2
แล้วตอนนี้ก็เริ่มอยู่ไกล แต่.... ยังไม่หลุด ก็เลยเห็นว่า สัญญาณอ่อน
และคุณก็ไม่รู้เลยว่า ยังเชื่อมอยู่กับชั้น 2 เพราะชื่อมันเหมือนกันไปหมด)
ต้องตั้งชื่อให้ต่างกัน จะได้ลดความสับสน
และการสลับอัตโนมัต ก็ลง app ช่วยครับ
พอดีว่า ผมใช้แค่ Android
ซึ่งผม ก็เคยหา app แบบที่คุณว่ามาครับ
มีหลายตัวครับ
หลักการ ก็คือ app จะให้เราตั้งค่า ว่า ถ้าสัญญาณต่ำกว่าระดับใด แล้วจะให้เขาสลัด WiFi เก่า
แล้วไปหา WiFi ใหม่ที่แรงกว่าค่าที่กำหนด
ตอนนี้ ที่ผมทดสอบอยู่แล้ว พอใช้งานได้ดี ก็ตัวนี้ครับ
https://play.google.com/store/apps/details?id=com.seah0rse.swififree
แสดงความคิดเห็น
บ้าน 2 ชั้น วาง AP ไว้ชั้นละตัว (เพื่อความแรง) ทำยังไงเวลาอยู่ชั้นบน ให้มันตัดเชื่อมต่อชั้นล่าง แล้วมาเชื่อมชั้นบน
แต่พอหลังๆ เพื่อนบ้านปล่อย wifi กันเยอะมาก ส่งผลให้ความเร็วลดลง
จึงใช้วิธีเพิ่ม AP ชั้นละ 1 ตัว
ทีนี้เกิดปัญหาว่าเวลาเราเดินขึ้นบ้านมาชั้น 2 แต่เจ้ามือถือมันยังเชื่อมสัญญาณชั้น 1 อยู่
ต้องทำยังไงถึงจะให้มันตัดการเชื่อมต่อ AP ตัวที่สัญญาณเบากว่า มายัง AP ชั้น 2 ที่สัญญาณแรงกว่าครับ?
AP ชั้น 1 คือ Mikrotik hAP AC2
AP ชั้น 2 คือ TP-Link TD-W8980 (เอา All in one มาทำงาน AP อย่างเดียว)
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ