เราจองล่วงหน้า และเช่ารถมอเตอร์ไซค์ จากร้านที่เพื่อนๆพี่ๆใน พันทิปแนะนำ
ก็ร้านBikky บริการทุกระดับประทับใจจริมๆ ให้10/10 กับร้านนี้
DAY 1
เราออกเดินทางด้วยไฟลท์ FD5421 สุราษฎร์-เชียงใหม่ ใช้เวลาโดยรวม 1.50 ชม
ก่อนถึงเชียงใหม่มีฝนตกปรอยๆ เหมือนการต้อนรับเล็กๆ
พอถึงแล้วเป็นคนใจง่ายเดินตามๆฝรั่งด้านหน้าไป รับกระเป๋าที่สายพาน กระเป๋ามาเร็วมาก รับกระเป๋า แล้วเดินออกไปด้านออกไปตามหารถแดงเข้าในเมือง ไปยังที่พัก รถแดงหาไม่ยากค่ะ แค่แปปเดียวก็เจอแล้ว ก่อนขึ้นรถแดงถามราคาลุงก่อน ไปท่าแพเท่าไหร่คะลุง ลุงบอก30บาท ราคาน่ารักประทับใจ เลยกระโดดขึ้นรถไปพร้อมกระเป๋าแบคแพคที่ยืมเพื่อนมา
บนรถเรายังมีเพื่อนร่วมทางเป็นชาวจีนอีกสองคน ที่นั่งมาด้วยกัน
นั่งรถมาได้แปปนึงหันไปมองเห็นคูเมืองเชียงใหม่ ที่มีกำแพงโบราณ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันใด
ณ ประตูท่าแพ เราลงรถแล้วเดินข้ามถนน ลอดประตูมาเจอป้ายประตูท่าแพ โชคดีมากที่ตอนนั้นไม่มีคนเลย หันไปเห็นพี่ผู้ชายนั่งแจกใบปลิวเลยขอพี่เค้าถ่ายให้ ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ
เราจองที่พักไว้ใกล้ๆ ประตูท่าแพ คืนนี้เราจะยังไม่เช่ารถ เพราะมาถึงค่ำแล้ว เลยนัดรับรถไว้วันพรุ่งนี้เช้า เราถึงห้องพักเช็คอินเรียบร้อยขึ้นห้องไปเปลี่ยนรองเท้า แล้วถามเจ้าของห้องพักเขาแนะนำ ให้ไปเดินตลาดวโรรส เราก็เดินไปถามทางไปจนถึงตลาด พอเสร็จขากลับขี้เกียจเดิน ก็โบกรถแดงกลับโรงแรมใสใส เป็นอันจบวันที่1 ในเชียงใหม่
DAY 2
เราตื่นนอนตอน8 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัว เช็คเอาท์ จากโรงแรม ขึ้นรถแดงไป รับรถมอเตอร์ไซค์ ที่นัดรับไว้ เราจองรถไว้ที่ Bikky สาขาห้วยแก้ว
ไปถึงโชว์ ที่จองไว้ในไลน์ให้พี่ๆ ที่ร้านดู เช็คสภาพรถ แล้วเซ็นต์เอกสาร รับรถ เสร็จเรียบร้อย เราจอง Honda Click 125i เพราะจากประสบการณ์การขี่คลิ๊กมา เร่งแซงได้ดีมาก เลยไม่ลังเลที่จะเลือกเลย
คันนี้จะอยู่กับเราทั้งทริปนี้ เราให้ชื่อคันนี้ว่า Dwyane หอยซิ่ง
เสร็จแล้วออกเดินทางกันเลย
ด้วยความที่เคยเป็นสก๊อยเก่า วันนี้เราจะขี่มอไซค์ไป ดอยอินทนนท์!!
ทริปนี้เราอาศัยเปิดGPS จาก google map เป็นระยะๆ งงหรือหลง ก็จอดรถเปิดmap สะดวกดี ระยะทางก็ไม่ไกลมาก
โดยเราใช้ถนน สายเชียงใหม่-ฮอด ผ่านอำเภอหางดง-สันป่าตอง-และ จอมทอง โดยรวมแล้วประมาณ 80 กม.
ถนนขี่รถง่าย สบายมาก
ก่อนที่เราจะเลี้ยวขวาไปยังถนนสาย จอมทอง-อินทนนท์ เราต้องขี่เลยไปวัดพระธาตุศรีจอมทอง เป็นวัดที่สวย และเก่าแก่มาก ซึ่งเลยทางขึ้นดอยอินทนน์ไปไม่มาก ใครมีโอกาสไปดอยอินทนนท์ก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวกันนะคะ เนื่องด้วยเราได้ทำการนัดเจอเพื่อนไว้ เราจึงแวะไปหาเพื่อน
.
.
.
คนนี้ไงเพื่อนเรา พระเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันหลายปี
นั่งเมาท์มอยสนทนาธรรมกับพระ อยู่สักครู่ใหญ่ ทานข้าววัด เล่าปัญหาชีวิตกับพระเพลิน จนมารู้ตัวอีกที ก็เกือบบ่ายสอง เราลาพระแล้วรีบ มุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์
ระหว่างทางขึ้นดอยอินทนนท์ วิวสวย อากาศดี เราจอดมอไซค์แวะถ่ายรูปเป็นระยะๆ
ก่อนขึ้นดอยอินทนนท์ เราแวะที่อุทยานก่อน เพราะจากแพลนของเราที่ตั้งใจไว้ว่าจะเช่าเต็นท์ของทางอุทยานนอน แต่เนื่องจากกลางคืนมีฝนตก เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่อนุญาติให้กางเต็นท์ เราเลยต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย เมื่อผิดหวังจากการกางเต็นท์เราไม่ปล่อยให้เสียเวลา เรามุ่งหน้าสู่ยอดดอยอินทนนท์ทันใด
จุดแรกที่เราจะไปคือ สูงสุดแดนสยาม ทางขึ้นดอยอินทนนท์นั้นเราจะต้องผ่านด่านตรวจของกรมอุทยานด้วยกันทั้งหมด 2 ด่าน และจะมีค่าผ่านเล็กน้อย เราเมาท์มอยกับพี่อุทยานแล้วจ่ายเงินทันใด
บรรยากาศระหว่างทาง มีฝนตกเล็กน้อย อากาศหนาวจับใจ แต่บรรยากาศสองข้างทางสวยเกินจะบรรยาย เพราะเราไปในช่วงที่คนอื่นเขาไม่เที่ยวกัน ถนนหนทาง เลยเงียบและไม่ดูวุ่นวาย เป็นความสุขที่ยากอธิบายออกมาจริมๆ
เราขี่รถมาจนสุดเจอทาง เจอด่านที่ปิดทางไว้ ตอนนี้ฝนตกปรอยๆ
อุณหภูมิตอนนั้นขึ้นป้ายอยู่ที่ 15องศา
เพื่อนบนดอยเรามีฝรั่งหนึ่งคน เขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่มา เรายิ้มให้ แล้วเขาก็รีบเดินจากไปเลย
เจอแล้วทางขึ้น หนาวจริมๆ เลยพี่จ๋าา
ตั้งกล้องถ่ายเองรูปก็จะประมาณนี้อะค่ะ
พอถ่ายรูปแล้วเราก็เดินเลยขึ้นไปด้านบนอีกหน่อย ถัดมาจะเจอ สถูป บรรจุอัฐิของเจ้าอินทวิชยานนท์ ผู้ครองนครเชียงใหม่สมัยก่อน
เราแวะไหว้ท่านแล้วเดินต่อไปอีกหน่อยเจอทางเข้าป่า
ฝนตกเล็กน้อย อากาศหนาว ณ ตอนนั้นมองหน้ามองหลังไม่มีคนเลย พี่ฝรั่งก็หายไปแล้ว เราเลยรีบเดินดุ่มๆ มองตรงอย่างเดียว
เดินมาอีกหน่อยก็จะมาทะลุอีกฝั่ง เหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์
บรรยากาศแอบเหงา แต่เงียบเราชอบดี
เราเข้าห้องน้ำทำธุระ แล้วจึงเดินกลับไปที่รถ พอถึงรถ สวมหมวกกันน็อค แล้วพร้อมเดินทางไปยังจุดที่สอง
จุดที่สอง ที่เราจะไปคือ ขี่รถไปถ่ายรูปที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน
ถึงแล้วกิ่วแม่ปาน เราจอดรถแวะถ่ายรูปDwyane อากาศยังคงหนาว ทางศึกษาธรรมชาติวันนั้นปิด เนื่องจากมีฝนตก เราเลยได้ใช้เวลาถ่ายรูป ณ จุดนั้นนานนิดนึง
เราตั้งกล้องถ่ายเองตามระเบียบ
จุดที่สาม ถัดลงมาจากกิ่วแม่ปาน เราแวะไปพระมหาธาตุเจดีย์คู่
อากาศด้านบนพระธาตุหนาว และลมแรงมาก เราเข้าไปด้านในไหว้พระธาตุ แล้วเดินทางต่อไปยังจุดต่อไป
จุดที่ 4 เราแวะที่ร้านค้าริมทางเลยแวะถ่ายรูปซะหน่อย
ทำไมน่ารักงี้ง่าาา
แวะถ่ายรูป และเดินดูของนิดหน่อยเราก็ขี่มอไซค์ไปยังจุดถัดไป
จุดที่ 5 เราตั้งใจไว้ว่าจะไปแวะร้านกาแฟ ร้านหนึ่งอยู่ทางขึ้นดอยอินทนนน์ เห็นพี่ๆในพันทิปไปถ่ายรูปกัน ร้านสวยน่ารักดี พอไปถึงร้านก็จะได้รูปประมาณนี้...
ร้านปิดแล้วจ้า..
ตอนนั้นประมาณ 6โมงเย็น อากาศด้านล่างตรงนี้ ค่อนข้างอุ่น ถึงร้อน พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เราหันไปเห็นวิวภูเขากับทุ่งนาที่อยู่ใกล้ๆกับร้าน ช่างสวยเหลือเกิน เราเลยไม่รอช้า ขออนุญาติพี่เจ้าของร้านใจดีถ่ายรูปซะหน่อย
เราเพลินกับการถ่ายรูปอยู่พักใหญ่ ก็แอบเห็นนาฬิกา แล้วนึกขึ้นได้ว่ามีอีกที่หนึ่งที่ต้องไป
เราขอบคุณพี่เจ้าของร้านแล้วขึ้นมอไซค์ มุ่งหน้าไปยังจุดสุดท้ายของวันนี้
จุดที่ 6
เราขี่รถมาถึงน้ำตกวชิรธาร พระเพื่อนบอกว่าต้องแวะไปให้ได้ ทางเข้าถนนค่อนข้างแคบ และโค้งเยอะ เรารีบซิ่งไปน้ำตกเพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว
และแล้วเราก็มาถึงน้ำตก
น้ำตกใหญ่ สวย และน้ำแรงมาก ฝนเริ่มตกอีกครั้ง บรรยากาศแอบวังเวง เพราะไม่มีคนเลยมีแต่น้องหมา เรา เรารีบถ่ายรูปน้ำตก แล้วเดินไปยังรถรีบมุ่งหน้าไปต่อ ก่อนที่ตะวันจะลับ
ระหว่างทางเราโทรหาพระเพื่อน บอกว่าแวะน้ำตกแล้ว และไม่นอนที่ดอยแล้ว ตัดสินใจจะกลับเชียงใหม่ พระไม่เห็นด้วยเพราะจะมืดแล้ว เราเลยถามพระเรื่องที่พัก พระนึกขึ้นได้ว่าที่วัดมีที่พักสำหรับแม่ชี เราเลยได้รับความอนุเคราะห์จากทางวัด และด้วยความอนุเคราะห์จากพระเพื่อน เราจึงได้นอนวัด1คืน เป็นครั้งแรกในชีวตทีได้นอนวัด ขอขอบพระคุณจริงๆนะคะ
จะบอกว่าตอนแรกก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อย
เราออกไปหาของกินที่ตลาดหน้าวัด พร้อมกับซื้อยาทานเพราะเหมือนจะเป็นไข้
ทานเสร็จกลับมาที่ห้องพัก เราอาบน้ำ และเข้านอน เป็นอันจบรีวิว DAY 2 ของเรา
เดี๋ยวเรามาต่อ DAY 3 นะคะ
[CR] เชียงใหม่หน้าฝน คนเดียวก็เที่ยวได้ | Chiangmai x DreamyJenner |
ทริปนี้เราวางแพลนล่วงหน้าประมาณ 2สัปดาห์ ก็หาอ่านในพันทิพนี่แหละ กระทู้สาระเพียบ ตั้งใจอ่านจริง แปปเดียวเอาอยู่
เราเดินทางช่วงปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ใช้เวลารวมทั้งสิ้น 5วัน4คืน
เรามักจะจองด้วย Booking.com จองก่อนจ่ายทีหลัง ยกเลิกได้
และด้วยความอนุเคราะห์จากเพื่อนเล็กน้อยเดี๋ยวค่อยเล่าทีหลังนะ
ตั๋วเครื่อบินราคาโคตรประหยัดจากแอร์เอเชียออกเดินทางด้วย
ไฟลท์บินตรง สุราษฎร์ไปเชียงใหม่ 17.35 น. เราถึงเชียงใหม่ 19.25 น.
เราจองล่วงหน้า และเช่ารถมอเตอร์ไซค์ จากร้านที่เพื่อนๆพี่ๆใน พันทิปแนะนำ
ก็ร้านBikky บริการทุกระดับประทับใจจริมๆ ให้10/10 กับร้านนี้
เราออกเดินทางด้วยไฟลท์ FD5421 สุราษฎร์-เชียงใหม่ ใช้เวลาโดยรวม 1.50 ชม
ก่อนถึงเชียงใหม่มีฝนตกปรอยๆ เหมือนการต้อนรับเล็กๆ
พอถึงแล้วเป็นคนใจง่ายเดินตามๆฝรั่งด้านหน้าไป รับกระเป๋าที่สายพาน กระเป๋ามาเร็วมาก รับกระเป๋า แล้วเดินออกไปด้านออกไปตามหารถแดงเข้าในเมือง ไปยังที่พัก รถแดงหาไม่ยากค่ะ แค่แปปเดียวก็เจอแล้ว ก่อนขึ้นรถแดงถามราคาลุงก่อน ไปท่าแพเท่าไหร่คะลุง ลุงบอก30บาท ราคาน่ารักประทับใจ เลยกระโดดขึ้นรถไปพร้อมกระเป๋าแบคแพคที่ยืมเพื่อนมา
บนรถเรายังมีเพื่อนร่วมทางเป็นชาวจีนอีกสองคน ที่นั่งมาด้วยกัน
นั่งรถมาได้แปปนึงหันไปมองเห็นคูเมืองเชียงใหม่ ที่มีกำแพงโบราณ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันใด
ณ ประตูท่าแพ เราลงรถแล้วเดินข้ามถนน ลอดประตูมาเจอป้ายประตูท่าแพ โชคดีมากที่ตอนนั้นไม่มีคนเลย หันไปเห็นพี่ผู้ชายนั่งแจกใบปลิวเลยขอพี่เค้าถ่ายให้ ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ
เราจองที่พักไว้ใกล้ๆ ประตูท่าแพ คืนนี้เราจะยังไม่เช่ารถ เพราะมาถึงค่ำแล้ว เลยนัดรับรถไว้วันพรุ่งนี้เช้า เราถึงห้องพักเช็คอินเรียบร้อยขึ้นห้องไปเปลี่ยนรองเท้า แล้วถามเจ้าของห้องพักเขาแนะนำ ให้ไปเดินตลาดวโรรส เราก็เดินไปถามทางไปจนถึงตลาด พอเสร็จขากลับขี้เกียจเดิน ก็โบกรถแดงกลับโรงแรมใสใส เป็นอันจบวันที่1 ในเชียงใหม่
เราตื่นนอนตอน8 โมงเช้า อาบน้ำแต่งตัว เช็คเอาท์ จากโรงแรม ขึ้นรถแดงไป รับรถมอเตอร์ไซค์ ที่นัดรับไว้ เราจองรถไว้ที่ Bikky สาขาห้วยแก้ว
ไปถึงโชว์ ที่จองไว้ในไลน์ให้พี่ๆ ที่ร้านดู เช็คสภาพรถ แล้วเซ็นต์เอกสาร รับรถ เสร็จเรียบร้อย เราจอง Honda Click 125i เพราะจากประสบการณ์การขี่คลิ๊กมา เร่งแซงได้ดีมาก เลยไม่ลังเลที่จะเลือกเลย
คันนี้จะอยู่กับเราทั้งทริปนี้ เราให้ชื่อคันนี้ว่า Dwyane หอยซิ่ง
ด้วยความที่เคยเป็นสก๊อยเก่า วันนี้เราจะขี่มอไซค์ไป ดอยอินทนนท์!!
ทริปนี้เราอาศัยเปิดGPS จาก google map เป็นระยะๆ งงหรือหลง ก็จอดรถเปิดmap สะดวกดี ระยะทางก็ไม่ไกลมาก
โดยเราใช้ถนน สายเชียงใหม่-ฮอด ผ่านอำเภอหางดง-สันป่าตอง-และ จอมทอง โดยรวมแล้วประมาณ 80 กม.
ถนนขี่รถง่าย สบายมาก
ก่อนที่เราจะเลี้ยวขวาไปยังถนนสาย จอมทอง-อินทนนท์ เราต้องขี่เลยไปวัดพระธาตุศรีจอมทอง เป็นวัดที่สวย และเก่าแก่มาก ซึ่งเลยทางขึ้นดอยอินทนน์ไปไม่มาก ใครมีโอกาสไปดอยอินทนนท์ก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวกันนะคะ เนื่องด้วยเราได้ทำการนัดเจอเพื่อนไว้ เราจึงแวะไปหาเพื่อน
คนนี้ไงเพื่อนเรา พระเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันหลายปี
นั่งเมาท์มอยสนทนาธรรมกับพระ อยู่สักครู่ใหญ่ ทานข้าววัด เล่าปัญหาชีวิตกับพระเพลิน จนมารู้ตัวอีกที ก็เกือบบ่ายสอง เราลาพระแล้วรีบ มุ่งหน้าสู่ดอยอินทนนท์
ระหว่างทางขึ้นดอยอินทนนท์ วิวสวย อากาศดี เราจอดมอไซค์แวะถ่ายรูปเป็นระยะๆ
ก่อนขึ้นดอยอินทนนท์ เราแวะที่อุทยานก่อน เพราะจากแพลนของเราที่ตั้งใจไว้ว่าจะเช่าเต็นท์ของทางอุทยานนอน แต่เนื่องจากกลางคืนมีฝนตก เจ้าหน้าที่บอกว่าไม่อนุญาติให้กางเต็นท์ เราเลยต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย เมื่อผิดหวังจากการกางเต็นท์เราไม่ปล่อยให้เสียเวลา เรามุ่งหน้าสู่ยอดดอยอินทนนท์ทันใด
จุดแรกที่เราจะไปคือ สูงสุดแดนสยาม ทางขึ้นดอยอินทนนท์นั้นเราจะต้องผ่านด่านตรวจของกรมอุทยานด้วยกันทั้งหมด 2 ด่าน และจะมีค่าผ่านเล็กน้อย เราเมาท์มอยกับพี่อุทยานแล้วจ่ายเงินทันใด
บรรยากาศระหว่างทาง มีฝนตกเล็กน้อย อากาศหนาวจับใจ แต่บรรยากาศสองข้างทางสวยเกินจะบรรยาย เพราะเราไปในช่วงที่คนอื่นเขาไม่เที่ยวกัน ถนนหนทาง เลยเงียบและไม่ดูวุ่นวาย เป็นความสุขที่ยากอธิบายออกมาจริมๆ
เราขี่รถมาจนสุดเจอทาง เจอด่านที่ปิดทางไว้ ตอนนี้ฝนตกปรอยๆ
อุณหภูมิตอนนั้นขึ้นป้ายอยู่ที่ 15องศา
เพื่อนบนดอยเรามีฝรั่งหนึ่งคน เขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่มา เรายิ้มให้ แล้วเขาก็รีบเดินจากไปเลย
เจอแล้วทางขึ้น หนาวจริมๆ เลยพี่จ๋าา
ตั้งกล้องถ่ายเองรูปก็จะประมาณนี้อะค่ะ
พอถ่ายรูปแล้วเราก็เดินเลยขึ้นไปด้านบนอีกหน่อย ถัดมาจะเจอ สถูป บรรจุอัฐิของเจ้าอินทวิชยานนท์ ผู้ครองนครเชียงใหม่สมัยก่อน
เราแวะไหว้ท่านแล้วเดินต่อไปอีกหน่อยเจอทางเข้าป่า
ฝนตกเล็กน้อย อากาศหนาว ณ ตอนนั้นมองหน้ามองหลังไม่มีคนเลย พี่ฝรั่งก็หายไปแล้ว เราเลยรีบเดินดุ่มๆ มองตรงอย่างเดียว
เดินมาอีกหน่อยก็จะมาทะลุอีกฝั่ง เหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์
บรรยากาศแอบเหงา แต่เงียบเราชอบดี
เราเข้าห้องน้ำทำธุระ แล้วจึงเดินกลับไปที่รถ พอถึงรถ สวมหมวกกันน็อค แล้วพร้อมเดินทางไปยังจุดที่สอง
จุดที่สอง ที่เราจะไปคือ ขี่รถไปถ่ายรูปที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน
ถึงแล้วกิ่วแม่ปาน เราจอดรถแวะถ่ายรูปDwyane อากาศยังคงหนาว ทางศึกษาธรรมชาติวันนั้นปิด เนื่องจากมีฝนตก เราเลยได้ใช้เวลาถ่ายรูป ณ จุดนั้นนานนิดนึง
เราตั้งกล้องถ่ายเองตามระเบียบ
จุดที่สาม ถัดลงมาจากกิ่วแม่ปาน เราแวะไปพระมหาธาตุเจดีย์คู่
อากาศด้านบนพระธาตุหนาว และลมแรงมาก เราเข้าไปด้านในไหว้พระธาตุ แล้วเดินทางต่อไปยังจุดต่อไป
จุดที่ 4 เราแวะที่ร้านค้าริมทางเลยแวะถ่ายรูปซะหน่อย
ทำไมน่ารักงี้ง่าาา
แวะถ่ายรูป และเดินดูของนิดหน่อยเราก็ขี่มอไซค์ไปยังจุดถัดไป
จุดที่ 5 เราตั้งใจไว้ว่าจะไปแวะร้านกาแฟ ร้านหนึ่งอยู่ทางขึ้นดอยอินทนนน์ เห็นพี่ๆในพันทิปไปถ่ายรูปกัน ร้านสวยน่ารักดี พอไปถึงร้านก็จะได้รูปประมาณนี้...
ร้านปิดแล้วจ้า..
ตอนนั้นประมาณ 6โมงเย็น อากาศด้านล่างตรงนี้ ค่อนข้างอุ่น ถึงร้อน พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เราหันไปเห็นวิวภูเขากับทุ่งนาที่อยู่ใกล้ๆกับร้าน ช่างสวยเหลือเกิน เราเลยไม่รอช้า ขออนุญาติพี่เจ้าของร้านใจดีถ่ายรูปซะหน่อย
เราเพลินกับการถ่ายรูปอยู่พักใหญ่ ก็แอบเห็นนาฬิกา แล้วนึกขึ้นได้ว่ามีอีกที่หนึ่งที่ต้องไป
เราขอบคุณพี่เจ้าของร้านแล้วขึ้นมอไซค์ มุ่งหน้าไปยังจุดสุดท้ายของวันนี้
จุดที่ 6
เราขี่รถมาถึงน้ำตกวชิรธาร พระเพื่อนบอกว่าต้องแวะไปให้ได้ ทางเข้าถนนค่อนข้างแคบ และโค้งเยอะ เรารีบซิ่งไปน้ำตกเพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว
และแล้วเราก็มาถึงน้ำตก
น้ำตกใหญ่ สวย และน้ำแรงมาก ฝนเริ่มตกอีกครั้ง บรรยากาศแอบวังเวง เพราะไม่มีคนเลยมีแต่น้องหมา เรา เรารีบถ่ายรูปน้ำตก แล้วเดินไปยังรถรีบมุ่งหน้าไปต่อ ก่อนที่ตะวันจะลับ
ระหว่างทางเราโทรหาพระเพื่อน บอกว่าแวะน้ำตกแล้ว และไม่นอนที่ดอยแล้ว ตัดสินใจจะกลับเชียงใหม่ พระไม่เห็นด้วยเพราะจะมืดแล้ว เราเลยถามพระเรื่องที่พัก พระนึกขึ้นได้ว่าที่วัดมีที่พักสำหรับแม่ชี เราเลยได้รับความอนุเคราะห์จากทางวัด และด้วยความอนุเคราะห์จากพระเพื่อน เราจึงได้นอนวัด1คืน เป็นครั้งแรกในชีวตทีได้นอนวัด ขอขอบพระคุณจริงๆนะคะ
จะบอกว่าตอนแรกก็แอบกลัวอยู่ไม่น้อย
เราออกไปหาของกินที่ตลาดหน้าวัด พร้อมกับซื้อยาทานเพราะเหมือนจะเป็นไข้
ทานเสร็จกลับมาที่ห้องพัก เราอาบน้ำ และเข้านอน เป็นอันจบรีวิว DAY 2 ของเรา
เดี๋ยวเรามาต่อ DAY 3 นะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น