1.แมตช์ที่เต็มไปด้วยความผิดพลาด
ในแมตช์นี้มีประตูเกิดขึ้นถึง 6 ประตู ซึ่งแตกต่างจากปี 2010 และ 2014 อย่างสิ้นเชิง แต่ไม่น่าเชื่อว่า 3 จาก 6 ประตูนั้นเกิดมาจากความผิดพลาดของนักเตะ โดยสองลูกแรกเป็นความผิดพลาดของนักเตะโครเอเชีย อีกลูกเป็นความผิดของ Hugo Lloris น่าเห็นใจนักเตะที่สร้างความผิดพลาดเป็นอย่างมาก หวังอย่างยิ่งว่าแฟนบอลโครเอเชียจะให้กำลังใจนักเตะ และไม่ซ้ำเติมให้พวกเขาช้ำใจไปมากกว่านี้
2.แม้จะมี VAR แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ตัดสิน
ในวันนี้มีประตูดราม่าเกิดขึ้น คือจังหวะที่บอลไหลมาโดนมือของ Ivan Perisic ซึ่งดูก่ำกึ่งที่จะให้เป็นจุดโทษ บางคนมองว่ามือของ Perisic นั้นเป็นไปตามธรรมชาติ แต่บางคนก็มองว่าเป็นการยื่นมือออกมาชัดเจน หลังจากผู้ตัดสินดู VAR อยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายแล้วเขาตัดสินให้เป็นจุดโทษ น่าเห็นใจ Perisic เพราะเชื่อว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจแน่นอน แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามคำตัดสินของกรรมการ
3.รูปเกมของฝรั่งเศสและโครเอเชีย
หากพิจารณาจากสถิติแล้ว โครเอเชียดูจะเป็นฝ่ายครองเกมไว้ได้ แต่สุดท้ายแล้วหากจบสกอร์ไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย กองหน้าของพวกเขายังเด็ดขาดไม่พอ แตกต่างจากฝรั่งเศสโดยสิ้นเชิง ประตูที่ของฝรั่งเศสส่วนใหญ่เกิดจากการสวนกลับอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นอะไรที่พวกเขาใช้มาตั้งแต่เกมก่อนๆแล้ว โดยมี Kylian Mbappe เป็นคนพาบอลไปข้างหน้า สร้างความลำบากให้กองหลังโครแอตเป็นอย่างมาก
4.Luka Modric และโครเอเชีย ทำได้เต็มที่ที่สุดแล้ว
FIFA มอบรางวัล adidas Golden Ball Award ให้ Luka Modric ซึ่งเขาสมควรได้รับแล้ว ด้วยฟอร์มที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้ทีมได้เสมอ แม้สุดท้ายเขาจะแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ แต่นั่นก็ไม่ได้ลดคุณค่าของผลงานที่เขาทำมาแต่อย่างใด รวมไปถึงนักเตะทีมชาติโครเอเชียทุกๆคนเช่นกัน วันนี้พวกเขาพยายามสร้างโอกาสอย่างเต็มที่ แม้มันยังไม่ดีพอที่จะทำให้พวกเขาได้ประตูเพิ่ม แต่เชื่อว่าทีมตราหมากรุกคงได้ใจของแฟนบอลทั่วโลกไปหลายคนทีเดียว
5.แจ้งเกิดสตาร์ระดับโลกคนใหม่ Kylian Mbappe
ในทัวร์นาเม้นต์นี้เขาทำผลงานได้อย่างสุดยอดมาก ไม่น่าเชื่อว่าเขาอายุเพียง 19 ปี ความเร็วของเขาทำให้กองหลังหลายๆคนป้องกันได้อย่างยากลำบาก และยังนำไปสู่ประตูอีกหลายประตูทีเดียว ลูกยิงของเขาก็คมกริบ ในบอลโลกครั้งนี้ทำได้ถึง 4 ประตู ด้วยอายุเพียงเท่านี้กับศักยภาพของเขา หากเขามุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าในอีกไม่นานเขาอาจจะมาเป็นดาวดวงใหม่แทน Lionel Messi และ Cristiano Ronaldo ได้อย่างแน่นอน
6.Ballon d'Or ปีนี้จะออกหน้าไหน
Lionel Messi และ Cristiano Ronaldo คือขาประจำของรางวัล Ballon d'Or แต่ปีนี้อาจไม่เป็นแบบนั้น เนื่องจากนักเตะคนอื่นๆก็สามารถทำผลงานได้ดีเยี่ยมเช่นกัน โดยนักเตะที่มีสิทธิ์ได้รางวัลนี้มีดังนี้
1.Lionel Messi ได้ดับเบิ้ลแชมป์กับ FC Barcelona แต่ผลงานในบอลโลกไม่ดีนัก โดยยิงเพียง 1 ประตู และทีมตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
2.Cristiano Ronaldo ได้แชมป์ UEFA Champions League กับ Real Madrid และยิงในฟุตบอลโลกได้ 4 ประตู แต่ทีมตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
3.Antoine Griezmann ได้แชมป์ UEFA Europa League กับ Atletico Madrid และแชมป์ฟุตบอลโลก
4.Luka Modric ได้แชมป์ UEFA Champions League กับ Real Madrid และรองแชมป์ฟุตบอลโลก
แม้ในวันนี้นักเตะบางคนอาจดูโดดเด่นมาก แต่ผลงานในต้นฤดูกาล 2018/2019 ก็มีส่วนเช่นกัน ต้องมารอลุ้นกันในสิ้นปีว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
7.จาก france 98 สู่ france 18
ก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศสเคยได้แชมป์โลกในปี 1998 ปีนั้นนักเตะฝรั่งเศสบางคนยังเป็นแฟนบอลที่คอยเชียร์ข้างสนามอยู่ แม้กระทั่งบางคนก็ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ แต่ 20 ปีต่อมา พวกเขาสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ตัวเองได้สำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์โลกสมัยที่สองของชาติได้สำเร็จ นอกจากนั้น ไม่เพียงแต่นักเตะ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสก็สร้างสถิติให้ตัวเองเช่นกัน โดย Didier Deschamps อดีตกัปตันทีมตราไก่ที่เคยสัมผัสแชมป์โลกเมื่อปี 1998 ในฐานะนักเตะ และในปี 2018 เขาสามารถนำทีมได้แชมป์อีกเช่นกัน แต่เป็นในฐานะกุนซือ ซึ่งมีไม่กี่คนที่ทำได้อย่างเขา แม้จะถูกวิจารณ์ว่าแท็คติกของฝรั่งเศสนั้นไม่สวยงาม และเน้นผลมากเกินไป แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะไปในที่สุด ต้องขอยินดีกับทีมชาติฝรั่งเศสด้วย
Photo from FIFA World Cup, FIFATV and Sports Illustrated
ยินดีกับฝรั่งเศสด้วยที่คว้าแชมป์โลกสมัยที่สองได้สำเร็จ แต่ยอมรับว่าโครเอเชียก็สุดยอดเช่นกัน ก่อนฟุตบอลโลกเริ่มคงไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะมาไกลเท่านี้ ใครมีความเห็นของเกมนี้ยังไงเชิญคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ ฝากเข้าไปกดไลค์เพจผมด้วยนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อ่านต่อใน Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/trying2cheer/posts/276066986472906/
7 เรื่องที่เราได้รู้จากแมตช์ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 ฝรั่งเศส 4-2 โครเอเชีย
ในแมตช์นี้มีประตูเกิดขึ้นถึง 6 ประตู ซึ่งแตกต่างจากปี 2010 และ 2014 อย่างสิ้นเชิง แต่ไม่น่าเชื่อว่า 3 จาก 6 ประตูนั้นเกิดมาจากความผิดพลาดของนักเตะ โดยสองลูกแรกเป็นความผิดพลาดของนักเตะโครเอเชีย อีกลูกเป็นความผิดของ Hugo Lloris น่าเห็นใจนักเตะที่สร้างความผิดพลาดเป็นอย่างมาก หวังอย่างยิ่งว่าแฟนบอลโครเอเชียจะให้กำลังใจนักเตะ และไม่ซ้ำเติมให้พวกเขาช้ำใจไปมากกว่านี้
2.แม้จะมี VAR แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้ตัดสิน
ในวันนี้มีประตูดราม่าเกิดขึ้น คือจังหวะที่บอลไหลมาโดนมือของ Ivan Perisic ซึ่งดูก่ำกึ่งที่จะให้เป็นจุดโทษ บางคนมองว่ามือของ Perisic นั้นเป็นไปตามธรรมชาติ แต่บางคนก็มองว่าเป็นการยื่นมือออกมาชัดเจน หลังจากผู้ตัดสินดู VAR อยู่เป็นเวลานาน สุดท้ายแล้วเขาตัดสินให้เป็นจุดโทษ น่าเห็นใจ Perisic เพราะเชื่อว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจแน่นอน แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามคำตัดสินของกรรมการ
3.รูปเกมของฝรั่งเศสและโครเอเชีย
หากพิจารณาจากสถิติแล้ว โครเอเชียดูจะเป็นฝ่ายครองเกมไว้ได้ แต่สุดท้ายแล้วหากจบสกอร์ไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย กองหน้าของพวกเขายังเด็ดขาดไม่พอ แตกต่างจากฝรั่งเศสโดยสิ้นเชิง ประตูที่ของฝรั่งเศสส่วนใหญ่เกิดจากการสวนกลับอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นอะไรที่พวกเขาใช้มาตั้งแต่เกมก่อนๆแล้ว โดยมี Kylian Mbappe เป็นคนพาบอลไปข้างหน้า สร้างความลำบากให้กองหลังโครแอตเป็นอย่างมาก
4.Luka Modric และโครเอเชีย ทำได้เต็มที่ที่สุดแล้ว
FIFA มอบรางวัล adidas Golden Ball Award ให้ Luka Modric ซึ่งเขาสมควรได้รับแล้ว ด้วยฟอร์มที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างสรรค์โอกาสทำประตูให้ทีมได้เสมอ แม้สุดท้ายเขาจะแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ แต่นั่นก็ไม่ได้ลดคุณค่าของผลงานที่เขาทำมาแต่อย่างใด รวมไปถึงนักเตะทีมชาติโครเอเชียทุกๆคนเช่นกัน วันนี้พวกเขาพยายามสร้างโอกาสอย่างเต็มที่ แม้มันยังไม่ดีพอที่จะทำให้พวกเขาได้ประตูเพิ่ม แต่เชื่อว่าทีมตราหมากรุกคงได้ใจของแฟนบอลทั่วโลกไปหลายคนทีเดียว
5.แจ้งเกิดสตาร์ระดับโลกคนใหม่ Kylian Mbappe
ในทัวร์นาเม้นต์นี้เขาทำผลงานได้อย่างสุดยอดมาก ไม่น่าเชื่อว่าเขาอายุเพียง 19 ปี ความเร็วของเขาทำให้กองหลังหลายๆคนป้องกันได้อย่างยากลำบาก และยังนำไปสู่ประตูอีกหลายประตูทีเดียว ลูกยิงของเขาก็คมกริบ ในบอลโลกครั้งนี้ทำได้ถึง 4 ประตู ด้วยอายุเพียงเท่านี้กับศักยภาพของเขา หากเขามุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าในอีกไม่นานเขาอาจจะมาเป็นดาวดวงใหม่แทน Lionel Messi และ Cristiano Ronaldo ได้อย่างแน่นอน
6.Ballon d'Or ปีนี้จะออกหน้าไหน
Lionel Messi และ Cristiano Ronaldo คือขาประจำของรางวัล Ballon d'Or แต่ปีนี้อาจไม่เป็นแบบนั้น เนื่องจากนักเตะคนอื่นๆก็สามารถทำผลงานได้ดีเยี่ยมเช่นกัน โดยนักเตะที่มีสิทธิ์ได้รางวัลนี้มีดังนี้
1.Lionel Messi ได้ดับเบิ้ลแชมป์กับ FC Barcelona แต่ผลงานในบอลโลกไม่ดีนัก โดยยิงเพียง 1 ประตู และทีมตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
2.Cristiano Ronaldo ได้แชมป์ UEFA Champions League กับ Real Madrid และยิงในฟุตบอลโลกได้ 4 ประตู แต่ทีมตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
3.Antoine Griezmann ได้แชมป์ UEFA Europa League กับ Atletico Madrid และแชมป์ฟุตบอลโลก
4.Luka Modric ได้แชมป์ UEFA Champions League กับ Real Madrid และรองแชมป์ฟุตบอลโลก
แม้ในวันนี้นักเตะบางคนอาจดูโดดเด่นมาก แต่ผลงานในต้นฤดูกาล 2018/2019 ก็มีส่วนเช่นกัน ต้องมารอลุ้นกันในสิ้นปีว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
7.จาก france 98 สู่ france 18
ก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศสเคยได้แชมป์โลกในปี 1998 ปีนั้นนักเตะฝรั่งเศสบางคนยังเป็นแฟนบอลที่คอยเชียร์ข้างสนามอยู่ แม้กระทั่งบางคนก็ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ แต่ 20 ปีต่อมา พวกเขาสามารถสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ตัวเองได้สำเร็จ ด้วยการคว้าแชมป์โลกสมัยที่สองของชาติได้สำเร็จ นอกจากนั้น ไม่เพียงแต่นักเตะ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศสก็สร้างสถิติให้ตัวเองเช่นกัน โดย Didier Deschamps อดีตกัปตันทีมตราไก่ที่เคยสัมผัสแชมป์โลกเมื่อปี 1998 ในฐานะนักเตะ และในปี 2018 เขาสามารถนำทีมได้แชมป์อีกเช่นกัน แต่เป็นในฐานะกุนซือ ซึ่งมีไม่กี่คนที่ทำได้อย่างเขา แม้จะถูกวิจารณ์ว่าแท็คติกของฝรั่งเศสนั้นไม่สวยงาม และเน้นผลมากเกินไป แต่นั่นก็ทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะไปในที่สุด ต้องขอยินดีกับทีมชาติฝรั่งเศสด้วย
Photo from FIFA World Cup, FIFATV and Sports Illustrated
ยินดีกับฝรั่งเศสด้วยที่คว้าแชมป์โลกสมัยที่สองได้สำเร็จ แต่ยอมรับว่าโครเอเชียก็สุดยอดเช่นกัน ก่อนฟุตบอลโลกเริ่มคงไม่มีใครคิดว่าพวกเขาจะมาไกลเท่านี้ ใครมีความเห็นของเกมนี้ยังไงเชิญคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ ฝากเข้าไปกดไลค์เพจผมด้วยนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้