10.
อันโตนิโอ คอนเต้ (เชลซี) 6.5 ล้านปอนด์
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
บารี่ : แชมป์เซเรีย บี 2008/09
ยูเวนตุส : แชมป์เซเรีย อา 2011/12, 2012/13, 2013/14, แชมป์โคปปา อิตาเลีย 2012, 2013
เชลซี : แชมป์พรีเมียร์ลีก 2016/17
วัดจากความสำเร็จแล้ว ถือว่าสิงห์บลูส์คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม กับแชมป์พรีเมียร์ลีก 2016/17 ที่คอนเต้นำมาสู่สโมสร รวมถึงการผ่านเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ กับอาร์เซน่อล แม้ท้ายสุด ทีมชวดคว้าแชมป์อย่างน่าเสียดายก็ตาม
สถิติคว้าชัย 14 เกมลีกติดต่อกันภายในฤดูกาลเดียว (ก่อนเพิ่งโดนแมนฯ ซิตี้ทำลายหมาดๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา) เกิดขึ้นพร้อมกับสไตล์กองหลัง 3 ตัวที่เขาถนัด กลายเป็นพิมพ์นิยมให้หลายทีมลอกเลียนแบบ คงไม่ใช่เรื่องโอเวอร์หากระบุว่า คอนเต้คือกุนซือที่เขย่าวงการลูกหนังอังกฤษในขวบปีที่ผ่านมา
แม้เพิ่งเซ็นสัญญาฉบับใหม่ในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งทำให้คอนเต้เตรียมอยู่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ถึงปี 2019 กระนั้น ใครก็รู้ว่า เก้าอี้กุนซือเชลซีมันร้อนแค่ไหน และถ้าไม่แน่จริง คงอยู่ได้ไม่นาน การขาย เนมันย่า มาติช ในช่วงซัมเมอร์ก่อให้เกิดบาดแผลระหว่างคอนเต้กับสโมสร และด้วยบุคลิกยอมหักไม่ยอมงอ บางที หากไม่มีความสุขกับทีมแล้วไซร้ กุนซืออิตาเลียนอาจเป็นฝ่ายเดินจากไปเสียเองก็เป็นได้
ถึงแม้ทางสโมสรได้ประกาศขอแยกทางจากคอนเต้แล้วก็ตาม
9.
เจอร์เก้น คล็อปป์ (ลิเวอร์พูล) 7 ล้านปอนด์
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
ดอร์ทมุนด์ : แชมป์บุนเดสลีกา 2010/11, 2011/12, แชมป์เดเอฟเบ โพคาล 2011/12, แชมป์ซูเปอร์ คัพ เยอรมัน 2013, 2014
ส่วนตัว : ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำปีของเยอรมัน 2011, 2012
นายใหญ่ชาวเยอรมันก้าวเข้ามารับเผือกร้อนต่อจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2015 ภายใต้สัญญา 3 ปี คล็อปป์มาพร้อมกับความหวังอันเต็มเปี่ยมของบรรดา เดอะ ค็อป หลายเสียงเชื่อว่า เขาคือคนที่ใช่ ในภารกิจทวงความยิ่งใหญ่ให้ลิเวอร์พูล
ด้วยดีกรีความสำเร็จสมัยคุม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำให้คล็อปป์กลายเป็นที่หมายปองของหลายสโมสรในยุโรป ทันทีที่เขาประกาศอำลา "เสือเหลือง" หลังจบฤดูกาล 2014/15 และหนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตาม กุนซือจากเมืองเบียร์กล่าวปฏิเสธ และเว้นวรรคจากวงการลูกหนังไปพักหนึ่ง
เพียงครึ่งปีแรกในการคุมลิเวอร์พูล คล็อปป์พาทีมเข้าชิงชนะเลิศถึง 2 รายการ แต่สุดท้ายต้องอกหักทั้งหมด โดยเฉพาะยูโรปา ลีก ที่พ่ายเซบีย่า 1-3 ซึ่งนอกจากพลาดแชมป์แรกกับ "หงส์แดง" แล้ว มันยังเป็นการวืดโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก ไปในตัว กระนั้น ฤดูกาลที่แล้ว คล็อปป์แก้มือสำเร็จ หลังพาทีมติดท็อปโฟร์ พร้อมตั๋ว UCL ในซีซั่นนี้
ไม่นานหลังผิดหวังในยูโรปา ลีก 2016 คล็อปป์และทีมงานโค้ชของเขาได้รับการขยายสัญญา ซึ่งจะทำให้พวกเขาอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ไปถึงปี 2022 กระนั้น ไม่มีอะไรรับประกันความปลอดภัย หากคล็อปป์ไม่สามารถนำลิเวอร์พูลพุ่งชนความสำเร็จในเร็ววัน ก็ไม่แปลกที่สัญญาฉบับดังกล่าวต้องถูกฉีกทิ้งอย่างไม่ใยดี
8.
เอร์เนสโต้ บัลเบรเด้ (บาร์เซโลน่า) 8 ล้านปอนด์
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
โอลิมเปียกอส : แชมป์ซูเปอร์ลีก กรีซ 2008/09, 2010/11, 2011/12, แชมป์กรีซ คัพ 2008/09, 2011/12
แอธ.บิลเบา : แชมป์ซูเปอร์คัพ สเปน 2015
ส่วนตัว : โค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี ลา ลีกา จากยูฟ่า 2015/16
กุนซือความหวังใหม่ของบาร์เซโลน่า เข้ามารับงานต่อจาก หลุยส์ เอ็นริเก้ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา บัลเบรเด้ ซึ่งเคยเป็นกองหน้าของบาร์ซ่าระหว่างปี 1988-1999 ตัดสินใจคืนสู่อู่ข้าวอู่น้ำเดิม ด้วยสัญญา 2 ปีเต็ม
ท่ามกลางวิกฤติการณ์หลายอย่างในถิ่นคัมป์ นู ทั้งสถานการณ์อันคลุกรุ่นของแคว้นกาตาลุนย่า, ความวุ่นวายในตลาดซื้อขายนักเตะ ด้วยการเสียนักเตะอย่าง เนย์มาร์ อันเป็นสถิติโลก แต่กลับพลาดได้ตัว มาร์โก แวร์รัตติ รวมถึง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ความพ่ายแพ้ต่ออริตลอดกาลในศึกซูเปอร์ คัพ ทำให้หลายฝ่ายมั่นใจว่า งานของบัลเบรเด้ในฤดูกาลนี้ หนักหนาเกินบรรยายแน่
อย่างไรก็ตาม ผลงานของบาร์ซ่ากลับร้อนแรงเกินคาด แม้แนวรุกยุค MSN แตกสลายไปแล้ว ด้วยการจากไปของดาวเตะบราซิล ฟอร์มอันตกต่ำของ หลุยส์ ซัวเรซ ทว่า ตราบที่ ลิโอเนล เมสซี่ ยังคงแผลงฤทธิ์ไม่เลิก การถล่มประตูย่อมไม่ใช่ปัญหาของบาร์ซ่า กระนั้น จุดที่ต้องยกเครดิตให้บัลเบรเด้เต็มๆ คือเกมรับ ความรัดกุมในแผงรับและระบบการเล่นทำให้พวกเขาเสียประตูน้อยมากในฤดูกาลนี้
จากสถานการณ์ที่ผงาดนำจ่าฝูง ลา ลีกา และทิ้งห่างแชมป์เก่าอย่าง เรอัล มาดริด ถึง 8 คะแนน (ก่อนเกมสัปดาห์นี้) ว่ากันว่า หากไม่เกิดเรื่องสุดช็อก แชมป์ลา ลีกาฤดูกาลนี้ไม่แคล้วหลุดมือบาร์ซ่าแน่
7.
ซีเนอดีน ซีดาน (เรอัล มาดริด) 8 ล้านปอนด์
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
เรอัล มาดริด : แชมป์ลา ลีกา 2016/17, แชมป์ซูเปอร์ คัพ สเปน 2017, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2015/16, 2016/17, แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2016, 2017, แชมป์สโมสรโลก 2016
ส่วนตัว : กุนซือฝรั่งเศสยอดเยี่ยมแห่งปีของฟร้านซ์ ฟุตบอล 2016, กุนซือยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า 2017, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของอีเอสพีเอ็น 2017
"ซิซู" สร้างความประหลาดใจให้แฟนบอลทั่วโลก เมื่อรับงานต่อจาก ราฟาเอล เบนิเตซ เมื่อต้นปี 2016 ด้วยประสบการณ์งานโค้ชอันน้อยนิด กับภารกิจระดับมหึมากับยักษ์ใหญ่ เรอัล มาดริด กระนั้น ในอีกมุมหนึ่ง มันคือความท้าทายสำหรับตำนานแข้งอย่างซีดาน
ด้วยจิตวิทยาและความสงบนิ่ง ยอดโค้ชฝรั่งเศสทำให้บรรยากาศในห้องแต่งตัวของเรอัล มาดริดกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และมันกลายเป็นน้ำมันหล่อลื่นให้ทีมที่อุดมด้วยผู้เล่นชั้นแนวหน้าของโลกระเบิดฟอร์มเปรี้ยงปร้างไม่ยาก ซึ่งมันถูกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าด้วยจำนวนแชมป์มากมาย โดยเฉพาะการลบอาถรรพ์ป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤูดูกาลที่แล้ว
ด้วยความสำเร็จดังกล่าว สโมสรไม่รั้งรอที่จะขยายสัญญาของซีดานไปอีก 3 ฤดูกาลในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา พร้อมกับรับค่าเหนื่อยที่เพิ่มจาก 4.6 ล้านปอนด์ต่อปีขึ้นมาเป็น 8 ล้านปอนด์ในที่สุด
กระนั้น ผลงานของเรอัล มาดริดในช่วงต้นฤดูกาลกลับแผ่วลงอย่างน่าเกลียด และโอกาสป้องกันแชมป์ลา ลีกา กลายเป็นเรื่องยากเย็น ไหนจะการชนยักษ์ใหญ่อย่างเปแอสเช ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และคุณย่อมรู้ดีว่า ความอดทนของสโมสรอย่าง "ราชันชุดขาว" มีจำกัดอยู่แล้ว
6.
อาร์แซน เวนเกอร์ (อาร์เซน่อล) 8.3 ล้านปอนด์
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
โมนาโก : แชมป์ลีก เอิง 1987/88, แชมป์เฟร้นช์ คัพ 1990/91
นาโงย่า แกรมปัส : แชมป์เอ็มเพอเรอร์ส คัพ 1995, แชมป์ซูเปอร์ คัพ เจลีก 1996
อาร์ซน่อล : แชมป์พรีเมียร์ลีก 1997/98, 2001/02, 2003/04, แชมป์เอฟเอ คัพ 1997/98, 2001/02, 2002/03, 2004/05, 2013/14, 2014/15, 2016/17, แชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 1998, 1999, 2002, 2004, 2014, 2015, 2017
ส่วนตัว : ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของเจลีก 1995, กุนซือยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก 1998, 2002, 2004, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของสมาคมผู้จัดการทีมอังกฤษ 2001/02, 2003/04, บุคคลทางด้านวงการกีฬาแห่งปีของบีบีซี, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำปีของเวิลด์ ซอคเกอร์ 2006, ฮอล ออฟ เฟรม ของฟุตบอลอังกฤษ 2006, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของฟร้านช์ฟุตบอล 2008
ตำนานกุนซือชาวฝรั่งเศส ผู้ปรับเปลี่ยนอาร์เซน่อลจากทีมระดับภาคพื้นอังกฤษ กลายเป็นทีมที่เล่นด้วยระบบแบบยุโรป เวนเกอร์ กลายเป็นกุนซือที่คุมทีมนานที่สุดในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นับตั้งแต่การอำลาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ร้อนหนาวสารพันจากถิ่นไฮบิวรี่ สู่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เวนเกอร์ผ่านมาหมดแล้วกับอาร์เซน่อล จากปี 1996 ล่วงเลยมาถึง ค.ศ. นี้ นายใหญ่เฟร้นช์เป็นมากกว่าผู้จัดการทีมไปแล้ว บางที สถานะของเวนเกอร์อาจถึงขั้นแตะต้องไม่ได้ ความเป็นไปในรั้วสโมสร หลายครั้งต้องผ่านความเห็นชอบจากเขาด้วย
ในช่วงวิกฤติศรัทธา ปรากฏการณ์ Wenger Out กระหึ่มทั่วทั้งสโมสร จากแฟนบอลกลุ่มเล็กๆ ขยายวงกว้างเป็นกลุ่มใหญ่ มันเห็นได้ชัดจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกับบาเยิร์น มิวนิค ฤดูกาลที่แล้ว เป็นกุนซือคนอื่นคงต้องโดนสโมสรอับเปหิไปแล้ว ทว่า เวนเกอร์อยู่เหนือปรากฎการณ์ดังกล่าว
สโมสรระบุว่าการอยู่หรือไปของกุนซือฝรั่งเศส ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าตัว ไม่มีการปลดกลางอากาศ มีแค่การก้าวลงจากบัลลังก์ด้วยความสมัครใจ และหลังคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เมื่อปลายฤดูกาลที่แล้ว เวนเกอร์เซ็นสัญญาฉบับใหม่ ซึ่งทำให้เขาอยู่กับทีมถึงปี 2019 เรียบร้อย
2 ทศวรรษเต็มบนเก้าอี้กุนซืออาร์เซน่อล เวนเกอร์พ้นจุดพีคของอาชีพโค้ชไปแล้ว และในวันที่เขาอำลาอาร์เซน่อล มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่กับสโมสร แต่ยังหมายรวมถึงวงการลูกหนังอังกฤษอีกด้วย
5.
ฟาบิโอ คาเปลโล่ (เจียงซู ซู่หนิง) 8.98 ล้านปอนด์
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
มิลาน : แชมป์เซเรีย อา 1991/92, 1992/93, 1993/94, 1995/96, แชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า 1992, 1993, 1994, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1993/94, แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1994
เรอัล มาดริด : แชมป์ลา ลีกา 1996/97, 2006/07
โรม่า : แชมป์เซเรีย อา 2000/01, แชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า 2001
ยูเวนตุส : แชมป์เซเรีย อา 2004/05 (ถูกริบแชมป์), 2005/06 (ถูกริบแชมป์)
กุนซือจอมเก๋าชาวอิตาเลียน ผ่านความสำเร็จอย่างล้นหลามมาแล้ว ทั้งกับเอซี มิลานและโรม่าในบ้านเกิด แม้ "บิ๊กดอน" อาจเสียรังวัดไปบ้าง จากคราวคุมทีมชาติอังกฤษ กระนั้น ประสบการณ์และฝีไม้ลายมือของเขายังไม่เป็นสองรองใคร
หลังว่างเว้นจากการคุมทีมไปเกือบ 2 ปี นับจากคุมทีมชาติรัสเซียในปี 2015 คาเปลโล่กลับมารับงานอีกครั้งเมื่อกลางปี 2017 โดยเซ็นสัญญากับ เจียงซู ซู่หนิง สโมสรในลีกจีน แทนที่ ชอย ยัง-ซู อดีตโค้ชชาวเกาหลีใต้ ช่วงที่วงการลูกหนังแดนมังกรกำลังตื่นตัวสุดขีด
ครึ่งปีแรกของคาเปลโล่ยังไม่สัมฤทธิ์ผลนัก หลังสโมสรได้แค่อันดับ 12 (จาก 16 ทีม) กระนั้น เมื่อมีเวลาปรับจูนกับทีมมากขึ้น น่าติดตามว่าในฤดูกาลหน้า คาเปลโล่จะพา เจียงซู ซู่หนิง ไปในทิศทางไหน และคุ้มค่าสมการลงทุนหรือไม่
To be Continue..
10 อันดับกุนซือค่าเหนื่อยแพงที่สุดของโลก
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
บารี่ : แชมป์เซเรีย บี 2008/09
ยูเวนตุส : แชมป์เซเรีย อา 2011/12, 2012/13, 2013/14, แชมป์โคปปา อิตาเลีย 2012, 2013
เชลซี : แชมป์พรีเมียร์ลีก 2016/17
วัดจากความสำเร็จแล้ว ถือว่าสิงห์บลูส์คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม กับแชมป์พรีเมียร์ลีก 2016/17 ที่คอนเต้นำมาสู่สโมสร รวมถึงการผ่านเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ กับอาร์เซน่อล แม้ท้ายสุด ทีมชวดคว้าแชมป์อย่างน่าเสียดายก็ตาม
สถิติคว้าชัย 14 เกมลีกติดต่อกันภายในฤดูกาลเดียว (ก่อนเพิ่งโดนแมนฯ ซิตี้ทำลายหมาดๆ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา) เกิดขึ้นพร้อมกับสไตล์กองหลัง 3 ตัวที่เขาถนัด กลายเป็นพิมพ์นิยมให้หลายทีมลอกเลียนแบบ คงไม่ใช่เรื่องโอเวอร์หากระบุว่า คอนเต้คือกุนซือที่เขย่าวงการลูกหนังอังกฤษในขวบปีที่ผ่านมา
แม้เพิ่งเซ็นสัญญาฉบับใหม่ในช่วงซัมเมอร์ ซึ่งทำให้คอนเต้เตรียมอยู่ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ถึงปี 2019 กระนั้น ใครก็รู้ว่า เก้าอี้กุนซือเชลซีมันร้อนแค่ไหน และถ้าไม่แน่จริง คงอยู่ได้ไม่นาน การขาย เนมันย่า มาติช ในช่วงซัมเมอร์ก่อให้เกิดบาดแผลระหว่างคอนเต้กับสโมสร และด้วยบุคลิกยอมหักไม่ยอมงอ บางที หากไม่มีความสุขกับทีมแล้วไซร้ กุนซืออิตาเลียนอาจเป็นฝ่ายเดินจากไปเสียเองก็เป็นได้
ถึงแม้ทางสโมสรได้ประกาศขอแยกทางจากคอนเต้แล้วก็ตาม
9. เจอร์เก้น คล็อปป์ (ลิเวอร์พูล) 7 ล้านปอนด์
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
ดอร์ทมุนด์ : แชมป์บุนเดสลีกา 2010/11, 2011/12, แชมป์เดเอฟเบ โพคาล 2011/12, แชมป์ซูเปอร์ คัพ เยอรมัน 2013, 2014
ส่วนตัว : ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำปีของเยอรมัน 2011, 2012
นายใหญ่ชาวเยอรมันก้าวเข้ามารับเผือกร้อนต่อจาก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2015 ภายใต้สัญญา 3 ปี คล็อปป์มาพร้อมกับความหวังอันเต็มเปี่ยมของบรรดา เดอะ ค็อป หลายเสียงเชื่อว่า เขาคือคนที่ใช่ ในภารกิจทวงความยิ่งใหญ่ให้ลิเวอร์พูล
ด้วยดีกรีความสำเร็จสมัยคุม โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำให้คล็อปป์กลายเป็นที่หมายปองของหลายสโมสรในยุโรป ทันทีที่เขาประกาศอำลา "เสือเหลือง" หลังจบฤดูกาล 2014/15 และหนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างไรก็ตาม กุนซือจากเมืองเบียร์กล่าวปฏิเสธ และเว้นวรรคจากวงการลูกหนังไปพักหนึ่ง
เพียงครึ่งปีแรกในการคุมลิเวอร์พูล คล็อปป์พาทีมเข้าชิงชนะเลิศถึง 2 รายการ แต่สุดท้ายต้องอกหักทั้งหมด โดยเฉพาะยูโรปา ลีก ที่พ่ายเซบีย่า 1-3 ซึ่งนอกจากพลาดแชมป์แรกกับ "หงส์แดง" แล้ว มันยังเป็นการวืดโควตาแชมเปี้ยนส์ ลีก ไปในตัว กระนั้น ฤดูกาลที่แล้ว คล็อปป์แก้มือสำเร็จ หลังพาทีมติดท็อปโฟร์ พร้อมตั๋ว UCL ในซีซั่นนี้
ไม่นานหลังผิดหวังในยูโรปา ลีก 2016 คล็อปป์และทีมงานโค้ชของเขาได้รับการขยายสัญญา ซึ่งจะทำให้พวกเขาอยู่ในถิ่นแอนฟิลด์ไปถึงปี 2022 กระนั้น ไม่มีอะไรรับประกันความปลอดภัย หากคล็อปป์ไม่สามารถนำลิเวอร์พูลพุ่งชนความสำเร็จในเร็ววัน ก็ไม่แปลกที่สัญญาฉบับดังกล่าวต้องถูกฉีกทิ้งอย่างไม่ใยดี
8. เอร์เนสโต้ บัลเบรเด้ (บาร์เซโลน่า) 8 ล้านปอนด์
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
โอลิมเปียกอส : แชมป์ซูเปอร์ลีก กรีซ 2008/09, 2010/11, 2011/12, แชมป์กรีซ คัพ 2008/09, 2011/12
แอธ.บิลเบา : แชมป์ซูเปอร์คัพ สเปน 2015
ส่วนตัว : โค้ชยอดเยี่ยมแห่งปี ลา ลีกา จากยูฟ่า 2015/16
กุนซือความหวังใหม่ของบาร์เซโลน่า เข้ามารับงานต่อจาก หลุยส์ เอ็นริเก้ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา บัลเบรเด้ ซึ่งเคยเป็นกองหน้าของบาร์ซ่าระหว่างปี 1988-1999 ตัดสินใจคืนสู่อู่ข้าวอู่น้ำเดิม ด้วยสัญญา 2 ปีเต็ม
ท่ามกลางวิกฤติการณ์หลายอย่างในถิ่นคัมป์ นู ทั้งสถานการณ์อันคลุกรุ่นของแคว้นกาตาลุนย่า, ความวุ่นวายในตลาดซื้อขายนักเตะ ด้วยการเสียนักเตะอย่าง เนย์มาร์ อันเป็นสถิติโลก แต่กลับพลาดได้ตัว มาร์โก แวร์รัตติ รวมถึง ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ความพ่ายแพ้ต่ออริตลอดกาลในศึกซูเปอร์ คัพ ทำให้หลายฝ่ายมั่นใจว่า งานของบัลเบรเด้ในฤดูกาลนี้ หนักหนาเกินบรรยายแน่
อย่างไรก็ตาม ผลงานของบาร์ซ่ากลับร้อนแรงเกินคาด แม้แนวรุกยุค MSN แตกสลายไปแล้ว ด้วยการจากไปของดาวเตะบราซิล ฟอร์มอันตกต่ำของ หลุยส์ ซัวเรซ ทว่า ตราบที่ ลิโอเนล เมสซี่ ยังคงแผลงฤทธิ์ไม่เลิก การถล่มประตูย่อมไม่ใช่ปัญหาของบาร์ซ่า กระนั้น จุดที่ต้องยกเครดิตให้บัลเบรเด้เต็มๆ คือเกมรับ ความรัดกุมในแผงรับและระบบการเล่นทำให้พวกเขาเสียประตูน้อยมากในฤดูกาลนี้
จากสถานการณ์ที่ผงาดนำจ่าฝูง ลา ลีกา และทิ้งห่างแชมป์เก่าอย่าง เรอัล มาดริด ถึง 8 คะแนน (ก่อนเกมสัปดาห์นี้) ว่ากันว่า หากไม่เกิดเรื่องสุดช็อก แชมป์ลา ลีกาฤดูกาลนี้ไม่แคล้วหลุดมือบาร์ซ่าแน่
7. ซีเนอดีน ซีดาน (เรอัล มาดริด) 8 ล้านปอนด์
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
เรอัล มาดริด : แชมป์ลา ลีกา 2016/17, แชมป์ซูเปอร์ คัพ สเปน 2017, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2015/16, 2016/17, แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2016, 2017, แชมป์สโมสรโลก 2016
ส่วนตัว : กุนซือฝรั่งเศสยอดเยี่ยมแห่งปีของฟร้านซ์ ฟุตบอล 2016, กุนซือยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า 2017, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของอีเอสพีเอ็น 2017
"ซิซู" สร้างความประหลาดใจให้แฟนบอลทั่วโลก เมื่อรับงานต่อจาก ราฟาเอล เบนิเตซ เมื่อต้นปี 2016 ด้วยประสบการณ์งานโค้ชอันน้อยนิด กับภารกิจระดับมหึมากับยักษ์ใหญ่ เรอัล มาดริด กระนั้น ในอีกมุมหนึ่ง มันคือความท้าทายสำหรับตำนานแข้งอย่างซีดาน
ด้วยจิตวิทยาและความสงบนิ่ง ยอดโค้ชฝรั่งเศสทำให้บรรยากาศในห้องแต่งตัวของเรอัล มาดริดกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และมันกลายเป็นน้ำมันหล่อลื่นให้ทีมที่อุดมด้วยผู้เล่นชั้นแนวหน้าของโลกระเบิดฟอร์มเปรี้ยงปร้างไม่ยาก ซึ่งมันถูกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าด้วยจำนวนแชมป์มากมาย โดยเฉพาะการลบอาถรรพ์ป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤูดูกาลที่แล้ว
ด้วยความสำเร็จดังกล่าว สโมสรไม่รั้งรอที่จะขยายสัญญาของซีดานไปอีก 3 ฤดูกาลในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา พร้อมกับรับค่าเหนื่อยที่เพิ่มจาก 4.6 ล้านปอนด์ต่อปีขึ้นมาเป็น 8 ล้านปอนด์ในที่สุด
กระนั้น ผลงานของเรอัล มาดริดในช่วงต้นฤดูกาลกลับแผ่วลงอย่างน่าเกลียด และโอกาสป้องกันแชมป์ลา ลีกา กลายเป็นเรื่องยากเย็น ไหนจะการชนยักษ์ใหญ่อย่างเปแอสเช ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และคุณย่อมรู้ดีว่า ความอดทนของสโมสรอย่าง "ราชันชุดขาว" มีจำกัดอยู่แล้ว
6. อาร์แซน เวนเกอร์ (อาร์เซน่อล) 8.3 ล้านปอนด์
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
โมนาโก : แชมป์ลีก เอิง 1987/88, แชมป์เฟร้นช์ คัพ 1990/91
นาโงย่า แกรมปัส : แชมป์เอ็มเพอเรอร์ส คัพ 1995, แชมป์ซูเปอร์ คัพ เจลีก 1996
อาร์ซน่อล : แชมป์พรีเมียร์ลีก 1997/98, 2001/02, 2003/04, แชมป์เอฟเอ คัพ 1997/98, 2001/02, 2002/03, 2004/05, 2013/14, 2014/15, 2016/17, แชมป์คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 1998, 1999, 2002, 2004, 2014, 2015, 2017
ส่วนตัว : ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของเจลีก 1995, กุนซือยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก 1998, 2002, 2004, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของสมาคมผู้จัดการทีมอังกฤษ 2001/02, 2003/04, บุคคลทางด้านวงการกีฬาแห่งปีของบีบีซี, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำปีของเวิลด์ ซอคเกอร์ 2006, ฮอล ออฟ เฟรม ของฟุตบอลอังกฤษ 2006, ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของฟร้านช์ฟุตบอล 2008
ตำนานกุนซือชาวฝรั่งเศส ผู้ปรับเปลี่ยนอาร์เซน่อลจากทีมระดับภาคพื้นอังกฤษ กลายเป็นทีมที่เล่นด้วยระบบแบบยุโรป เวนเกอร์ กลายเป็นกุนซือที่คุมทีมนานที่สุดในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นับตั้งแต่การอำลาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ร้อนหนาวสารพันจากถิ่นไฮบิวรี่ สู่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เวนเกอร์ผ่านมาหมดแล้วกับอาร์เซน่อล จากปี 1996 ล่วงเลยมาถึง ค.ศ. นี้ นายใหญ่เฟร้นช์เป็นมากกว่าผู้จัดการทีมไปแล้ว บางที สถานะของเวนเกอร์อาจถึงขั้นแตะต้องไม่ได้ ความเป็นไปในรั้วสโมสร หลายครั้งต้องผ่านความเห็นชอบจากเขาด้วย
ในช่วงวิกฤติศรัทธา ปรากฏการณ์ Wenger Out กระหึ่มทั่วทั้งสโมสร จากแฟนบอลกลุ่มเล็กๆ ขยายวงกว้างเป็นกลุ่มใหญ่ มันเห็นได้ชัดจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกกับบาเยิร์น มิวนิค ฤดูกาลที่แล้ว เป็นกุนซือคนอื่นคงต้องโดนสโมสรอับเปหิไปแล้ว ทว่า เวนเกอร์อยู่เหนือปรากฎการณ์ดังกล่าว
สโมสรระบุว่าการอยู่หรือไปของกุนซือฝรั่งเศส ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าตัว ไม่มีการปลดกลางอากาศ มีแค่การก้าวลงจากบัลลังก์ด้วยความสมัครใจ และหลังคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เมื่อปลายฤดูกาลที่แล้ว เวนเกอร์เซ็นสัญญาฉบับใหม่ ซึ่งทำให้เขาอยู่กับทีมถึงปี 2019 เรียบร้อย
2 ทศวรรษเต็มบนเก้าอี้กุนซืออาร์เซน่อล เวนเกอร์พ้นจุดพีคของอาชีพโค้ชไปแล้ว และในวันที่เขาอำลาอาร์เซน่อล มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ใช่แค่กับสโมสร แต่ยังหมายรวมถึงวงการลูกหนังอังกฤษอีกด้วย
5. ฟาบิโอ คาเปลโล่ (เจียงซู ซู่หนิง) 8.98 ล้านปอนด์
เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
มิลาน : แชมป์เซเรีย อา 1991/92, 1992/93, 1993/94, 1995/96, แชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า 1992, 1993, 1994, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1993/94, แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1994
เรอัล มาดริด : แชมป์ลา ลีกา 1996/97, 2006/07
โรม่า : แชมป์เซเรีย อา 2000/01, แชมป์ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า 2001
ยูเวนตุส : แชมป์เซเรีย อา 2004/05 (ถูกริบแชมป์), 2005/06 (ถูกริบแชมป์)
กุนซือจอมเก๋าชาวอิตาเลียน ผ่านความสำเร็จอย่างล้นหลามมาแล้ว ทั้งกับเอซี มิลานและโรม่าในบ้านเกิด แม้ "บิ๊กดอน" อาจเสียรังวัดไปบ้าง จากคราวคุมทีมชาติอังกฤษ กระนั้น ประสบการณ์และฝีไม้ลายมือของเขายังไม่เป็นสองรองใคร
หลังว่างเว้นจากการคุมทีมไปเกือบ 2 ปี นับจากคุมทีมชาติรัสเซียในปี 2015 คาเปลโล่กลับมารับงานอีกครั้งเมื่อกลางปี 2017 โดยเซ็นสัญญากับ เจียงซู ซู่หนิง สโมสรในลีกจีน แทนที่ ชอย ยัง-ซู อดีตโค้ชชาวเกาหลีใต้ ช่วงที่วงการลูกหนังแดนมังกรกำลังตื่นตัวสุดขีด
ครึ่งปีแรกของคาเปลโล่ยังไม่สัมฤทธิ์ผลนัก หลังสโมสรได้แค่อันดับ 12 (จาก 16 ทีม) กระนั้น เมื่อมีเวลาปรับจูนกับทีมมากขึ้น น่าติดตามว่าในฤดูกาลหน้า คาเปลโล่จะพา เจียงซู ซู่หนิง ไปในทิศทางไหน และคุ้มค่าสมการลงทุนหรือไม่
To be Continue..