จะแชร์ประสบการณ์กู้หน้าแหก ฝ่าฟันมากว่าครึ่งปีจนกว่าจะมีหน้าที่พอดูได้ขึ้นมา
ปกติเป็นคนหน้ามัน รูขุมขนกว้าง เหงื่อออกเยอะ เป็นสิวง่ายอยู่แล้ว แต่มีช่วงนึงที่หน้าเห่อขึ้นมาไม่หยุดหย่อนแบบผิดปกติ จนต้องหาสาเหตุให้ได้ จนเราได้ข้อสรุปว่า เราแพ้น้ำที่บ้านญาติ !!! หน้าแหกยับขนาดนี้
ใช่แล้ว เราแพ้น้ำประปาของโครงการหมู่บ้านอย่างดีย่านใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมเป็นแบบนี้ได้ ตอนแรกไม่ได้เอะใจ คิดว่าเป็นเพราะฮอร์โมน แต่พอลองสังเกตดีๆ เห็นว่าน้ำมีคราบตะกรันติดมาแต่เราไม่เคยดูใกล้ๆ น้ำไม่ใส มีความเหลือง ตลอดเวลาครึ่งปีที่ย้ายมาอยู่บ้านนี้ชั่วคราว หน้าเราเห่อมาก แม้แต่คนขายลูกชิ้นยังทักว่า หน้าไปโดนอะไรมา T__T ป้าขายผลไม้ทัก แพ้อะไรมาเหรอ? ป้าแม่บ้านถามว่าได้ล้างหน้ารึเปล่า?
แล้วพอเปลี่ยนงานมาอยู่ใจกลางเมือง สกินแคร์ก็ยังใช้เซ็ทเดิม เปลี่ยนแต่แหล่งน้ำ หน้าก็ดีขึ้น เราก็ยังไม่คิดว่าแพ้น้ำ พอมีเหตุให้ต้องไปเอาของที่บ้านญาติหรือค้างคืนที่บ้านเดิม หน้าก็กลับมาแหก พอรักษาเสร็จได้สักเกือบๆสองเดือนดีขึ้น กลับบ้านนี้ทีไร หน้าแหกอีก ก็เลยแน่ใจว่า แพ้น้ำชัวร์
ส่วนอีกสาเหตุนึงก็คือ การใช้ Cleansing Oil จริงๆคนผิวมันมันก็ใช้ได้นะ แต่เราอาจจะไม่ได้นวดนานพอที่มันจะแตกตัวเป็นน้ำนม หรือว่าต้องวิดน้ำมาประคบหน้าให้เป็นน้ำนม เลยเป็นสาเหตุให้อุดตันจนเป็นสิว วนลูป
เราเลยเปลี่ยนวิถีสกินแคร์ใหม่หมด โดยมีกฏการเลือกไอเทมแค่ว่า
1) ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ SLS (Sodium Lauryl Sulphate) แต่ถ้า SLES (Sodium Laureth Sulphate) อะไรงี้ เราใช้ได้
2) งด ละ เลิก การใช้อะไรก็ตามที่มี Oil เช่น cleansing oil, baby oil หรือครีมที่เนื้อสัมผัสหนักๆและมี mineral oil เป็นส่วนผสมมาก
3) หันมาใช้ผลิตภัณฑ์แบบ essence, water, gel แทน เพราะเหมาะกับสภาพผิวมัน เป็นสิวง่ายมากกว่า
4) ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนให้น้อยที่สุด เท่าที่จำเป็น อย่าง eye cream บางตัวนี่ก็ต้องระวังนะ ที่เห็นปาดปุ๊บตื้นปั๊ป เป็นเพราะซิลิโคนด้วยเปล่า? หรืออย่าง primer ก็ต้องเลือกนิดนึง จะใช้ก็ต่อเมื่อเวลาอยากแต่งหน้าเป๊ะจริงๆ
มาดูกันดีกว่า ของทีใช้ตอนกลางคืน ตอนเช้า มีอะไรบ้างตามสเต็ป
กลางคืน
1) ขอเริ่มด้วยการล้างมือเสร็จ ค่อยตามด้วยเจลล้างหน้า La Roche Posay Effaclar Purifying Gel Cleanser คนหน้ามันเป็นสิวง่ายควรงดพวกโฟม ครีม โลชั่น บาล์ม เช็ดหน้าไรงี้ไปก่อน เพราะโฟมดูจะทำให้ผิวแห้งไปขาดสมดุลย์อีก
ราคา 700 จำไม่ได้ ซื้อที่เพ็ชรรัตน์ตรงวังหลัง ถูกกว่าซื้อ boots/watson/eveandboy
ตัวนี้ของลาโรชกลิ่นเหมือนน้ำยาไลปอนเอฟ -*- หลอดนึงใช้ได้นานมากกกก นานจนลืมไปแล้วว่า อ้าวนี่เราซื้อมาตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้ว ใช้มาจะ 8 เดือนแล้วอ่ะ ยังเหลืออยู่ปลายหลอดเลย เห็นหน้าตา ใสๆ โง่ๆ แบบนี้ ล้างสะอาด หมดจด หน้าไม่แห้งตึงดีนะฮะ
สงสัยอ่ะดิว่าทำไมไม่เช็ดด้วย Cleansing Water ก่อน?
เราอ่านอันนี้ของป้าพรหล้า
How to Wash Your Face
https://www.paulaschoice.com/expert-advice/skincare-advice/basic-skin-care-tips/how-to-wash-your-face.html
"What about micellar water cleansers?
These liquid cleansers resemble large bottles of makeup remover and are, in many ways, similar to water-based makeup removers that contain mild surfactants. “Micelles” are minute structures that have to do with how surfactants (that is, the cleansing ingredients) combine with water; it is a way to formulate a cleanser that interacts with oils and debris to wash them away. Micellar technology is effective, but nothing special. Other than ease of use, this type of cleanser doesn’t have a strong edge over others."
สรุปใจความตามที่เข้าใจเองคือว่า ไอ้โมเลกุล Micelles ที่เอามาเรียก Micellar เนี่ยมันเป็น สารลดความตึงผิว (Surfactant) หรือตัวที่ไปดึงสิ่งสกปรกออกมานั่นแหละ (นึกถึงผงซักฟอกมีสิ่งที่ไปดึงคราบเสื้อผ้าออกมา น้ำยาล้างจานก็ดึงความมันออก) เพียวแค่มันได้เอามาผสมกับน้ำสะอาดไว้แล้ว เวลาเราใช้โฟม, เจล, ครีมล้างหน้าไรเนี่ย เราก็ต้องผสมน้ำให้มีฟองนิดนึง เพื่อให้ surfactant นั่นน่ะออกฤทธิ์ได้เมื่อเจอน้ำ เหมือนผงซักฟอกต้องใส่น้ำถึงจะทำงานได้ แต่ Micellar Water ก็คงคล้ายน้ำยาซักผ้าแบบน้ำเป็นขวดๆนั่นเองล่ะฮะ
เข้าใจผิดเข้าใจถูกอย่างไร ขออภัย ยินดีรับคำชี้แจง
คือก่อนหน้า เราเจอกระทู้คุณเอ้อันนี้ก็ลองทำตามดู พบว่ามันเวิร์ค!!
วิธีล้างหน้าให้สะอาดหมดจด ลดสิวอุดตัน+ รีวิวผลิตภัณฑ์ที่ใช้
https://ppantip.com/topic/31733561
2) จากนั้นซับหน้าเบาๆ เพื่อทา Benzac 5% ทิ้งเอาไว้ แล้วก็จะอู้ไปทำอะไรก็ทำไป 10 นาทีบ้าง 30 นาทีบ้าง ซักผ้าเสร็จลืมไปว่าทาเบนแซคแล้วค่อยมาล้างออกก็มีบ้าง หน้าคงชินแล้ว เพื่อละลายหัวสิวและลดเชื้อ P Acne ทาจนติดเป็นนิสัย เวลาไปกดสิวออกก็กดง่ายด้วย
ตัวนี้ 60g หลอดบะเอ้งไปเลยฮะ รู้สึกจะ 300ปลายๆ-400 จากร้านยาในห้าง
3) แล้วก็ไปอาบน้ำ ล้างหน้าด้วยเจลลาโรชอันเดิมอีกรอบเพื่อล้างหน้าเอาเบนแซคออก จากนั้นก็ปาด Bioderma Sensibio อันนี้ของแฟนฮะ ไม่ได้ซื้อเอง เพราะแพง แย่งนางใช้ เอาไว้เก็บรายละเอียดส่วนที่เราอาจจะทำความสะอาดไม่หมด แต่ส่วนมากพอเช็ดหน้า สำลีก็ขาวดีแล้วนะ เพราะล้างด้วยโฟมไปแล้ว
เอ้อ มีอีกตัวนึงดีเยี่ยมเหมือนกัน ของ La Roche Posay เจ้าเดิม อยากเป็นม้าให้มากเลย ทางแบรนด์รบกวนส่งสินค้ามาให้รีวิวหน่อย จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อเอง T__T
La Roche-Posay Micellar Water for Oily Sensitive Skin
ซื้อที่บู๊ทส์ ตอนนั้นได้มา 950 ขวดใหญ่สะใจ 400ml ใช้ได้ประมาณ 3 เดือนกว่าหมด นี่ถ้ามีตังค์ก็กะจะซื้ออีกรอบ แต่ตอนนี้แย่งไบโอเดอร์ม่าแฟนใช้ไปก่อน 555
4) St.Ives Blemish Control Apricot Scrub ตัวนี้ใส่วงเล็บไว้ เพราะใช้บ้างไม่ใช้บ้าง สครับผิวฮะ อย่าขัดหน้าบ่อยมาก อาทิตย์ละครั้งสองครั้งก็พอ
ตัวนี้เดินผ่านที่ Villa ไม่ถึง 200 มั่ง 170g หลอดใหญ่ใช้นานดี นานจนต้องบีบมาขัดตัว 555 เห็นผลอะไรไหม? ก็ไม่รู้สึกนะ อย่าไปหวังผลกับคำว่า Blemish Control กับ Salycilic Acid บนหน้าหลอด ใช้แค่ให้รู้สึกว่าอาทิตย์นี้ได้ขัดหน้าบ้างก็ยังดี เหมือนคราบดำที่ตูดหม้อต้องเอาฝอยมาขัด ฮ่าๆๆ
5) Paula's Choice Balancing Toner โทนเนอร์ป้าพรหล้าในตำนาน อยู่คงกระพันตั้งแต่วัยม.ต้น จนประเทศไทยจะมีรถไฟความเร็วสูงแล้วล่ะฮะ ความรู้สึกตอนแรกที่ใช้หน้าร้อนผ่าวเหมือนโดนน้ำมนต์ แต่ใช้ไปเรื่อยๆจะดื้อน้ำมนต์ไปเอง เหมือนร่างกายดื้อยาแก้อักเสบที่คลินิคเมืองไทยชอบจ่ายยาให้ เมื่อห่างกันสักพักเพราะเธอราคา high maintenance พอกลับมาเจอเธอ หน้าฉันก็ยังแดงร้อนผ่าวเช่นเดิม ถึงราคาจะไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ แต่รู้สึกเหมือนมีไว้สักนิดก็อุ่นใจ
อันนี้ซื้อที่ช็อปโดยตรงของแบรนด์ตัวเลือกพรหล้า ที่ห้างเซ็นจูรี่ อนุสาวรีย์ชัย ราคารู้สึก 9xx หรือ 1,xxx แต่ตอนนี้ช็อปเขาปิดหนีหายไปแล้วววว
ป.ล. ขวดของจริงไม่มีหัวปั๊มนะ แต่เราเอาหัวปั๊มคลีนเซอร์มาใส่แทน ขี้เกียจเหยาะ
เออ จะแนะนำ โทนเนอร์ราคาเป็นมิตร ไม่มีอะไรแฟนซีที่แพทย์ผิวหนังแนะนำอีกตัวก็อันนี้จ้า
Simple Soothing Facial Toner 200ml 199 บาทที่วัตสัน
เขาว่าดีนักแล ยอดขายอันดับ 1 ใน UK แต่ก็นั่นล่ะฮะคำเคลมการตลาด เป็นน้ำใสๆ ไม่มีกลิ่น มันเลยแปลกๆ ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายและต้องการใช้อะไรที่เซฟๆ Simple สมชื่อ
หมดขั้นตอนการล้างหน้าไปแล้ว ก็เข้าสู่ช่วงก่อนนอน
แต่ก่อนเราชอบมาก สเต็ปสกินแคร์ advanced อะไรดังๆ สรรหาซื้อ ซีรุ่ม เอ็ดเศ็น อีมันชั่น น้ำตบ เจลมาร์ค โคลน ครีม ฯลฯ สารพัดจะล้มละลาย 5555 ตอนนี้หรอมาตระหนักได้ว่า เปลืองงงง ประกอบกับคุณหมอที่ "คลินิกผิว" ตรงอนุสาวรีย์ชัยที่เราเคยไปหาตอนทำเลเซอร์แนะนำว่า ช่วงหน้าแหกใหม่ๆ อย่าเพิ่งใช้อะไรแฟนซี น้ำตบงด แป้งฝุ่นงด เซรั่มงด ฯลฯ หลักการของผิวคือแค่ keep moisturized ก็พอ พวกสกินแคร์แบบเกาหลี 10 สเต็ปไรนั้น มันก็ไม่ได้จำเป็นต้องทำขนาดนั้น เบสิคสกินแคร์สุดๆเลย มีแค่ moisturizer ยืนพื้นสักตัว + กันแดด เท่านั้น
เราเลยใช้ Himalaya Clear Complexion Day Cream & Himalaya Herbals Revitalizing Night Cream ซึ่งหมอก็ approve สิวไม่ลด แต่ก็ไม่เพิ่ม ทรงๆตัว แนะนำให้ซื้อที่เพ็ชรรัตน์วังหลังเช่นเดิม กระปุกละ 200 & 250 ราคาดีงาม กระเป๋าไม่แหก #ยาใจสิวยาใจคนจน
ตอนนี้เซ็ทที่ใช้ก็มีดังนี้
1) BHA ป้า Paula's Choice Skin Perfecting 2% BHA Liquid Exfoliant ตัวดูโอ้กับน้ำมนต์ป้า ช็อปเดิม ช่วงใช้ใหม่ๆ สิวผุดจนไม่รู้ว่าที่ผุดนี่คือหน้าฉันแหก หรือมันกำลังขับสิวมา (purging) ก็เลยห่างหายไปสักพัก ตอนนี้ก็แค่ใช้ๆให้หมด แล้วค่อยซื้อซ้ำ (ห๊ะ?) ตอนนี้หน้าไม่แหกแล้ว สิวไม่ขับมามากเท่าไหร่แล้ว แต่ควรมีไว้เป็นกิจวัตรเผื่อผลัดเซลล์ผิวที่อยู่ลึกลงไปในรูขุมขน ซึ่ง AHA และสครับ จะล้วงลงไปไม่ถึง
ราคา 8xx
2) Differin หลอดกระจิ๊ดริด 3xx ใช้เท่าปลายนิ้วก้อย ใช้แค่วันเว้นวัน จะลงตัวนี้ก่อนเพราะเป็นยา ส่วนจะใช้พร้อมกับ BHA ป้าได้รึเปล่า? ไม่แน่ใจ แต่ก็จะใช้แบบนี้ต่อไป 555 ช่วยขับให้สิวอุดตันมันโผล่หัวมาเร็วขึ้น
3) พระเอกของเรา La Roche Posay Effaclar Duo+
ไปเที่ยว ไปค้างคืนที่ไหน ต้องเอาตัวนี้ติดไปด้วย T__T ตามหากันจนเจอ เล็งมานานแล้วว่าจะซื้อดีไม่ซื้อดี เพราะมันแค่ 40g แต่ราคาเกือบๆพัน สิวก็อยากหาย แต่กระเป๋าก็หนักใจ 555 สุดท้ายได้ลอง โอวววววววว ภายใน 1 สัปดาห์ เห็นได้ชัดเลยว่าหน้าเรียบบบบขึ้นมากกก จากผิวคางคกได้กลายเป็นผิวอึ่งอ่าง เรียบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ช่วยได้หมดทั้งสิวอักเสบ อุดตัน ผด และรอยสิว แถมยังเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เบาๆไปในตัว เพิ่งมาทราบจากบล็อกคุณปูเป้ว่ามันช่วยปรับสมดุลย์แบคทีเรียบนผิว เปรียบดั่งแลคโตบาซิลลัสปรับสมดุลย์ลำไส้คนท้องผูก(?)
ต่อให้ไม่ว่าบางวันจะไปตะลอนเที่ยวในกรุงเทพ มลพิษ ควันรถ ควันไก่ย่าง ฯลฯ เล่นกีฬา วิ่งพุ่งใส่ทราย ฝนตกสาดหน้า เดินตลาดเหงื่อออก ฯลฯ ก็ไม่เป็นสิวอุดตันง่ายแบบเมื่อก่อนแล้ว #ไหว้พี่โอ้สิลูก พอผิวสมดุลย์ หน้าก็มันน้อยลงนะ แต่ก่อนจะมันแบบมันเมือกกก ต้องใช้ซับมัน 2 แผ่นครึ่งต่อครั้งนึง แต่ตอนนี้เวลามัน คือแค่หน้าโกลว์ๆ ซับมันต้องฉีกให้เหลือแค่ครึ่งแผ่น พอ
แนะนำให้ซื้อเพชรรัตน์ เราได้มาในราคา 790 แบบทั้งกล่องที่มีของแถมมาด้วย ถ้าซื้อวัตสัน บู๊ทส์ ไรงี้ น่าจะ 1,xxx+ นะ คุ้มๆๆๆ
4) เราต้องการอะไรก็ได้ที่มาเติมความชุ่มฉ่ำบนใบหน้า เพราะหน้าผ่านทั้ง benzac และ differin แต่ก็ไม่ต้อง creamy และสร้างความมันเยิ้ม แต่ก่อนก็ใช้แค่ Himalaya แต่ตอนนี้เราเจอตัวที่ชอบกว่านั้น ใช้มาได้แค่ครึ่งเดือน ช่วยเสริมการทำงานของพี่ดูโอ้ได้ยอดเยี่ยม
Tomei Facial Moisturizer 50g ราคาใน shopee 299 #กดซื้ออย่างไว เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย หน้ามัน ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารอะไรแฟนซี แต่สิวลดลง คือดีย์ย์ย์ย์ จะซื้อและใช้ต่อไป คิดอะไรไม่ออกก็ทาแต่ตัวนี้ล่ะจ่ะ
เดี๋ยวมาต่อ โควต้าตัวอักษร 1,000 จะหมดละ
นี่โชว์ให้ดูพัฒนาการ ฮี่ๆๆ
รีวิว 20+ ไอเทมสู้หน้าแหกตะปุ่มตำป่ำไปด้วยสิว สบู่แชมพูยาสีฟันแป้งเปิ้งก็มี
ปกติเป็นคนหน้ามัน รูขุมขนกว้าง เหงื่อออกเยอะ เป็นสิวง่ายอยู่แล้ว แต่มีช่วงนึงที่หน้าเห่อขึ้นมาไม่หยุดหย่อนแบบผิดปกติ จนต้องหาสาเหตุให้ได้ จนเราได้ข้อสรุปว่า เราแพ้น้ำที่บ้านญาติ !!! หน้าแหกยับขนาดนี้
ใช่แล้ว เราแพ้น้ำประปาของโครงการหมู่บ้านอย่างดีย่านใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมเป็นแบบนี้ได้ ตอนแรกไม่ได้เอะใจ คิดว่าเป็นเพราะฮอร์โมน แต่พอลองสังเกตดีๆ เห็นว่าน้ำมีคราบตะกรันติดมาแต่เราไม่เคยดูใกล้ๆ น้ำไม่ใส มีความเหลือง ตลอดเวลาครึ่งปีที่ย้ายมาอยู่บ้านนี้ชั่วคราว หน้าเราเห่อมาก แม้แต่คนขายลูกชิ้นยังทักว่า หน้าไปโดนอะไรมา T__T ป้าขายผลไม้ทัก แพ้อะไรมาเหรอ? ป้าแม่บ้านถามว่าได้ล้างหน้ารึเปล่า?
แล้วพอเปลี่ยนงานมาอยู่ใจกลางเมือง สกินแคร์ก็ยังใช้เซ็ทเดิม เปลี่ยนแต่แหล่งน้ำ หน้าก็ดีขึ้น เราก็ยังไม่คิดว่าแพ้น้ำ พอมีเหตุให้ต้องไปเอาของที่บ้านญาติหรือค้างคืนที่บ้านเดิม หน้าก็กลับมาแหก พอรักษาเสร็จได้สักเกือบๆสองเดือนดีขึ้น กลับบ้านนี้ทีไร หน้าแหกอีก ก็เลยแน่ใจว่า แพ้น้ำชัวร์
ส่วนอีกสาเหตุนึงก็คือ การใช้ Cleansing Oil จริงๆคนผิวมันมันก็ใช้ได้นะ แต่เราอาจจะไม่ได้นวดนานพอที่มันจะแตกตัวเป็นน้ำนม หรือว่าต้องวิดน้ำมาประคบหน้าให้เป็นน้ำนม เลยเป็นสาเหตุให้อุดตันจนเป็นสิว วนลูป
เราเลยเปลี่ยนวิถีสกินแคร์ใหม่หมด โดยมีกฏการเลือกไอเทมแค่ว่า
1) ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ SLS (Sodium Lauryl Sulphate) แต่ถ้า SLES (Sodium Laureth Sulphate) อะไรงี้ เราใช้ได้
2) งด ละ เลิก การใช้อะไรก็ตามที่มี Oil เช่น cleansing oil, baby oil หรือครีมที่เนื้อสัมผัสหนักๆและมี mineral oil เป็นส่วนผสมมาก
3) หันมาใช้ผลิตภัณฑ์แบบ essence, water, gel แทน เพราะเหมาะกับสภาพผิวมัน เป็นสิวง่ายมากกว่า
4) ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนให้น้อยที่สุด เท่าที่จำเป็น อย่าง eye cream บางตัวนี่ก็ต้องระวังนะ ที่เห็นปาดปุ๊บตื้นปั๊ป เป็นเพราะซิลิโคนด้วยเปล่า? หรืออย่าง primer ก็ต้องเลือกนิดนึง จะใช้ก็ต่อเมื่อเวลาอยากแต่งหน้าเป๊ะจริงๆ
มาดูกันดีกว่า ของทีใช้ตอนกลางคืน ตอนเช้า มีอะไรบ้างตามสเต็ป
1) ขอเริ่มด้วยการล้างมือเสร็จ ค่อยตามด้วยเจลล้างหน้า La Roche Posay Effaclar Purifying Gel Cleanser คนหน้ามันเป็นสิวง่ายควรงดพวกโฟม ครีม โลชั่น บาล์ม เช็ดหน้าไรงี้ไปก่อน เพราะโฟมดูจะทำให้ผิวแห้งไปขาดสมดุลย์อีก
ราคา 700 จำไม่ได้ ซื้อที่เพ็ชรรัตน์ตรงวังหลัง ถูกกว่าซื้อ boots/watson/eveandboy
ตัวนี้ของลาโรชกลิ่นเหมือนน้ำยาไลปอนเอฟ -*- หลอดนึงใช้ได้นานมากกกก นานจนลืมไปแล้วว่า อ้าวนี่เราซื้อมาตั้งแต่ธันวาคมปีที่แล้ว ใช้มาจะ 8 เดือนแล้วอ่ะ ยังเหลืออยู่ปลายหลอดเลย เห็นหน้าตา ใสๆ โง่ๆ แบบนี้ ล้างสะอาด หมดจด หน้าไม่แห้งตึงดีนะฮะ
สงสัยอ่ะดิว่าทำไมไม่เช็ดด้วย Cleansing Water ก่อน?
เราอ่านอันนี้ของป้าพรหล้า
How to Wash Your Face
https://www.paulaschoice.com/expert-advice/skincare-advice/basic-skin-care-tips/how-to-wash-your-face.html
"What about micellar water cleansers?
These liquid cleansers resemble large bottles of makeup remover and are, in many ways, similar to water-based makeup removers that contain mild surfactants. “Micelles” are minute structures that have to do with how surfactants (that is, the cleansing ingredients) combine with water; it is a way to formulate a cleanser that interacts with oils and debris to wash them away. Micellar technology is effective, but nothing special. Other than ease of use, this type of cleanser doesn’t have a strong edge over others."
สรุปใจความตามที่เข้าใจเองคือว่า ไอ้โมเลกุล Micelles ที่เอามาเรียก Micellar เนี่ยมันเป็น สารลดความตึงผิว (Surfactant) หรือตัวที่ไปดึงสิ่งสกปรกออกมานั่นแหละ (นึกถึงผงซักฟอกมีสิ่งที่ไปดึงคราบเสื้อผ้าออกมา น้ำยาล้างจานก็ดึงความมันออก) เพียวแค่มันได้เอามาผสมกับน้ำสะอาดไว้แล้ว เวลาเราใช้โฟม, เจล, ครีมล้างหน้าไรเนี่ย เราก็ต้องผสมน้ำให้มีฟองนิดนึง เพื่อให้ surfactant นั่นน่ะออกฤทธิ์ได้เมื่อเจอน้ำ เหมือนผงซักฟอกต้องใส่น้ำถึงจะทำงานได้ แต่ Micellar Water ก็คงคล้ายน้ำยาซักผ้าแบบน้ำเป็นขวดๆนั่นเองล่ะฮะ
เข้าใจผิดเข้าใจถูกอย่างไร ขออภัย ยินดีรับคำชี้แจง
คือก่อนหน้า เราเจอกระทู้คุณเอ้อันนี้ก็ลองทำตามดู พบว่ามันเวิร์ค!!
วิธีล้างหน้าให้สะอาดหมดจด ลดสิวอุดตัน+ รีวิวผลิตภัณฑ์ที่ใช้
https://ppantip.com/topic/31733561
2) จากนั้นซับหน้าเบาๆ เพื่อทา Benzac 5% ทิ้งเอาไว้ แล้วก็จะอู้ไปทำอะไรก็ทำไป 10 นาทีบ้าง 30 นาทีบ้าง ซักผ้าเสร็จลืมไปว่าทาเบนแซคแล้วค่อยมาล้างออกก็มีบ้าง หน้าคงชินแล้ว เพื่อละลายหัวสิวและลดเชื้อ P Acne ทาจนติดเป็นนิสัย เวลาไปกดสิวออกก็กดง่ายด้วย
ตัวนี้ 60g หลอดบะเอ้งไปเลยฮะ รู้สึกจะ 300ปลายๆ-400 จากร้านยาในห้าง
3) แล้วก็ไปอาบน้ำ ล้างหน้าด้วยเจลลาโรชอันเดิมอีกรอบเพื่อล้างหน้าเอาเบนแซคออก จากนั้นก็ปาด Bioderma Sensibio อันนี้ของแฟนฮะ ไม่ได้ซื้อเอง เพราะแพง แย่งนางใช้ เอาไว้เก็บรายละเอียดส่วนที่เราอาจจะทำความสะอาดไม่หมด แต่ส่วนมากพอเช็ดหน้า สำลีก็ขาวดีแล้วนะ เพราะล้างด้วยโฟมไปแล้ว
เอ้อ มีอีกตัวนึงดีเยี่ยมเหมือนกัน ของ La Roche Posay เจ้าเดิม อยากเป็นม้าให้มากเลย ทางแบรนด์รบกวนส่งสินค้ามาให้รีวิวหน่อย จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อเอง T__T
La Roche-Posay Micellar Water for Oily Sensitive Skin
ซื้อที่บู๊ทส์ ตอนนั้นได้มา 950 ขวดใหญ่สะใจ 400ml ใช้ได้ประมาณ 3 เดือนกว่าหมด นี่ถ้ามีตังค์ก็กะจะซื้ออีกรอบ แต่ตอนนี้แย่งไบโอเดอร์ม่าแฟนใช้ไปก่อน 555
4) St.Ives Blemish Control Apricot Scrub ตัวนี้ใส่วงเล็บไว้ เพราะใช้บ้างไม่ใช้บ้าง สครับผิวฮะ อย่าขัดหน้าบ่อยมาก อาทิตย์ละครั้งสองครั้งก็พอ
ตัวนี้เดินผ่านที่ Villa ไม่ถึง 200 มั่ง 170g หลอดใหญ่ใช้นานดี นานจนต้องบีบมาขัดตัว 555 เห็นผลอะไรไหม? ก็ไม่รู้สึกนะ อย่าไปหวังผลกับคำว่า Blemish Control กับ Salycilic Acid บนหน้าหลอด ใช้แค่ให้รู้สึกว่าอาทิตย์นี้ได้ขัดหน้าบ้างก็ยังดี เหมือนคราบดำที่ตูดหม้อต้องเอาฝอยมาขัด ฮ่าๆๆ
5) Paula's Choice Balancing Toner โทนเนอร์ป้าพรหล้าในตำนาน อยู่คงกระพันตั้งแต่วัยม.ต้น จนประเทศไทยจะมีรถไฟความเร็วสูงแล้วล่ะฮะ ความรู้สึกตอนแรกที่ใช้หน้าร้อนผ่าวเหมือนโดนน้ำมนต์ แต่ใช้ไปเรื่อยๆจะดื้อน้ำมนต์ไปเอง เหมือนร่างกายดื้อยาแก้อักเสบที่คลินิคเมืองไทยชอบจ่ายยาให้ เมื่อห่างกันสักพักเพราะเธอราคา high maintenance พอกลับมาเจอเธอ หน้าฉันก็ยังแดงร้อนผ่าวเช่นเดิม ถึงราคาจะไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ แต่รู้สึกเหมือนมีไว้สักนิดก็อุ่นใจ
อันนี้ซื้อที่ช็อปโดยตรงของแบรนด์ตัวเลือกพรหล้า ที่ห้างเซ็นจูรี่ อนุสาวรีย์ชัย ราคารู้สึก 9xx หรือ 1,xxx แต่ตอนนี้ช็อปเขาปิดหนีหายไปแล้วววว
ป.ล. ขวดของจริงไม่มีหัวปั๊มนะ แต่เราเอาหัวปั๊มคลีนเซอร์มาใส่แทน ขี้เกียจเหยาะ
เออ จะแนะนำ โทนเนอร์ราคาเป็นมิตร ไม่มีอะไรแฟนซีที่แพทย์ผิวหนังแนะนำอีกตัวก็อันนี้จ้า
Simple Soothing Facial Toner 200ml 199 บาทที่วัตสัน
เขาว่าดีนักแล ยอดขายอันดับ 1 ใน UK แต่ก็นั่นล่ะฮะคำเคลมการตลาด เป็นน้ำใสๆ ไม่มีกลิ่น มันเลยแปลกๆ ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายและต้องการใช้อะไรที่เซฟๆ Simple สมชื่อ
แต่ก่อนเราชอบมาก สเต็ปสกินแคร์ advanced อะไรดังๆ สรรหาซื้อ ซีรุ่ม เอ็ดเศ็น อีมันชั่น น้ำตบ เจลมาร์ค โคลน ครีม ฯลฯ สารพัดจะล้มละลาย 5555 ตอนนี้หรอมาตระหนักได้ว่า เปลืองงงง ประกอบกับคุณหมอที่ "คลินิกผิว" ตรงอนุสาวรีย์ชัยที่เราเคยไปหาตอนทำเลเซอร์แนะนำว่า ช่วงหน้าแหกใหม่ๆ อย่าเพิ่งใช้อะไรแฟนซี น้ำตบงด แป้งฝุ่นงด เซรั่มงด ฯลฯ หลักการของผิวคือแค่ keep moisturized ก็พอ พวกสกินแคร์แบบเกาหลี 10 สเต็ปไรนั้น มันก็ไม่ได้จำเป็นต้องทำขนาดนั้น เบสิคสกินแคร์สุดๆเลย มีแค่ moisturizer ยืนพื้นสักตัว + กันแดด เท่านั้น
เราเลยใช้ Himalaya Clear Complexion Day Cream & Himalaya Herbals Revitalizing Night Cream ซึ่งหมอก็ approve สิวไม่ลด แต่ก็ไม่เพิ่ม ทรงๆตัว แนะนำให้ซื้อที่เพ็ชรรัตน์วังหลังเช่นเดิม กระปุกละ 200 & 250 ราคาดีงาม กระเป๋าไม่แหก #ยาใจสิวยาใจคนจน
ตอนนี้เซ็ทที่ใช้ก็มีดังนี้
1) BHA ป้า Paula's Choice Skin Perfecting 2% BHA Liquid Exfoliant ตัวดูโอ้กับน้ำมนต์ป้า ช็อปเดิม ช่วงใช้ใหม่ๆ สิวผุดจนไม่รู้ว่าที่ผุดนี่คือหน้าฉันแหก หรือมันกำลังขับสิวมา (purging) ก็เลยห่างหายไปสักพัก ตอนนี้ก็แค่ใช้ๆให้หมด แล้วค่อยซื้อซ้ำ (ห๊ะ?) ตอนนี้หน้าไม่แหกแล้ว สิวไม่ขับมามากเท่าไหร่แล้ว แต่ควรมีไว้เป็นกิจวัตรเผื่อผลัดเซลล์ผิวที่อยู่ลึกลงไปในรูขุมขน ซึ่ง AHA และสครับ จะล้วงลงไปไม่ถึง
ราคา 8xx
2) Differin หลอดกระจิ๊ดริด 3xx ใช้เท่าปลายนิ้วก้อย ใช้แค่วันเว้นวัน จะลงตัวนี้ก่อนเพราะเป็นยา ส่วนจะใช้พร้อมกับ BHA ป้าได้รึเปล่า? ไม่แน่ใจ แต่ก็จะใช้แบบนี้ต่อไป 555 ช่วยขับให้สิวอุดตันมันโผล่หัวมาเร็วขึ้น
3) พระเอกของเรา La Roche Posay Effaclar Duo+
ไปเที่ยว ไปค้างคืนที่ไหน ต้องเอาตัวนี้ติดไปด้วย T__T ตามหากันจนเจอ เล็งมานานแล้วว่าจะซื้อดีไม่ซื้อดี เพราะมันแค่ 40g แต่ราคาเกือบๆพัน สิวก็อยากหาย แต่กระเป๋าก็หนักใจ 555 สุดท้ายได้ลอง โอวววววววว ภายใน 1 สัปดาห์ เห็นได้ชัดเลยว่าหน้าเรียบบบบขึ้นมากกก จากผิวคางคกได้กลายเป็นผิวอึ่งอ่าง เรียบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ช่วยได้หมดทั้งสิวอักเสบ อุดตัน ผด และรอยสิว แถมยังเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เบาๆไปในตัว เพิ่งมาทราบจากบล็อกคุณปูเป้ว่ามันช่วยปรับสมดุลย์แบคทีเรียบนผิว เปรียบดั่งแลคโตบาซิลลัสปรับสมดุลย์ลำไส้คนท้องผูก(?)
ต่อให้ไม่ว่าบางวันจะไปตะลอนเที่ยวในกรุงเทพ มลพิษ ควันรถ ควันไก่ย่าง ฯลฯ เล่นกีฬา วิ่งพุ่งใส่ทราย ฝนตกสาดหน้า เดินตลาดเหงื่อออก ฯลฯ ก็ไม่เป็นสิวอุดตันง่ายแบบเมื่อก่อนแล้ว #ไหว้พี่โอ้สิลูก พอผิวสมดุลย์ หน้าก็มันน้อยลงนะ แต่ก่อนจะมันแบบมันเมือกกก ต้องใช้ซับมัน 2 แผ่นครึ่งต่อครั้งนึง แต่ตอนนี้เวลามัน คือแค่หน้าโกลว์ๆ ซับมันต้องฉีกให้เหลือแค่ครึ่งแผ่น พอ
แนะนำให้ซื้อเพชรรัตน์ เราได้มาในราคา 790 แบบทั้งกล่องที่มีของแถมมาด้วย ถ้าซื้อวัตสัน บู๊ทส์ ไรงี้ น่าจะ 1,xxx+ นะ คุ้มๆๆๆ
4) เราต้องการอะไรก็ได้ที่มาเติมความชุ่มฉ่ำบนใบหน้า เพราะหน้าผ่านทั้ง benzac และ differin แต่ก็ไม่ต้อง creamy และสร้างความมันเยิ้ม แต่ก่อนก็ใช้แค่ Himalaya แต่ตอนนี้เราเจอตัวที่ชอบกว่านั้น ใช้มาได้แค่ครึ่งเดือน ช่วยเสริมการทำงานของพี่ดูโอ้ได้ยอดเยี่ยม
Tomei Facial Moisturizer 50g ราคาใน shopee 299 #กดซื้ออย่างไว เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย หน้ามัน ไม่มีน้ำหอม ไม่มีสารอะไรแฟนซี แต่สิวลดลง คือดีย์ย์ย์ย์ จะซื้อและใช้ต่อไป คิดอะไรไม่ออกก็ทาแต่ตัวนี้ล่ะจ่ะ
เดี๋ยวมาต่อ โควต้าตัวอักษร 1,000 จะหมดละ
นี่โชว์ให้ดูพัฒนาการ ฮี่ๆๆ