**ปล.โปรดใช้วิจารณญาณ ในการอ่าน บางอย่างที่เราชอบ คุณอาจไม่ชอบ หรือบางอย่างที่เราไม่ชอบ คุณอาจจะชอบก็เป็นได้**
รีวิวครั้งแรกในชีวิต ที่เกิดจากความประทับใจแบบเหนือความคาดหมาย
ทำให้ตัดสินใจสมัครไอดี เพื่อมาเขียนรีวิวการไปเที่ยวครั้งนี้ให้ได้
อยากจะเอารูปที่ถ่ายมาให้ชมกัน ถึงแม้ว่า สกิลการถ่ายภาพของเราและแฟนนั้นจะต่ำมากกกกกกก
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราไปเที่ยวต่างประเทศกับแฟนแค่ 2 คน จะถือว่ามาฮันนีมูนก็ได้
(เพราะใช้มุขนี้แจ้งขออะไรที่มันพิเศษนิดๆหน่อยๆ กับทางรีสอร์ท แหะๆ)
มีอยู่วันนึงหลังจากที่เราแต่งงานมาได้สักพัก เวลาเข้าไปเล่นเฟสหน้าเฟส ก็ชอบมีเรื่องที่เดี่ยวกับ "โปรมัลดีฟส์"
หนึ่งในสถานที่ ที่เราตั้งเป้าว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปให้ได้ ก่อนที่เกาะมันจะจบหายไป (ใครก็ไม่รู้บอกว่ามันจะจม)
จนในที่สุดเราก็ทนต่อภาพที่ยั่วยวนไม่ไหว
เปิดประเด็นชักแม่น้ำ 108 วางแผน และลากหมีไปเที่ยวมัลดีฟส์ด้วยกัน
จากกการวางแผน หาข้อมูล (ทั้งใน Google และรีวิวในพันทิป)
ในที่สุดเราก็ตัดสินใจเลือกที่พักได้ "Meeru island resort & spa"
จากโปรโมชี่นที่พักที่น่าสนใจที่สุด (สำหรับเรา) ในเวลานั้น ค่าที่พักคนละ 20,000 บาท (package 3วัน 2 คืน All Inclusive Plus
นอนกลางน้ำ อ่างจากกุชชี่ พร้อมทริปดำน้ำ 1 ครั้ง และ Sunset Cruise ถ้าสภาพอากาศอำนวย)
จริงๆมีราคาต่ำสุดอยู่ที่ 19,700 บาท ต่อคน แต่เราเลือกที่ราคานี้ เพราะอยากจะไปในช่วง low season ที่เป็นรอยต่อกับ high season พอดี
เพิ่มเงินอีกนิดหน่อย กับความคาดหวังว่าสภาพอากาศจะดีกว่า
ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินไม่ต้องไปพูดถึงมัน เพราะเรา 2 คน ไม่สามารถลางานในวันจันทร์ – ศุกร์ แบบติดต่อกันหลายวันได้
ราคาค่าตั๋วก็เลยแพงหน่อย ไป เสาร์-จันทร์ (ลาวันจันทร์วันเดียว)
หลังจากตัดสินใจจองที่พัก จองตั๋ว เตรียมของ เราก็ต้องรอนานถึง 6 เดือน กว่าจะได้ออกเดินทาง
ในที่สุดการเดินทางก็มาถึง
ความประทับใจแรก เกิดตั้งแต่บนฟ้ากันเลยทีเดียว ตอนที่ใกล้จะถึงมัลดีฟส์ คือมองลงมาสวยมาก ลืมความเมื่อยก้นที่นั่งยาวๆมา 4 ชม.
(ขนาดเราเลือกฝั่งที่นั่งผิด ดันไปจองที่นั่งฝั่งขวาแทนที่จะจองฝั่งซ้าย ขนาดอ่านรีวิวที่มีคนแนะนำมาแล้ว
แต่เอาเข้าจริง ตอนกดจองตั๋วลืมค่ะ แล้วจำไม่ได้ด้วยว่าข้อมูลนี้มาจากเวปไหน คือศึกษามาจากทุกแหล่ง
ใครจะไป อย่าลืมนะคะ ท่องไว้ "ขวาร้ายซ้ายดี" อย่าหลงผิดมานั่งฝั่งนี้)
พอมาถึงสนามบิน ก็เดินหาเคาเตอร์ของทางรีสอร์ทรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ที่มารอรับ
เค้าก็จะพาเรานั่งนั่งสปีดโบ๊ทอีก ประมาณ 50 นาที ก็ถึงรีสอร์ทจ้า
(หลังจากขึ้นเรือไปมีคนดูแลทุกอย่าง เราไปแค่ตัว กล้องถ่ายรูป และกระเป๋าสะพานติดตัว
ที่เหลือจะมีพนักงานช่วยดูแลให้ครบทุกอย่างค่ะ)
ภาพนี้ตอนอยู่บนเรือ กำลังจะออกจากท่าเรือ สภาพอากาศช่วง low season ก็ตามภาพค่ะ
แผนที่การเดินเรือค่ะ
*ข้อดีของการเดินทางในช่วง Low Season คือ แดดไม่แรง ไม่ดำ ที่สำคัญราคาที่พักราคาถูก!
ถามว่าสวยไหม สำหรับเราก็ยังสวยนะคะ ของจริงสวยกว่าในรูปมากๆค่ะ
*ข้อเสีย ฝนชอบตกมาขัดจังหวะ รมแรง คลื่นแรง อดไป Sunset Cruise เพราะฝนตก
พอถึงรีสอร์ท จะมีพนักงานมายืนรอรับ (เหมือนที่มีคนเคยเขียนรีวิวเป๊ะ)
แต่สำหรับเราก็ยังตื่นตาตื่นใจอยู่ดี อาจเพราะความสวยงาม กับบรรยากาศรอบตัว
แล้วพนักงานก็พามานั่งพัก พร้อมกับ Welcome Drink เป็นน้ำผลไม้ที่อร่อยมากค่ะ ดื่มแล้วสดชื่นมาก
นั่งรอสักพัก จะมีพนักงานมาอธิบายเรื่องห้องพักและแพคเกจที่เราจองมาแบบละเอียดยิบพร้อมแผนที่
(พนักงานนางน่ารักมาก พูดภาษาอังกฤษช้าและชัด ฟังง่ายสุด คนไม่เก่งภาษาแบบเราก็เข้าใจได้ มีอะไรสงสัย ก็ถามนางได้เลยค่ะ)
นอกจากจะประทับในพนักงานรีสอร์ทแล้ว ยังประทับใจในตัว Agent ที่จองมาด้วย เพราะทุกอย่างที่เราขอไว้
เค้าประสานงานกับทางรีสอร์ทให้เราได้ครบหมดทุดอย่างจริงๆ
(นอกจากสภาพอากาศที่ไม่อำนวย อันนี้มนุษย์คนไหนก็ช่วยเราไม่ได้เนอะ)
เมื่อแนะนำนู้นนี่นั่นเสร็จ ก็จะมีพนักงานพาเราไปส่งที่ห้องพักค่ะ
Welcome Drink อร่อยมากจริงๆค่ะ
บรรยากาศที่นั่งรอพนักงานมาอธิบาย
แล้วพนักงานก็พานั่งรถกอล์ฟมาส่งที่ห้องพักค่ะ
(โซนที่เราพักค่อนข้างไกลกับส่วนกลาง ถ้าไม่เดินไปเองก็เรียกรถได้ค่ะ ฟรี!)
เราก็เดินถ่ายรูปกับแฟนมาเรื่อย ส่วนกระเป๋าจะเดินตามมาทีหลังค่ะ
ภาพนี้และอาจจะมีอีกหลายภาพเราแคปมาจากวีดีโอที่ถ่ายไว้ค่ะ
เวลาที่บอกไว้ไม่ตรงนะคะ ยังไม่ได้ปรับเวลากล้องค่ะ
อย่างที่บอกช่วง low season ก็มีฝนตกนิดหน่อย ตอนเราไปฝนก็ตกพอดี T^T
วันแรกที่มาถึงก็มีปลากระเบนมาต้อนรับเลยค่ะ
และแล้วเราก็มาถึงห้องพักกัน
เปิดประตูห้องเข้าไป แอร์เย็นฉ่ำ ห้องก็กว้าง ของใช้ทุกอย่างครบค่ะ
เดินสำรวจห้องด้วยความตื่นเต้นสุด ไม่รู้จะทำอะไร เริ่มจากตรงไหนก่อนดี
อยากสำรวจไปทุกอย่าง 555+ ก็เลยถ่ายเป็นวีดีโอไว้ มีถ่ายภาพภายในห้องไว้นิดเดียวเองค่ะ
ตรงนี้เป็นทางเดินที่เราสามารถลงเล่นน้ำจากห้องได้เลยค่ะ
เนื่องจากเรารีเควสไว้ว่าขอห้องกลางๆ (ขี้เกียจเดินไกลมาก)
น้ำจะลึกแค่ประมาณ 1.50 เมตร ค่ะ
และเป็นประตูบานเลื่อน ตอนกลางคืนนอนเล่นอ่างจากุชชี่เปิดประตูดูวิว ฟินมากค่ะ
ภาพระเบียงตอนฝนตก
อ้อ เพื่อนๆที่บอกว่าอยากได้ น้องมัลดีฟส์ กลับไปเป็นของฝาก บอกได้เลยว่าไม่มีทาง
ใครที่ชอบคิดว่ามามัลดีฟส์ มาติดเกาะ มาผลิตทายาท
แต่สำหรับเรานั้นเกาะนี้เป็นเหมือนสวนสนุก มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก
จะเข้าห้องพักก็แค่ตอนนอนเท่านั้นเอง แถมเข้ามาก็ไม่นอนไปนั่งดูปลาริมระเบียงต่อ
(เราเขียนโปรแกรมไว้หมด แต่เวลาแค่ 3 วัน 2 คืน ทำได้ไม่ครบจริงๆ)
เดี๋ยวจะเริ่มเล่าให้ฟังนะคะ
[CR] [CR] รีวิว : พาหมีมาติดเกาะ 3 วัน 2 คืน (12-14 พ.ค. 61) @Meeru island resort & spa มัลดีฟส์
รีวิวครั้งแรกในชีวิต ที่เกิดจากความประทับใจแบบเหนือความคาดหมาย
ทำให้ตัดสินใจสมัครไอดี เพื่อมาเขียนรีวิวการไปเที่ยวครั้งนี้ให้ได้
อยากจะเอารูปที่ถ่ายมาให้ชมกัน ถึงแม้ว่า สกิลการถ่ายภาพของเราและแฟนนั้นจะต่ำมากกกกกกก
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เราไปเที่ยวต่างประเทศกับแฟนแค่ 2 คน จะถือว่ามาฮันนีมูนก็ได้
(เพราะใช้มุขนี้แจ้งขออะไรที่มันพิเศษนิดๆหน่อยๆ กับทางรีสอร์ท แหะๆ)
มีอยู่วันนึงหลังจากที่เราแต่งงานมาได้สักพัก เวลาเข้าไปเล่นเฟสหน้าเฟส ก็ชอบมีเรื่องที่เดี่ยวกับ "โปรมัลดีฟส์"
หนึ่งในสถานที่ ที่เราตั้งเป้าว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปให้ได้ ก่อนที่เกาะมันจะจบหายไป (ใครก็ไม่รู้บอกว่ามันจะจม)
จนในที่สุดเราก็ทนต่อภาพที่ยั่วยวนไม่ไหว
เปิดประเด็นชักแม่น้ำ 108 วางแผน และลากหมีไปเที่ยวมัลดีฟส์ด้วยกัน
จากกการวางแผน หาข้อมูล (ทั้งใน Google และรีวิวในพันทิป)
ในที่สุดเราก็ตัดสินใจเลือกที่พักได้ "Meeru island resort & spa"
จากโปรโมชี่นที่พักที่น่าสนใจที่สุด (สำหรับเรา) ในเวลานั้น ค่าที่พักคนละ 20,000 บาท (package 3วัน 2 คืน All Inclusive Plus
นอนกลางน้ำ อ่างจากกุชชี่ พร้อมทริปดำน้ำ 1 ครั้ง และ Sunset Cruise ถ้าสภาพอากาศอำนวย)
จริงๆมีราคาต่ำสุดอยู่ที่ 19,700 บาท ต่อคน แต่เราเลือกที่ราคานี้ เพราะอยากจะไปในช่วง low season ที่เป็นรอยต่อกับ high season พอดี
เพิ่มเงินอีกนิดหน่อย กับความคาดหวังว่าสภาพอากาศจะดีกว่า
ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินไม่ต้องไปพูดถึงมัน เพราะเรา 2 คน ไม่สามารถลางานในวันจันทร์ – ศุกร์ แบบติดต่อกันหลายวันได้
ราคาค่าตั๋วก็เลยแพงหน่อย ไป เสาร์-จันทร์ (ลาวันจันทร์วันเดียว)
หลังจากตัดสินใจจองที่พัก จองตั๋ว เตรียมของ เราก็ต้องรอนานถึง 6 เดือน กว่าจะได้ออกเดินทาง
ในที่สุดการเดินทางก็มาถึง
ความประทับใจแรก เกิดตั้งแต่บนฟ้ากันเลยทีเดียว ตอนที่ใกล้จะถึงมัลดีฟส์ คือมองลงมาสวยมาก ลืมความเมื่อยก้นที่นั่งยาวๆมา 4 ชม.
(ขนาดเราเลือกฝั่งที่นั่งผิด ดันไปจองที่นั่งฝั่งขวาแทนที่จะจองฝั่งซ้าย ขนาดอ่านรีวิวที่มีคนแนะนำมาแล้ว
แต่เอาเข้าจริง ตอนกดจองตั๋วลืมค่ะ แล้วจำไม่ได้ด้วยว่าข้อมูลนี้มาจากเวปไหน คือศึกษามาจากทุกแหล่ง
ใครจะไป อย่าลืมนะคะ ท่องไว้ "ขวาร้ายซ้ายดี" อย่าหลงผิดมานั่งฝั่งนี้)
พอมาถึงสนามบิน ก็เดินหาเคาเตอร์ของทางรีสอร์ทรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ที่มารอรับ
เค้าก็จะพาเรานั่งนั่งสปีดโบ๊ทอีก ประมาณ 50 นาที ก็ถึงรีสอร์ทจ้า
(หลังจากขึ้นเรือไปมีคนดูแลทุกอย่าง เราไปแค่ตัว กล้องถ่ายรูป และกระเป๋าสะพานติดตัว
ที่เหลือจะมีพนักงานช่วยดูแลให้ครบทุกอย่างค่ะ)
*ข้อดีของการเดินทางในช่วง Low Season คือ แดดไม่แรง ไม่ดำ ที่สำคัญราคาที่พักราคาถูก!
ถามว่าสวยไหม สำหรับเราก็ยังสวยนะคะ ของจริงสวยกว่าในรูปมากๆค่ะ
*ข้อเสีย ฝนชอบตกมาขัดจังหวะ รมแรง คลื่นแรง อดไป Sunset Cruise เพราะฝนตก
พอถึงรีสอร์ท จะมีพนักงานมายืนรอรับ (เหมือนที่มีคนเคยเขียนรีวิวเป๊ะ)
แต่สำหรับเราก็ยังตื่นตาตื่นใจอยู่ดี อาจเพราะความสวยงาม กับบรรยากาศรอบตัว
แล้วพนักงานก็พามานั่งพัก พร้อมกับ Welcome Drink เป็นน้ำผลไม้ที่อร่อยมากค่ะ ดื่มแล้วสดชื่นมาก
นั่งรอสักพัก จะมีพนักงานมาอธิบายเรื่องห้องพักและแพคเกจที่เราจองมาแบบละเอียดยิบพร้อมแผนที่
(พนักงานนางน่ารักมาก พูดภาษาอังกฤษช้าและชัด ฟังง่ายสุด คนไม่เก่งภาษาแบบเราก็เข้าใจได้ มีอะไรสงสัย ก็ถามนางได้เลยค่ะ)
นอกจากจะประทับในพนักงานรีสอร์ทแล้ว ยังประทับใจในตัว Agent ที่จองมาด้วย เพราะทุกอย่างที่เราขอไว้
เค้าประสานงานกับทางรีสอร์ทให้เราได้ครบหมดทุดอย่างจริงๆ
(นอกจากสภาพอากาศที่ไม่อำนวย อันนี้มนุษย์คนไหนก็ช่วยเราไม่ได้เนอะ)
เมื่อแนะนำนู้นนี่นั่นเสร็จ ก็จะมีพนักงานพาเราไปส่งที่ห้องพักค่ะ
แล้วพนักงานก็พานั่งรถกอล์ฟมาส่งที่ห้องพักค่ะ
(โซนที่เราพักค่อนข้างไกลกับส่วนกลาง ถ้าไม่เดินไปเองก็เรียกรถได้ค่ะ ฟรี!)
เราก็เดินถ่ายรูปกับแฟนมาเรื่อย ส่วนกระเป๋าจะเดินตามมาทีหลังค่ะ
เวลาที่บอกไว้ไม่ตรงนะคะ ยังไม่ได้ปรับเวลากล้องค่ะ
อย่างที่บอกช่วง low season ก็มีฝนตกนิดหน่อย ตอนเราไปฝนก็ตกพอดี T^T
วันแรกที่มาถึงก็มีปลากระเบนมาต้อนรับเลยค่ะ
และแล้วเราก็มาถึงห้องพักกัน
เปิดประตูห้องเข้าไป แอร์เย็นฉ่ำ ห้องก็กว้าง ของใช้ทุกอย่างครบค่ะ
เดินสำรวจห้องด้วยความตื่นเต้นสุด ไม่รู้จะทำอะไร เริ่มจากตรงไหนก่อนดี
อยากสำรวจไปทุกอย่าง 555+ ก็เลยถ่ายเป็นวีดีโอไว้ มีถ่ายภาพภายในห้องไว้นิดเดียวเองค่ะ
เนื่องจากเรารีเควสไว้ว่าขอห้องกลางๆ (ขี้เกียจเดินไกลมาก)
น้ำจะลึกแค่ประมาณ 1.50 เมตร ค่ะ
และเป็นประตูบานเลื่อน ตอนกลางคืนนอนเล่นอ่างจากุชชี่เปิดประตูดูวิว ฟินมากค่ะ
อ้อ เพื่อนๆที่บอกว่าอยากได้ น้องมัลดีฟส์ กลับไปเป็นของฝาก บอกได้เลยว่าไม่มีทาง
ใครที่ชอบคิดว่ามามัลดีฟส์ มาติดเกาะ มาผลิตทายาท
แต่สำหรับเรานั้นเกาะนี้เป็นเหมือนสวนสนุก มีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก
จะเข้าห้องพักก็แค่ตอนนอนเท่านั้นเอง แถมเข้ามาก็ไม่นอนไปนั่งดูปลาริมระเบียงต่อ
(เราเขียนโปรแกรมไว้หมด แต่เวลาแค่ 3 วัน 2 คืน ทำได้ไม่ครบจริงๆ)
เดี๋ยวจะเริ่มเล่าให้ฟังนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น