สมัยนี้ถ้ามีลูก ลูกจะโตมาด่าเราไหมครับ

ลูกโตมา เขาจะถามเรามั้ยว่า ให้เขาเกิดมาทำไม ทำไมพ่อถึงคิดว่าชีวิตนี้น่าเกิดมา
คือเอาจริงๆผมก็รู้ว่าโลกเราทุกวันนี้มันอยู่ยาก ผมว่าหลายๆท่านคงนึกออก ผมลองยกตัวอย่างสั้นๆนะ

-เด็กสมัยนี้ แค่เข้า ป.1 ก็ต้องมีการสอบแข่งขันแล้ว หรือไม่ก็ต้องมีการเรียนพิเศษ เร็วและเยอะกว่ารุ่นของผมมากๆ ขนาดสมัยผมตอนสอบเข้าม.1 ยังเครียดแทบตาย เรียนพิเศษก็โดนแม่บังคับไปเรียน ปิดเทอมแทนที่จะได้พักผ่อน วิ่งเล่นสนุกๆ แล้วนี่ ป.1 ไม่ยิ่งกว่าหรือ

-ความแออัดที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ รถติดนี่รู้กัน คงไม่ต้องอธิบาย ลูกจะคิดมั้ยว่า พ่อจะสร้างคนมาเพิ่มทำไม ให้มันแออัดกว่าเดิม เดินทางไปไหนทีติดอยู่บนรถเป็นชั่วโมงๆ มันสนุกหรือ รถไฟฟ้าคนก็แน่น แถมไม่ใช่ถูกๆ แถมบางวันโชคร้ายเจอขัดข้อง หัวเสียไปอีก

-หางานทำยากขึ้น ทุกวันตั้งแต่จบประถมมา ก็ต้องคิดแล้วว่า อนาคตจะไปทางไหนต่อ ม.1 เข้าที่ไหน เสร็จแล้ว ม.4 จะเลือกสายไหนต่อ จบมาเอ็นท์ (แอดมิช) เข้าอะไรอีก ที่สุดท้ายแล้วต้องมีงานที่มั่นคงทำ หาเงินได้ เพื่อไม่ให้ชีวิตลำบากตอนแก่ แต่สมัยนี้โหดกว่า เพราะการเข้ามาของ AI ถ้าเราจบอะไรที่มันทำได้ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน AI แย่งเรียบครับ สรุปคือถ้าจะหาเลี้ยงชีพให้ได้มั่นคง ลูกต้องทำอะไรที่มันยากยิ่งกว่าคนในสมัยก่อนทำนั่นเอง

-ของราคาแพงขึ้น ข้าวปลาอาหารยังพอหาซื้อในราคาย่อมเยาว์ได้ หากตั้งใจหา และไม่เรื่องมาก แต่ที่อยู่อาศัยเนี่ยสิ ขึ้นเอาๆทุกวัน คอนโด บ้าน ทำเลใจกลางเมืองนี่คนธรรมดาหมดสิทธิ์คิด หรือจะเอาบ้านชานเมืองก็ยังไม่ได้ถูกอยู่ดีนั่นแหละ  สรุปก็ต้องจำใจเป็นหนี้กัน หรือไม่ก็เช่าเขาอยู่ไปเรื่อย อย่าหวังเลยว่าชีวิตนี้จะได้พักผ่อน ได้หยุดทำงาน หาเงินมาใช้เขาไปเรื่อยๆนั่นแหละ

-เล็กๆน้อยๆต่อจากข้อตะกี้ ถึงคุณจะมีเงินซื้อบ้านอยู่ได้ ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะแฮปปี้เอ็นดิ้งนะ ต้องมาลุ้นอีกว่า เพื่อนบ้านจะเป็นอย่างไร จะงี่เง่า ไม่เกรงใจใคร จอดรถล้ำบ้าน หรือ จัดสังสรรค์โหวกเหวกมั้ย

-ลูกต้องเกิดมามีชีวิตที่ยืนยาว สมัยนี้โรคซึมเศร้าเป็นกันได้ง่าย หากลูกเป็นขึ้นมา อาจคิดสั้นฆ่าตัวตาย หรือหากลูกมีสติพอ คิดว่าการฆ่าตัวตายจะทำให้คนรอบข้างเสียใจ หรือ เชื่ออย่างที่เขาว่ากันว่าฆ่าตัวตายจะเป็นบาปมหันต์ ลูกก็จะไม่ทำ แต่สุดท้ายเขาก็ต้องแบกรับชีวิตนี้ไปจนกว่าชีวิตจะสิ้นไปโดยธรรมชาติ หรือราวๆ 70-90 ปี (เอาจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นโรคซึมเศร้านะ แค่รู้สึกว่าชีวิตทุกวันนี้มันน่าเบื่อ ซ้ำๆเดิมๆ แถมเจอแต่ปัญหา เขาก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี ต้องใช้ชีวิตไปจนสิ้น)

-ช่วงบั้นปลายชีวิตหรือตอนแก่ ในเมื่อลูกคิดแล้วว่าชีวิตนี้ไม่น่าเกิดมา เขาก็คงไม่น่าจะให้กำเนิดลูกอีก ตอนแก่ตัวก็คงไม่มีใครเลี้ยงดู แล้วช่วงนั้นเขาจะเป็นอย่างไร ดูแลกันสองสามีภรรยา จะเพียงพอกับการอยู่รอดปลอดภัยไปจนถึงสิ้นอายุขัยหรือไม่

คิดแล้วก็น่าเห็นใจลูกอยู่เหมือนกัน หากต้องเกิดมา เพื่อนๆมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างครับ

ใครพอมีลูกที่โตพอรู้เรื่องหน่อย หากเป็นไปได้ ลองถามเขาดูได้ไหมครับ ว่าชีวิตทุกวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง คือผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าผมคิดมากไปเองหรือเปล่า
คือหากได้ลองถามเด็กส่วนใหญ่จริงๆ พวกเขาอาจจะบอกก็ได้ว่า ดีใจมากครับที่ได้เกิดมา มีความสุขครับ เหนื่อยแต่แฮปปี้ดี อะไรอย่างงั้น ขอบคุณคุณพ่อแม่ที่ให้หนูเกิดมา และอื่นๆ

ขอบคุณมากครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 43
เราเป็นลูกที่ตั้งคำถามว่าให้เราเกิดมาทำไม ตั้งแต่เด็กเรามีชีวิตที่ดีนะ อยากกินอะไรได้กิน
อยากทำอะไรได้ทำ  แต่คือก็ไม่ได้สปอยเว่อร์คุณหนูนะ แต่ละอย่างที่ได้เราคิดว่า
เราได้แบบสมเหตุสมผลอยู่ ใช้ชีวิตแบบไม่ลำบากเรื่อยมา เรียนจบมา 2 ปี
ทำงานได้เงินเดือน 6-7หมื่นบาท มีชีวิตทำงานที่ไม่ได้รู้สึกหนัก มีเวลาไปเที่ยว ให้เงินครอบครัว
ทุกเดือน  คือที่พูดมาไม่ได้โอ้อวด แต่จะสื่อว่าคุณเลี้ยงลูกมาอย่างดี มีชีวิตที่ดี จนเค้าเลี้ยงตัวเองได้ ประสบความสำเร็จ
ก็อาจจะไม่ได้ทำให้เค้ารู้สึกว่าเค้ายินดีที่จะเกิดมา เรามองไปข้างหน้ามีความก้าวหน้าเยอะแยะรออยู่ไม่ไกลเลย
เงินเดือนหลายแสน หรือการท่องเที่ยวทั่วโลก  สุดท้ายแล้วยังไง ต้องใช้ชีวิตไปจนแก่ จนเจ็บ จนตายหรอ
มีคนบอกว่าเพราะเราไม่ได้พยายามอะไรเลย ไม่รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า ให้มองคนที่ลำบากกว่าเรา
ซึ่งเราก็ไม่ได้รู้สึกได้ประโยชน์อะไรจากคำพูดนี้ หรือบางคนก็บอกว่าถ้าเคยลำบากจะไม่พูดอย่างนี้
คือมันไม่ใช่ ไม่ใช่ประเด็น เราไม่ได้รู้สึกว่าเราอยากตายแบบ ชั้นไม่มีคุณค่านะ แค่รู้สึกเกิดมาทำไม ไม่ได้อยากเกิดเล๊ยยย
พ่อแม่จะรู้บ้างมั้ยยยยย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
โลก ใบนี้ ไม่ได้มีแค่ กทม. และ การสอบเข้า ป. 1 นะครับ

ผมเกิดมาในครอบครัว ยากจน แม่เลี้ยงเดี่ยว เพราะพ่อเสียตั้งแต่ผม 2 ขวบ
ผมโตมาในเขตคลองเตย ที่ใครๆ ชอบเรียกว่า สลัม
อยู่ในแฟลตเล็กๆ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เพื่อนบ้านรอบข้างเป็นยังไง
เพื่อนสมัยเด็ก 10 กว่าคน เรียนไม่จบ ม.6 เกินครึ่ง
ติดยาบ้าไปก็เยอะ จนกลายเป็นสายส่งยา และเสียชีวิตไปเพราะหนีตำรวจ

แต่แม่ผมมีความพยายามที่จะพาผมออกไปจากจุดนี้ให้ได้
กู้เงิน มาแทบทุกทาง ทำงานให้หนัก เพื่อส่งผมเรียนจบมหาวิทยาลัย

ทุกวันนี้ ผมโตมาเป็น ผู้ใหญ่ มีการงานทำ ซื้อบ้านให้แม่อยู่ ซื้อรถขับได้
ไม่มีปัญหาทางสุขภาพจิต และยังมีความสุขด้วยกับการเกิดมา

ผมอยากจะบอกว่า คนเราจะมีความสุข จะเป็นคนดี จะสร้างชีวิตให้ดีขึ้นได้
ไม่เกี่ยวกับสังคมและสภาพแวดดล้อมเลย
มันอยู่ที่จิตใจคุณล้วนๆ

ผมกล้าพูดแบบนี้ เพราะผมเองเกิดและเติบโตมาใน เขตที่ถูกยกให้เป็นเขตน่ากลัวอันดับต้นๆ ของกทม.
แต่ผมก็ ผ่านมาได้ครับ

ชีวิตคน มันยิ่งใหญ่และสวยงาม กว่าสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันอีกมาก
สิ่งดีๆ มีอยู่ทุกที่ในโลก มันอยู่ที่ว่า คุณ "พยายาม" ไปหามันขนาดไหน
ความคิดเห็นที่ 10
ขึ้นอยู่กับว่าพ่อแม่ หรือคนเลี้ยงดูจะยัดอะไรให้เขาครับ

แต่ก่อนอยู่แถวๆช่องนนทรี มีเด็กน้อยคนหนึ่ง(ซัก 4-5 ขวบ) พ่อแม่กินเหล้าเขาก็กินตาม กินแล้วมีทำสีหน้าด้วยนะครับ
ทุกวันนี้ก้ไม่ได้ผ่านไปแถวนั้นแล้วไม่รู้เด็กคนนั้นจะยังมีชีวิตอยู่ไม๊ 5555

พอที่บ้าน(แถวๆระแวกบ้าน) ยายเล่นไพ่ เลี้ยงหลานด้วย ไปเล่นไหนก็ต้องเอาหลานไปด้วย
ทุกวันนี้ไม่จบ ม. 6 ครับ มีอาชีพเป็นของตัวเองแล้ว(อาชีพเจ้ามือ)

ลูกหัวหน้าคนเก่า แต่ก่อนไปห้องแก แกจะสอนลูกทุกครั้งหลังจากกลับมาจากศูนย์เลี้ยงเด็ก(ช่วงนั้นซัก 3ขวบมั้ง)จะต้องไหว้ พ่อ แม่ก่อน
จะกินขนม ก็ต้องเก็บกระเป๋าก่อน เหมือนแกสอนระเบียบวินัยลูกตั้งแต่เด็ก ขณะที่ข้างห้องแก พอลูกร้องก็โอ๋ หาขนมให้กินแทบไม่ทัน
ทุกวันนี้ มีพี่แกมีลูก 2 คน เข้าสาธิตทั้ง 2 คน และ ได้เหรียญแข่งเทควันโด้เกือบทุกรอบ


จริงๆแล้ว พ่อแม่ควรจะถามตัวเองมากกว่า ว่าเรามีอะไรที่พอจะเอาไปสอนลูกได้บ้าง
การมีลูกไม่ใช่คลอดออกมาแล้วก็จบ(แบบนั้น ถ้าโดนด่าก็คงสมควรครับ)
แต่มันหมายถึงว่า เราจะปลูกฝังเขายังไง
จะดูแลเขายังไงในช่วงที่เขายังอ่อนต่อโลก หรือ ไม่บรรลุนิติภาวะ(บางคน 30 กว่ายังคิดเองไม่เป็นก็ยังมี)
และเราจะปลูกฝังเขายังไง ให้เขาคิดเป็น รู้รับผิดชอบ จนไปถึงรู้จักเลี้ยงชีพตัวเองได้

พ่อแม่บางคน ใช้วิธีรอ.....
รอให้โตก่อนค่อยสอน
รอให้โรงเรียนสอน
รอให้เจอเหตุการณ์จริง แล้วมันจะเป็นบทเรียนสำหรับเขา
รอๆๆๆๆๆๆๆ
รอจนกระทั่ง ลูก ติดยา เกเร ไม่สนใจการเรียน หรือ กลายเป็นเด้กมีปัญหา
ทีนี้ก็มาเริ่มหาแพะกัน ไหนจะโทษ พ่อ แม่ โทษเด็ก โทษครูไม่สอน โทษสังคม ความจน ฯลฯ

แล้วทำไมเราไม่มานั่งคิดในช่วงเวลา 8-9 ที่ลูกอยู่ในท้องว่าเราจะทำอะไรให้ลูกบ้าง
วางแผนสำรอง แผนฉุกเฉิน อะไรก็ว่าไป
และนอกเหนือจากนั้น
การใส่ใจ เข้าใจ ลูกถือเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งพ่อแม่ใส่ใจ สนใจลูกแค่ไหนก็ยิ่งสร้างความรักให้กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น

ไม่ใช่แบบที่ว่า ฉันก็ใส่ใจลูกนะ แต่มันเกเรเอง
ถ้าใส่ใจจริง รู้หรือไม่ลูกเริ่มส่อพฤติกรรมเกเรตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมไม่หาวิธียับยั้งตั้งแต่ตอนนั้น
ส่วนมากรู้ตัวอีกทีลูกก็ไปซะแระ กู่ไม่กลับ
ความคิดเห็นที่ 4
ก็จริงนะ เกิดมาเหมือนเป็นเครื่องสนองตัณหาของแม่ เอาแต่บังคับให้ทำตามเส้นทางโง่ๆตั้งแต่เด็กจนโต
ไม่ได้มีความสุขอะไรซักนิดและไม่มีเป้าหมายชีวิตอะไรอีกนอกจากรอให้มันตาย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่