โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา เดินหน้าอย่างรวดเร็วจนใกล้จะถึงจุด Climax ของการประมูลแล้ว โดยได้ปิดขายซองประมูลไปแล้วเมื่อวานนี้ (9 ก.ค.) ซึ่งมีบริษัททั้งจากประเทศไทยและต่างประเทศ ในโซนเอเชียและยุโรป ที่มีประสบการณ์เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมให้ความสนใจเข้ามาซื้อซองถึง 31 ราย
รายชื่อ 31 บริษัท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1. บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (ประเทศไทย)
2. บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด (ประเทศไทย)
3. บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ประเทศไทย)
4. บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ประเทศไทย)
5. บริษัท เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จำกัด (ประเทศไทย)
6. ITOCHU Corporation (ประเทศญี่ปุ่น)
7. ซิโนไฮโดร คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด (ประเทศจีน)
8. บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ประเทศไทย)
9. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จากประเทศไทย
10. บริษัท ฟูจิตะ คอร์ปอเรชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น)
11. China Railway Construction Corporation Limited (สาธารณรัฐประชาชนจีน)
12. บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (ประเทศไทย)
13. บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (ประเทศไทย)
14. บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (ประเทศไทย)
15. CHINA RAILWAY GROUP LIMITED (สาธารณรัฐประชาชนจีน)
16. China Communications Construction Company Limited (สาธารณรัฐประชาชนจีน)
17. China Resources (Holdings) Company Limited (สาธารณรัฐประชาชนจีน)
18. CITIC Group Corporation (สาธารณรัฐประชาชนจีน)
19. Korea-Thai High-speed Railroad Consortium Inc. (ประเทศไทย)
20. บริษัท เทอดดำริ จำกัด (ประเทศไทย)
21. Salini Impregio S.p.A. (ประเทศอิตาลี)
22. บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด (ประเทศไทย)
23. TRANSDEV GROUP (ประเทศฝรั่งเศส)
24. SNCF INTERNATIONAL (ประเทศฝรั่งเศส)
25. Japan Overseas Infrastructure Investment Corporation for Transport & Urban Development (ประเทศญี่ปุ่น)
26. บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (ประเทศไทย)
27. บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (ประเทศไทย)
28. บจก. แอล เอ็ม ที สโตน (ประเทศไทย)
29. WANNASSER INTERNATIONAL GREEN HUB BERHAD (ประเทศมาเลเซีย)
30. บริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอนยิเนียริ่ง คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด (สาธารณรัฐประชาชนจีน)
31. MRCB Builders SDN. BHD. (ประเทศมาเลเซีย)
กิจกรรมหลังปิดซองถึงวันประมูล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หลังจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะจัดประชุมชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การประมูลอย่างละเอียด 2 ครั้ง คือในวันที่ 23 ก.ค. และ 24 ก.ย.
โดยวันที่ 24 และ 26 ก.ค. จะนำผู้ยื่นข้อเสนอไปดูพื้นที่ของโครงการแอร์พอร์ต เรลลิงค์ มักกะสัน สถานีสุวรรณภูมิ และสถานีรายทาง, โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ – รังสิต สถานีกลางบางซื่อ, โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ – พญาไท – มักกะสัน – หัวหมาก และเขตทางรถไฟปัจจุบันตลอดแนวเส้นทางโครงการฯ จากสถานีดอนเมืองไปตามเส้นทางรถไฟสายตะวันออก ผ่านสถานีมักกะสัน สถานีฉะเชิงเทรา สถานีพัทยา และสิ้นสุดที่บริเวณสถานีบ้านฉาง
จะเปิดให้มีการส่งข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ หรือคำถามเกี่ยวกับเอกสารการคัดเลือกเอกชน และให้มีการตรวจสอบข้อมูลหรือรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับโครงการ ระหว่างวันที่ 10 ก.ค. - 9 ต.ค. ณ ห้องประชุมฝ่ายโครงการพิเศษและก่องสร้างการรถไฟฯ ในเวลาราชการ
สำหรับกำหนดการรับซองข้อเสนอ จะมีขึ้นในวันที่ 12 พ.ย. 2561 เวลา 09:00 – 15:00 น. โดยผู้ยื่นข้อเสนอต้องยื่นหลักประกันซองพร้อมกับซองข้อเสนอ มูลค่า 2,000 ล้านบาท และต้องชำระค่าธรรมเนียมการประเมินข้อเสนอให้แก่ รฟท. เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาท ที่สำนักงานโครงการแอร์พอร์ต เรลลิงค์ มักกะสัน และผู้ที่ยื่นเสนอผ่านการประเมินข้อเสนอจะต้องวางหลักประกันสัญญาที่ออกโดยธนาคารให้กับการรถไฟฯ ในวันที่เข้าทำสัญญาร่วมทุนเป็นมูลค่า 4,500 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาร่วมลงทุนของเอกชนคู่สัญญา
โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 2.2 แสนล้านบาท ในขณะที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ทั้งโครงการอยู่ภายใต้กรอบเงินลงทุนทั้งสิ้น 1.5 ล้านล้านบาท จะเห็นว่าเป็นโครงการขนาดมหึมา ซึ่งต้องอาศัยเม็ดเงินมหาศาล จึงจำเป็นต้องระดมทุนทั้งจากนักลงทุนในประเทศ ซึ่งต้องดำเนินตามหลักการรัฐร่วมเอกชนหรือ PPP นอกจากนี้ ความสำเร็จของโครงการยังต้องอาศัยความสามารถในการระดมทุนจากต่างประเทศอีกด้วย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลพยายามทำงานอย่างขะมักเขม้น เช่น เดินสายโรดโชว์ไปสร้างความเชื่อมั่นในต่างประเทศ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามา ซึ่งก็ได้ผลดีทีเดียว เพราะมีนักลงทุนจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ขานรับเข้ามาลงทุนในโครงการอีอีซีจำนวนมาก และมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้นทุกวัน
นอกจากนี้ยังต้องอาศัยสายสัมพันธ์หรือ Connection ที่ดีจากองค์กรธุรกิจเอกชนในประเทศ ที่จะช่วยดึงพันธมิตรจากต่างประเทศให้เข้ามาร่วมทุน ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด ๆ ก็จากการเข้ามาซื้อซองประมูลในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ของวิสาหกิจและเอกชนจากหลาย ๆ ประเทศ
ในส่วนของนักลงทุนไทย แม้จะแสดงความสนใจเข้าซื้อซองในครั้งนี้หลายราย แต่ก็ถือว่าผู้เล่นหลัก ๆ ที่เป็นเอกชนรายใหญ่ยังน้อย คงจะดีมากกว่านี้ หากเจ้าสัวต่าง ๆ ที่ติดอันดับ Top 5 หรือ Top 10 ของประเทศกระโดดเข้ามาในสนามลงทุนเองในโครงการนี้ หรือช่วยดึงพันธมิตรจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนกันเยอะ ๆ ในโครงการอีอีซี ก็จะเป็นภาพที่สวยงามของการรวมพลังมหาเศรษฐีไทยช่วยชาติ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จะดีแค่ไหนหากมหาเศรษฐีไทยเหล่านี้ตบเท้าเข้ามาลงทุนในโครงการอีอีซี แปลงทรัพย์สินเป็นประโยชน์เพื่อชาติ...
การจัดอันดับเศรษฐีไทย โดยนิตยสารฟอร์บส์ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2561 พบว่ามูลค่าทรัพย์สินในครอบครองของเศรษฐีไทย 5 อันดับแรก อยู่ที่ 94,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,844,000 ล้านบาท)
- เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ยังคงครองบัลลังก์แชมป์อันดับ 1 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 950,747 ล้านบาท)
- เครือเซ็นทรัล เจ้าของมูลค่าทรัพย์สินในครอบครองกว่า 21,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 671,797 ล้านบาท)
- อยู่วิทยา มหาเศรษฐีเจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง (Red Bull) ที่มีมูลค่าทรัพย์สินราว 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 665,416 ล้านบาท)
- สิริวัฒนภักดี เจ้าสัวไทยเบฟ ที่ปีนี้หล่นฮวบมาถึง 2 อันดับ มีมูลค่าทรัพย์สินรวม 17,400 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 551,257 ล้านบาท)
- วิชัย ศรีวัฒนประภา เจ้าของกิจการค้าปลีกสินค้าปลอดภาษี คิง เพาเวอร์ และประธานสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) ในอันดับที่ 5 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินรวม 5,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 164,724 ล้านบาท)
โครงการรถไฟความเร็วสูงถือเป็นงานชิ้นแรกของอีอีซี ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะนำอย่างอื่นตามมา เพราะฉะนั้น นัยของรถไฟความเร็วสูง จึงไม่ใช่มีแค่งานโครงสร้างหรืองานก่อสร้างราง, งานรถไฟ หรืองานสถานี แต่จะมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ประชาชนจะได้อะไร จะมีกิจกรรมหรือสร้างประโยชน์อะไรให้ประชาชน หรือคนในพื้นที่มีส่วนร่วมอะไรได้บ้าง เป็นต้นว่า สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ฯลฯ
ถ้าเปรียบไปแล้วรถไฟขบวนนี้จะต้องลากจูงประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มาให้ประชาชน ชุมชนคนในพื้นที่ ณ จุดนี้ผมรู้สึกดี ที่บีทีเอสกับซีพี ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรไทยที่ใหญ่และมีศักยภาพ แสดงตัวชัดเจนว่าต้องการเข้ามาทำโครงการนี้ ซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ของประเทศ ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าทำยาก ใช้เงินลงทุนสูง และโอกาสคืนทุนยาวนาน แต่ก็กล้าหาญที่จะเข้ามาแบกภาระเพื่อชาติ
โดยเฉพาะกับซีพีที่มีมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจระดับโลก มีประสบการณ์การธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานเกือบ 100 ปี ทางด้านการเกษตร อาหาร ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัยสี่ความจำเป็นแห่งชีวิต หากได้โครงการรถไฟไปทำได้จริง แล้วสามารถต่อยอดด้วยการขนทักษะ องค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ที่มี เช่น เกษตร ปศุสัตว์ อาหาร ความเชี่ยวชาญด้านการตลาด ฯลฯ มาแปลงเป็นประโยชน์หรือมาสร้างประโยชน์ให้ประชาชน ช่วยเหลือประชาชน ก็จะเป็นการตอบโจทย์ได้อย่างสง่างาม ที่สำคัญถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณแผ่นดิน ตามที่คุณธนินท์เคยลั่นวาจาไว้ ซึ่งผมและ(เชื่อว่า)คนไทยทั้งชาติจะปรบมือคารวะด้วยความเต็มใจในฐานะคนจริง ไม่ใช่แค่มาทำธุรกิจให้รวยแล้วเลิก หรือรวยแล้วขนเงินออกไปต่างประเทศ หรือรวยแล้วไม่สนใจประชาชนที่เป็นลูกค้าของธุรกิจคุณ กล้าที่จะนิ่งดูดายหรือมัวแต่คำนวณว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย ต้องมองเห็นทางได้มากกว่าก่อน จึงยอมเข้ามาลงทุน!!!
----------------------------------------
รถไฟความเร็วสูง โปรเจกท์วัดใจมหาเศรษฐีไทย
รายชื่อ 31 บริษัท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กิจกรรมหลังปิดซองถึงวันประมูล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 2.2 แสนล้านบาท ในขณะที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ทั้งโครงการอยู่ภายใต้กรอบเงินลงทุนทั้งสิ้น 1.5 ล้านล้านบาท จะเห็นว่าเป็นโครงการขนาดมหึมา ซึ่งต้องอาศัยเม็ดเงินมหาศาล จึงจำเป็นต้องระดมทุนทั้งจากนักลงทุนในประเทศ ซึ่งต้องดำเนินตามหลักการรัฐร่วมเอกชนหรือ PPP นอกจากนี้ ความสำเร็จของโครงการยังต้องอาศัยความสามารถในการระดมทุนจากต่างประเทศอีกด้วย
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลพยายามทำงานอย่างขะมักเขม้น เช่น เดินสายโรดโชว์ไปสร้างความเชื่อมั่นในต่างประเทศ เพื่อดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามา ซึ่งก็ได้ผลดีทีเดียว เพราะมีนักลงทุนจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ขานรับเข้ามาลงทุนในโครงการอีอีซีจำนวนมาก และมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้นทุกวัน
นอกจากนี้ยังต้องอาศัยสายสัมพันธ์หรือ Connection ที่ดีจากองค์กรธุรกิจเอกชนในประเทศ ที่จะช่วยดึงพันธมิตรจากต่างประเทศให้เข้ามาร่วมทุน ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัด ๆ ก็จากการเข้ามาซื้อซองประมูลในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ของวิสาหกิจและเอกชนจากหลาย ๆ ประเทศ
ในส่วนของนักลงทุนไทย แม้จะแสดงความสนใจเข้าซื้อซองในครั้งนี้หลายราย แต่ก็ถือว่าผู้เล่นหลัก ๆ ที่เป็นเอกชนรายใหญ่ยังน้อย คงจะดีมากกว่านี้ หากเจ้าสัวต่าง ๆ ที่ติดอันดับ Top 5 หรือ Top 10 ของประเทศกระโดดเข้ามาในสนามลงทุนเองในโครงการนี้ หรือช่วยดึงพันธมิตรจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนกันเยอะ ๆ ในโครงการอีอีซี ก็จะเป็นภาพที่สวยงามของการรวมพลังมหาเศรษฐีไทยช่วยชาติ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โครงการรถไฟความเร็วสูงถือเป็นงานชิ้นแรกของอีอีซี ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะนำอย่างอื่นตามมา เพราะฉะนั้น นัยของรถไฟความเร็วสูง จึงไม่ใช่มีแค่งานโครงสร้างหรืองานก่อสร้างราง, งานรถไฟ หรืองานสถานี แต่จะมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ประชาชนจะได้อะไร จะมีกิจกรรมหรือสร้างประโยชน์อะไรให้ประชาชน หรือคนในพื้นที่มีส่วนร่วมอะไรได้บ้าง เป็นต้นว่า สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ฯลฯ
ถ้าเปรียบไปแล้วรถไฟขบวนนี้จะต้องลากจูงประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่มาให้ประชาชน ชุมชนคนในพื้นที่ ณ จุดนี้ผมรู้สึกดี ที่บีทีเอสกับซีพี ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรไทยที่ใหญ่และมีศักยภาพ แสดงตัวชัดเจนว่าต้องการเข้ามาทำโครงการนี้ ซึ่งเป็นประสบการณ์ใหม่ของประเทศ ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่าทำยาก ใช้เงินลงทุนสูง และโอกาสคืนทุนยาวนาน แต่ก็กล้าหาญที่จะเข้ามาแบกภาระเพื่อชาติ
โดยเฉพาะกับซีพีที่มีมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจระดับโลก มีประสบการณ์การธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานเกือบ 100 ปี ทางด้านการเกษตร อาหาร ซึ่งเกี่ยวข้องกับปัจจัยสี่ความจำเป็นแห่งชีวิต หากได้โครงการรถไฟไปทำได้จริง แล้วสามารถต่อยอดด้วยการขนทักษะ องค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ที่มี เช่น เกษตร ปศุสัตว์ อาหาร ความเชี่ยวชาญด้านการตลาด ฯลฯ มาแปลงเป็นประโยชน์หรือมาสร้างประโยชน์ให้ประชาชน ช่วยเหลือประชาชน ก็จะเป็นการตอบโจทย์ได้อย่างสง่างาม ที่สำคัญถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณแผ่นดิน ตามที่คุณธนินท์เคยลั่นวาจาไว้ ซึ่งผมและ(เชื่อว่า)คนไทยทั้งชาติจะปรบมือคารวะด้วยความเต็มใจในฐานะคนจริง ไม่ใช่แค่มาทำธุรกิจให้รวยแล้วเลิก หรือรวยแล้วขนเงินออกไปต่างประเทศ หรือรวยแล้วไม่สนใจประชาชนที่เป็นลูกค้าของธุรกิจคุณ กล้าที่จะนิ่งดูดายหรือมัวแต่คำนวณว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย ต้องมองเห็นทางได้มากกว่าก่อน จึงยอมเข้ามาลงทุน!!!
----------------------------------------