หลังจากที่ทีมหมูป่าออกมาจากถ้ำได้แล้ว ก็มีหลายๆฝ่ายๆหลายๆองค์กร ออกมาแสดงเจตนา
ที่จะให้การช่วยเหลือทีมหมูป่า เช่น ฟีฟ่าจะพาไปดูบอลโลกรอบสุดท้าย, รัฐบาลจะพาไปเที่ยวพัทยา,
บางคนบางองค์กรจะให้ทุนการศึกษา ฯลฯ
ซึ่งก็มีหลายๆคน (รวมถึงกระทู้แนะนำหลายๆกระทู้) ออกมาติงว่า ทีมหมูป่าไม่ใช่ฮีโร่ ไม่ควรจะโอ๋จนเกินเหตุ
และควรไปช่วยเหลือทีมกู้ภัยมากกว่า เหตุผลก็คงอธิบายกันมาเยอะละ ก็จะไม่ขอพูดถึงในส่วนนี้อีก
แต่....อยากให้มองอีกมุมหนึ่งครับ มุมของคนที่เค้าอยากจะให้โน่นให้นี่กับทีมหมูป่า ขออนุญาตเดาความคิดและความรู้สึก
ของคนกลุ่มนี้นะครับ ว่าทำไมเค้าถึงอยากให้ความช่วยเหลือแก่ทีมหมูป่า
1. คนที่เค้าอยากจะช่วยเหลือ เค้าไม่คิดหรอกว่านี่คือการโอ๋ หรือการยกย่องให้เป็นฮีโร่ เค้าเพียงแค่อยากจะ
“ปลอบใจ” เด็กๆที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาก็แค่นั้นเองครับ การปลอบใจทำได้หลายอย่างครับ เช่นการกอด,
การพูดให้กำลังใจ แต่คนบางกลุ่มไม่สามารถจะเข้าไปกอด เข้าไปพูดโดยตรงกับเด็กได้ เค้าจึงเลือกวิธีการ
ปลอบใจตามแบบที่เค้าถนัดแค่นั้นเอง แต่ปัญหาก็คือ หลายๆคนแยกไม่ออกระหว่างคำว่า “ยกย่อง” กับ “ปลอบใจ”
2. ถ้าเค้าจะให้เงินทุนการศึกษา, ออกเงินพาไปดูฟุตบอลโลกฯลฯ ขอให้เข้าใจด้วยว่า นั่นเป็นเงินของเค้าครับ
เค้าอยากจะใช้เงินทำอะไร ให้ใคร ก็เป็นความพึงพอใจของเค้า เราต้องเคารพสิทธิเจ้าของเงินด้วย(ยกเว้น
ถ้าเอาเงินภาษีไปใช้ อันนี้ก็เป็นอีกเรื่อง) ถ้ามีคนไปแย้งเค้าว่า ทำไมไม่เอาเงินนี้ไปช่วยทีมกู้ภัยแทน
แล้วเค้าตอกกลับมาว่า ก็เงินของผม ผมพอใจจะใช้แบบนี้ เราก็คงจะไปเถียงเค้าไม่ได้
3. ไม่ต้องเป็นห่วงหรือเสียดายเงินแทนคนที่เค้ายื่นมาเข้ามาช่วยเหลือหรอกครับ เพราะบางเคสบางกรณี เค้าได้
กลับคืนมากกว่าที่เค้าเสียไปซะอีกครับ ยกตัวอย่างเช่น ฟีฟ่าออกค่าเดินทางไปชมบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซีย
เค้าอาจจะเสียเงินสัก 2-3 ล้านบาท แต่สิ่งที่เค้าได้กลับคืนแน่ๆเลยก็คือได้หน้าครับ ได้ประชาสัมพันธ์ภาพพจน์
ดีๆขององค์กรโดยใช้เงินน้อยกว่าซื้อโฆษณาตามสื่อใหญ่ๆหลายเท่าเลย , หลายๆบริษัทที่เสนอให้ความ
ช่วยเหลือก็ได้ชื่อเสียง ได้ภาพลักษณ์ดีๆขององค์กรกลับไปเช่นกัน อาจจะมีหลายท่านแย้งว่า องค์กรพวกนี้ดังอยู่
แล้ว ไม่จำเป็นต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์ก็ได้ อันนี้ไม่จริงครับ ดูอย่างในบ้านเราก็ได้ อย่างการไฟฟ้า, ปตท.ฯลฯ
ทั้งๆที่เป็นองค์กรที่คนไทยรู้จักดีอยู่แล้ว ก็ยังมีงบประชาสัมพันธ์ปีละหลายล้านเลย คือไม่ได้หมายความว่า
เค้าเหล่านี้ช่วยแบบหวังผล แต่อยากจะบอกแค่ว่า ไม่ต้องห่วงเค้า เค้าไม่ได้เสียอย่างเดียว เค้าก็มีได้กลับไปเช่นกัน
4. หลายๆคนอาจจะเป็นห่วงว่า การให้ความช่วยเหลือทีมหมูป่ามากเกินไป อาจจะทำให้เด็กดีคนอื่นๆน้อยใจ
หรืออาจจะเลยเถิดไปถึงพฤติกรรมเลียนแบบ เรื่องนี้ผมว่าถ้าไม่ใช่คนที่เบื่อโลกจนอยากจะฆ่าตัวตายอยู่แล้วล่ะก็
คงไม่มีใครเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตราย โดยที่ยังไม่รู้อนาคตว่า จะมีใครมาช่วยไม๊? จะช่วยได้ไม๊? จะรอดตายไม๊?
หรือถ้ารอดตายแล้ว จะได้ความช่วยเหลืออะไรบ้าง? หรอกครับ
ส่วนเรื่องที่ว่า เรื่องนี้จะทำให้มีคนน้อยใจ, อิจฉา ฯลฯ อันนี้คงทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ แค่เรียนเก่งกว่า
ทำงานเก่งกว่า ก็ยังโดนอิจฉาเลย มันเป็นธรรมดาของคนสมัยนี้ไปซะแล้ว.
สรุปว่า....เคสนี้ ไม่มีใครได้อย่างเดียวโดยไม่เสีย และก็ไม่มีใครเสียอย่างเดียว โดยไม่ได้ครับ.
สำหรับคนที่เสียสละในการกู้ภัยครั้งนี้ อย่างน้อยที่สุด คุณก็ได้ใจจากคนไทยและคนทั่วโลกแล้วล่ะครับ
การที่หลายๆฝ่าย หลายๆองค์กรอยากเสนอความช่วยเหลือให้ทีมหมูป่าหลังออกมาได้ อยากให้มองอีกมุม
ที่จะให้การช่วยเหลือทีมหมูป่า เช่น ฟีฟ่าจะพาไปดูบอลโลกรอบสุดท้าย, รัฐบาลจะพาไปเที่ยวพัทยา,
บางคนบางองค์กรจะให้ทุนการศึกษา ฯลฯ
ซึ่งก็มีหลายๆคน (รวมถึงกระทู้แนะนำหลายๆกระทู้) ออกมาติงว่า ทีมหมูป่าไม่ใช่ฮีโร่ ไม่ควรจะโอ๋จนเกินเหตุ
และควรไปช่วยเหลือทีมกู้ภัยมากกว่า เหตุผลก็คงอธิบายกันมาเยอะละ ก็จะไม่ขอพูดถึงในส่วนนี้อีก
แต่....อยากให้มองอีกมุมหนึ่งครับ มุมของคนที่เค้าอยากจะให้โน่นให้นี่กับทีมหมูป่า ขออนุญาตเดาความคิดและความรู้สึก
ของคนกลุ่มนี้นะครับ ว่าทำไมเค้าถึงอยากให้ความช่วยเหลือแก่ทีมหมูป่า
1. คนที่เค้าอยากจะช่วยเหลือ เค้าไม่คิดหรอกว่านี่คือการโอ๋ หรือการยกย่องให้เป็นฮีโร่ เค้าเพียงแค่อยากจะ
“ปลอบใจ” เด็กๆที่ผ่านเรื่องร้ายๆมาก็แค่นั้นเองครับ การปลอบใจทำได้หลายอย่างครับ เช่นการกอด,
การพูดให้กำลังใจ แต่คนบางกลุ่มไม่สามารถจะเข้าไปกอด เข้าไปพูดโดยตรงกับเด็กได้ เค้าจึงเลือกวิธีการ
ปลอบใจตามแบบที่เค้าถนัดแค่นั้นเอง แต่ปัญหาก็คือ หลายๆคนแยกไม่ออกระหว่างคำว่า “ยกย่อง” กับ “ปลอบใจ”
2. ถ้าเค้าจะให้เงินทุนการศึกษา, ออกเงินพาไปดูฟุตบอลโลกฯลฯ ขอให้เข้าใจด้วยว่า นั่นเป็นเงินของเค้าครับ
เค้าอยากจะใช้เงินทำอะไร ให้ใคร ก็เป็นความพึงพอใจของเค้า เราต้องเคารพสิทธิเจ้าของเงินด้วย(ยกเว้น
ถ้าเอาเงินภาษีไปใช้ อันนี้ก็เป็นอีกเรื่อง) ถ้ามีคนไปแย้งเค้าว่า ทำไมไม่เอาเงินนี้ไปช่วยทีมกู้ภัยแทน
แล้วเค้าตอกกลับมาว่า ก็เงินของผม ผมพอใจจะใช้แบบนี้ เราก็คงจะไปเถียงเค้าไม่ได้
3. ไม่ต้องเป็นห่วงหรือเสียดายเงินแทนคนที่เค้ายื่นมาเข้ามาช่วยเหลือหรอกครับ เพราะบางเคสบางกรณี เค้าได้
กลับคืนมากกว่าที่เค้าเสียไปซะอีกครับ ยกตัวอย่างเช่น ฟีฟ่าออกค่าเดินทางไปชมบอลโลกรอบสุดท้ายที่รัสเซีย
เค้าอาจจะเสียเงินสัก 2-3 ล้านบาท แต่สิ่งที่เค้าได้กลับคืนแน่ๆเลยก็คือได้หน้าครับ ได้ประชาสัมพันธ์ภาพพจน์
ดีๆขององค์กรโดยใช้เงินน้อยกว่าซื้อโฆษณาตามสื่อใหญ่ๆหลายเท่าเลย , หลายๆบริษัทที่เสนอให้ความ
ช่วยเหลือก็ได้ชื่อเสียง ได้ภาพลักษณ์ดีๆขององค์กรกลับไปเช่นกัน อาจจะมีหลายท่านแย้งว่า องค์กรพวกนี้ดังอยู่
แล้ว ไม่จำเป็นต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์ก็ได้ อันนี้ไม่จริงครับ ดูอย่างในบ้านเราก็ได้ อย่างการไฟฟ้า, ปตท.ฯลฯ
ทั้งๆที่เป็นองค์กรที่คนไทยรู้จักดีอยู่แล้ว ก็ยังมีงบประชาสัมพันธ์ปีละหลายล้านเลย คือไม่ได้หมายความว่า
เค้าเหล่านี้ช่วยแบบหวังผล แต่อยากจะบอกแค่ว่า ไม่ต้องห่วงเค้า เค้าไม่ได้เสียอย่างเดียว เค้าก็มีได้กลับไปเช่นกัน
4. หลายๆคนอาจจะเป็นห่วงว่า การให้ความช่วยเหลือทีมหมูป่ามากเกินไป อาจจะทำให้เด็กดีคนอื่นๆน้อยใจ
หรืออาจจะเลยเถิดไปถึงพฤติกรรมเลียนแบบ เรื่องนี้ผมว่าถ้าไม่ใช่คนที่เบื่อโลกจนอยากจะฆ่าตัวตายอยู่แล้วล่ะก็
คงไม่มีใครเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตราย โดยที่ยังไม่รู้อนาคตว่า จะมีใครมาช่วยไม๊? จะช่วยได้ไม๊? จะรอดตายไม๊?
หรือถ้ารอดตายแล้ว จะได้ความช่วยเหลืออะไรบ้าง? หรอกครับ
ส่วนเรื่องที่ว่า เรื่องนี้จะทำให้มีคนน้อยใจ, อิจฉา ฯลฯ อันนี้คงทำอะไรไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ แค่เรียนเก่งกว่า
ทำงานเก่งกว่า ก็ยังโดนอิจฉาเลย มันเป็นธรรมดาของคนสมัยนี้ไปซะแล้ว.
สรุปว่า....เคสนี้ ไม่มีใครได้อย่างเดียวโดยไม่เสีย และก็ไม่มีใครเสียอย่างเดียว โดยไม่ได้ครับ.
สำหรับคนที่เสียสละในการกู้ภัยครั้งนี้ อย่างน้อยที่สุด คุณก็ได้ใจจากคนไทยและคนทั่วโลกแล้วล่ะครับ