7 เรื่องที่เราได้รู้จากแมตช์ รัสเซีย 2-2 โครเอเชีย (ลูกโทษ 3-4)

1.ความเป็นมืออาชีพของผู้เล่นทั้งสองฝั่ง
ขณะที่โครเอเชียนำรัสเซีย 2-1 เราได้เห็นลูก้า โมดริช เล่นลูกฟรีคิกอย่างรวดเร็วเพื่อให้เกมเดินต่อ แทนที่จะดึงเวลาเพื่อให้รัสเซียมีเวลาเล่นน้อยลง และในเกมนี้เรายังได้เห็นการฟาวล์เพื่อตัดเกมอยู่บ่อยครั้ง แต่น่าแปลกใจมากที่ในวันนี้ทั้งสองทีมไม่มีมีการทะเลาะเบาะแว้งกันเลย ถือว่าควบคุมอารมณ์ได้ดีมาก ต้องชื่นชมทั้งสองทีม ที่มีความเป็นมืออาชีพสูง และไม่ใช้การเล่นนอกเกมมาสร้างความได้เปรียบให้ทีมตัวเอง
2.จิตใจที่แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของทีมหมีขาว
ในนาทีที่ 101 โครเอเชียได้ประตูจากลูกโหม่งของโดมาโกจ์ วิด้า โครแอตนำ 2-1 หลายๆคนหรือแม้กระทั่งกองเชียร์ทีมเจ้าภาพ อาจคิดว่าเกมจบแล้ว รัสเซียคงต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เพราะเหลือเวลาเพียงแค่ 20 นาที แต่นักเตะทีมเจ้าภาพไม่คิดแบบนั้น พวกเขาดูไม่ท้อแท้เลยสักนิด และยังพยายามทำประตูจนหยดสุดท้าย และความพยายามของพวกเขาสัมฤทธิ์ผล ในนาทีที่ 115 รัสเซียตีเสมอได้จากลูกโหม่งของมาริโอ เฟอร์นันเดซ
3.ลูก้า โมดริช คือผู้เล่นทุกๆทีมสมควรมี
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ขณะที่นักเตะคนอื่นๆหมดแรงวิ่งต่อไม่ไหว บางคนก็เจ็บจนเล่นต่อไม่ได้ แต่โมดริชยังสามารถสร้างสรรค์เกม และเดินเกมรุก วิ่งไปสุดเส้นเพื่อเปิดบอล เหมือนปกติ ถือว่าเป็นนักเตะที่มีสภาพร่างกายดีมากๆอีกคนนึงทีเดียว จากผลงานในเกมนี้ การที่เขาจะถูกยกย่องให้เป็นผู้เล่น mvp ก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด เรอัล มาดริด ถือว่าโชคดีมากที่มีเขาค้าแข้งอยู่ด้วย
4.ความสุดยอดและยิ่งใหญ่ของกองเชียร์ทีมเจ้าภาพ
ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ รัสเซียถือว่าทำได้ดีมาก แม้ว่าจะไม่ได้มีผู้เล่นที่มีชื่อเสียงอยู่ในทีมก็ตาม แต่พวกเขามีสิ่งที่ทรงพลังกว่านั้น นั่นคือผู้เล่นคนที่ 12 หรือแฟนบอลของพวกเขานั่นเอง ตั้งแต่แมตช์แรก เราได้เห็นแฟนบอลทีมเจ้าภาพตามมาเชียร์กันอย่างล้นหลาม ยิ่งรัสเซียผลงานดีขึ้นเท่าไร ยิ่งปลุกแรงฮึกเหิมของกองเชียร์ได้มากเท่านั้น และในทางกลับกัน ยิ่งกองเชียร์ฮึกเหิมมากเท่าไร นักเตะก็มีกำลังใจและแรงฮึดสู้มากขึ้นเช่นกัน ในแมตช์นี้เช่นกัน เราได้เห็นกองเชียร์ทีมเจ้าภาพอยู่เต็มอัฒจรรย์ โห่ร้องและให้กำลังใจนักเตะ ถือเป็นภาพที่น่าขนลุกทีเดียว
5.ความใจสู้ของผู้รักษาประตูทีมตราหมากรุก ดานิเยล ซูบาซิช
ประมาณนาทีที่ 80 ดานิเยล ซูบาซิช พุ่งไปรับบอล แต่จู่ๆเขาก็หยุดชะงักไป และบาดเจ็บที่บริเวณหลังขา นั่นอาจเป็นฝันร้ายของโครเอเชีย เพราะใช้โควตาเปลี่ยนตัวครบ 3 คนแล้ว การเล่นโดยไม่มีผู้รักษาประตูเป็นอะไรที่เลวร้ายมาก แต่ซูบาซิช ยังไม่ยอมแพ้ หลังจากทีมแพทย์มาปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เขาแล้ว เขายังสามารถเล่นต่อได้ ในบางจังหวะเห็นได้ชัดเจนว่าเขาเจ็บอยู่ จากการพุ่งไปรับบอลได้ไม่เต็มที่ แม้ว่าในช่วงต่อเวลาพิเศษจะเปลี่ยนตัวเพิ่มได้อีกหนึ่งคน แต่เขาก็ไม่ร้องขอให้เปลี่ยนตัวเขาออก คิดว่าเขาคงเชื่อว่าเขาสามารถเล่นได้ และทีมคงต้องการความสามารถในการเซฟจุดโทษของเขาแน่นอน
6.สภาพร่างกายของทีมโครแอต และความได้เปรียบของทีมชาติอังกฤษ
หลังจบเกมนี้ คิดว่านักเตะโครเอเชียทุกคนคงเหนื่อยล้ามากๆ พวกเขามีเวลาพักก่อนพบกับอังกฤษเพียง 4 วัน ไม่มั่นใจว่านั่นจะพอหรือไม่ เปรียบเทียบกับอังกฤษ ที่ไม่ได้เจอแมตช์ที่หนักหน่วงเท่าโครแอต ต้องรอดูว่าแกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษจะใช้ประโยชน์จากสภาพร่างกายที่อ่อนล้าของนักเตะทีมชาติโครเอเชียได้หรือไม่
7.สุดยอดความดราม่าระดับห้าดาว ลุ้นยันจบเกม
ในเกมนี้มีเหตุการณ์ที่พลิกไปพลิกมาหลายครั้งมาก คงไม่ต้องอธิบายถึงเหตุการณ์พวกนั้น เพราะทุกคนคงเข้าใจตั้งแต่ที่ดูแล้ว เชื่อว่าแมตช์นี้คงอยู่ในความทรงจำของผู้เล่นทั้งสองฝั่งไปอีกนาน รวมถึงแฟนบอลในสนามและคนดูทางบ้านด้วยที่ได้เห็นเหตุการณ์ดราม่าทั้งหมดนี้ด้วยตาตัวเอง และมันคงจะเป็นความประทับใจไปอีกนาน
Photo from FIFA World Cup and Getty Images


ติดตามข่าวสารฟุตบอลและวิเคราะห์ฟุตบอลได้ที่เพจ หัดเชียร์บอลโลก https://www.facebook.com/trying2cheer/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่