รบกวนปรึกษาหน่อยนะครับ พอดีผมเพิ่งจะติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์เป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยมีความรู้ เพิ่งจะมาเริ่มหาอ่านพื้นฐานเมื่อไม่นานมานี้หลังจากติดตั้งมาแล้วแอมป์มีปัญหา ตัดการทำงานครับ ซึ่งเดี๋ยวคงจะกลับเข้าไปให้ทางร้านช่วยแก้ไขอีกที แต่พอเราได้อ่านและศึกษาเองมากขึ้น ทำให้อยากจะเลือกแนวทางการแก้ไขที่ถูกต้อง ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะตรงกับที่ร้านจะแก้ไขให้หรือเปล่านะครับ
ปัจจุบันอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ตามนี้ครับ
- Front เดิมติดรถยนต์ + ปรีแอมป์ (กำลังมีแผนจะไปเปลี่ยนเป็น Processor/DSP)
- แอมป์ Mercury M420 Class AB 4 Channel (120 watts x 4 @2 Ohm / Power Bridge 220 watts x 2 @4 Ohm) 1 เครื่อง
- ลำโพงคู่หน้า Audison Limited ขนาด 2 Ohm 1 คู่ (แบบ 2 way แยกชิ้น Woofer 6.5" + tweeter 26mm) ติดตั้งที่ประตูข้างทั้งหมด
- ลำโพง Tweeter T&W ขนาด 4 Ohm 1 คู่ (28mm) ติดตั้งที่ด้านหน้าตรงเสา A
- ลำโพงคู่หลัง Audison Limited ขนาด 2 Ohm 1 คู่ (แบบ 2 way แยกชิ้น Woofer 6.5" + tweeter 26mm) ติดตั้งที่ประตูข้างทั้งหมด
- ลำโพง Sub เดิมติดรถ ขนาด 4 Ohm 1 ตัว ติดตั้งที่ด้านท้ายรถ
ปัญหาที่เกิดคือบางวัน พอเล่นเพลงไปซักระยะเสียงจะดับเหมือนแอมป์ตัดการทำงาน ต้องจอดรถดับเครื่องปิดเปิดแอมป์ใหม่ แต่ไม่ได้เป็นทุกครั้งนะครับ คาดว่าน่าจะเกิดจากระบบ Protection ของแอมป์ตัดการทำงาน แต่ไม่สามารถจับอาการได้ว่าจะดับเมื่อไหร่ อย่างไร บางทีขับรถฟังเพลงไปนานๆ ก็ปรกติ ไม่ตัดครับ
ด้วยความสงสัยก่อนนำรถเข้าไปให้ทางร้านตรวจสอบและแก้ไข เลยมาหาข้อมูลเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ดู ก็ทราบว่าปรกติแอมป์ในแต่ละ Channel จะรองรับ impedance ได้ไม่ต่ำกว่า 2 Ohm ซึ่งจาก spec ของลำโพงทั้งหมดในรถผม ผมคิดว่า
- การต่อแอมป์ 2 Channel หน้า ทางร้านน่าจะต่อลำโพงคู่หน้า (2 Ohm) + Tweeter (4 Ohm) ซึ่งถ้าต่อแบบขนาน impedance รวมจะได้ 1.33 Ohm ต่อ Channel ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แอมป์ตัดการทำงานหรือเปล่าครับ (เดิมลำโพงคู่หน้าจากโรงงานขนาดแค่ 4 Ohm ซึ่งหลังจากเปลี่ยนเป็นลำโพง 2 Ohm แล้วยังไปเพิ่ม Tweeter ที่เสา A อีก)
- ส่วนลำโพงคู่หลังและลำโพง Sub น่าจะต่อกับแอมป์ 2 Channel หลังหรือเปล่าครับ ซึ่งผมไม่ทราบว่าต่ออย่างไร เพราะแอมป์น่าจะต่อ bridge กับลำโพง Sub แล้วยังต้องต่อลำโพงคู่หลังข้างละ 2 Ohm อีก เลยยังสงสัยในการติดตั้งอยู่ครับ
ตอนไปติดตั้งครั้งแรกผมตั้งใจว่าเน้นเสียงกลางสูงและรายละเอียด ไม่ได้เน้นเบสหนักๆ ครับ เลยไม่คิดจะติดตั้งแอมป์ Class D ทางร้านจึงแนะนำเฉพาะ Class AB ตัวเดียวต่อให้จนสามารถใช้งานได้ แต่พอมีอาการบางครั้งแอมป์ตัดการทำงานก็เลยสงสัย จึงรบกวนขอคำแนะนำและมีคำถามดังนี้ครับ
1. จากชุดลำโพงทั้งหมดที่ติดตั้งของผม ถึงผมจะไม่ได้เน้นเสียงเบสหนักๆ ก็ควรต้องมีแอมป์เพิ่มอีกตัวเพื่อรองรับจำนวนลำโพงที่เพิ่มมา โดยเฉพาะเปลี่ยนเป็นลำโพงขนาด 2 Ohm ด้วยหรือเปล่าครับ ซึ่งถ้านำลำโพงหน้ากับ Tweeter มาต่อแบบอนุกรมแทนก็น่าจะได้ค่า impedance = 2+4 = 6 Ohm มากกว่า 2 Ohm ต่อได้ก็จริง แต่ก็ทำให้แอมป์ขับลำโพงได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหรือเปล่าครับ
2. ถ้าการเพิ่มแอมป์อีกตัวจะช่วยให้ระบบและลำโพงทุกตัวทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ตอนแรกผมติดว่าจะเพิ่มแอมป์ Class D เล็กๆ มาขับลำโพง Sub ต่างหาก แต่ก็อาจจะยังไม่ได้แก้ปัญหาที่ลำโพงคู่หน้ากับ Tweeter ถ้าต่อขนานกันได้ impedance รวม 1.33 Ohm ทำให้ระบบตัดหรือเปล่าครับ ซึ่งอาจจะยังแก้ปัญหาไม่ได้ (กรณีที่ไม่อยากต่อลำโพงหน้ากับ Tweeter แบบอนุกรม)
3. หรือผมควรเพิ่มแอมป์ Class AB อีกตัวเลยครับ เพื่อจะได้ขับลำโพงคู่หน้าและคู่หลังแบบเต็มๆ ดอกละ 2 Ohm ต่อ Channel ไปเลย แล้วแอมป์ Class AB อีกตัวไว้ขับ Tweeter กับทำ bridge ต่อลำโพง Sub แทน ซึ่งกำลัง Sub อาจจะไม่เท่า Class D แต่ก็เพียงพอสำหรับผมและได้ประสิทธิภาพและรายละเอียดของกลางแหลมให้กับลำโพงคู่หน้าและหลังได้ดีกว่า
รบกวนขอคำแนะนำและความรู้ด้วยนะครับ ผมอาจจะเข้าใจผิดถูกอย่างไร ช่วยชี้แนะได้เลยครับ นี่ถ้าระบบไม่เกิดปัญหา ผมก็คงติดตั้งมาแล้วก็ฟังอย่างเดียวโดยไม่ได้ศึกษาหรือสนใจทางเทคนิคใดๆ เลย มองอีกด้านก็มีประโยชน์เหมือนกันที่ระบบมีปัญหา ทำให้ได้มาลองศึกษาเพิ่มเติมเองครับ ขอบคุณครับ
ติดตั้งเครื่องเสียงแอมป์ Class AB แล้วแอมป์ตัดการทำงาน ควรเลือกแนวทางการแก้ไขอย่างไรดีครับ
ปัจจุบันอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ตามนี้ครับ
- Front เดิมติดรถยนต์ + ปรีแอมป์ (กำลังมีแผนจะไปเปลี่ยนเป็น Processor/DSP)
- แอมป์ Mercury M420 Class AB 4 Channel (120 watts x 4 @2 Ohm / Power Bridge 220 watts x 2 @4 Ohm) 1 เครื่อง
- ลำโพงคู่หน้า Audison Limited ขนาด 2 Ohm 1 คู่ (แบบ 2 way แยกชิ้น Woofer 6.5" + tweeter 26mm) ติดตั้งที่ประตูข้างทั้งหมด
- ลำโพง Tweeter T&W ขนาด 4 Ohm 1 คู่ (28mm) ติดตั้งที่ด้านหน้าตรงเสา A
- ลำโพงคู่หลัง Audison Limited ขนาด 2 Ohm 1 คู่ (แบบ 2 way แยกชิ้น Woofer 6.5" + tweeter 26mm) ติดตั้งที่ประตูข้างทั้งหมด
- ลำโพง Sub เดิมติดรถ ขนาด 4 Ohm 1 ตัว ติดตั้งที่ด้านท้ายรถ
ปัญหาที่เกิดคือบางวัน พอเล่นเพลงไปซักระยะเสียงจะดับเหมือนแอมป์ตัดการทำงาน ต้องจอดรถดับเครื่องปิดเปิดแอมป์ใหม่ แต่ไม่ได้เป็นทุกครั้งนะครับ คาดว่าน่าจะเกิดจากระบบ Protection ของแอมป์ตัดการทำงาน แต่ไม่สามารถจับอาการได้ว่าจะดับเมื่อไหร่ อย่างไร บางทีขับรถฟังเพลงไปนานๆ ก็ปรกติ ไม่ตัดครับ
ด้วยความสงสัยก่อนนำรถเข้าไปให้ทางร้านตรวจสอบและแก้ไข เลยมาหาข้อมูลเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องเสียงรถยนต์ดู ก็ทราบว่าปรกติแอมป์ในแต่ละ Channel จะรองรับ impedance ได้ไม่ต่ำกว่า 2 Ohm ซึ่งจาก spec ของลำโพงทั้งหมดในรถผม ผมคิดว่า
- การต่อแอมป์ 2 Channel หน้า ทางร้านน่าจะต่อลำโพงคู่หน้า (2 Ohm) + Tweeter (4 Ohm) ซึ่งถ้าต่อแบบขนาน impedance รวมจะได้ 1.33 Ohm ต่อ Channel ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้แอมป์ตัดการทำงานหรือเปล่าครับ (เดิมลำโพงคู่หน้าจากโรงงานขนาดแค่ 4 Ohm ซึ่งหลังจากเปลี่ยนเป็นลำโพง 2 Ohm แล้วยังไปเพิ่ม Tweeter ที่เสา A อีก)
- ส่วนลำโพงคู่หลังและลำโพง Sub น่าจะต่อกับแอมป์ 2 Channel หลังหรือเปล่าครับ ซึ่งผมไม่ทราบว่าต่ออย่างไร เพราะแอมป์น่าจะต่อ bridge กับลำโพง Sub แล้วยังต้องต่อลำโพงคู่หลังข้างละ 2 Ohm อีก เลยยังสงสัยในการติดตั้งอยู่ครับ
ตอนไปติดตั้งครั้งแรกผมตั้งใจว่าเน้นเสียงกลางสูงและรายละเอียด ไม่ได้เน้นเบสหนักๆ ครับ เลยไม่คิดจะติดตั้งแอมป์ Class D ทางร้านจึงแนะนำเฉพาะ Class AB ตัวเดียวต่อให้จนสามารถใช้งานได้ แต่พอมีอาการบางครั้งแอมป์ตัดการทำงานก็เลยสงสัย จึงรบกวนขอคำแนะนำและมีคำถามดังนี้ครับ
1. จากชุดลำโพงทั้งหมดที่ติดตั้งของผม ถึงผมจะไม่ได้เน้นเสียงเบสหนักๆ ก็ควรต้องมีแอมป์เพิ่มอีกตัวเพื่อรองรับจำนวนลำโพงที่เพิ่มมา โดยเฉพาะเปลี่ยนเป็นลำโพงขนาด 2 Ohm ด้วยหรือเปล่าครับ ซึ่งถ้านำลำโพงหน้ากับ Tweeter มาต่อแบบอนุกรมแทนก็น่าจะได้ค่า impedance = 2+4 = 6 Ohm มากกว่า 2 Ohm ต่อได้ก็จริง แต่ก็ทำให้แอมป์ขับลำโพงได้ไม่เต็มประสิทธิภาพหรือเปล่าครับ
2. ถ้าการเพิ่มแอมป์อีกตัวจะช่วยให้ระบบและลำโพงทุกตัวทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ตอนแรกผมติดว่าจะเพิ่มแอมป์ Class D เล็กๆ มาขับลำโพง Sub ต่างหาก แต่ก็อาจจะยังไม่ได้แก้ปัญหาที่ลำโพงคู่หน้ากับ Tweeter ถ้าต่อขนานกันได้ impedance รวม 1.33 Ohm ทำให้ระบบตัดหรือเปล่าครับ ซึ่งอาจจะยังแก้ปัญหาไม่ได้ (กรณีที่ไม่อยากต่อลำโพงหน้ากับ Tweeter แบบอนุกรม)
3. หรือผมควรเพิ่มแอมป์ Class AB อีกตัวเลยครับ เพื่อจะได้ขับลำโพงคู่หน้าและคู่หลังแบบเต็มๆ ดอกละ 2 Ohm ต่อ Channel ไปเลย แล้วแอมป์ Class AB อีกตัวไว้ขับ Tweeter กับทำ bridge ต่อลำโพง Sub แทน ซึ่งกำลัง Sub อาจจะไม่เท่า Class D แต่ก็เพียงพอสำหรับผมและได้ประสิทธิภาพและรายละเอียดของกลางแหลมให้กับลำโพงคู่หน้าและหลังได้ดีกว่า
รบกวนขอคำแนะนำและความรู้ด้วยนะครับ ผมอาจจะเข้าใจผิดถูกอย่างไร ช่วยชี้แนะได้เลยครับ นี่ถ้าระบบไม่เกิดปัญหา ผมก็คงติดตั้งมาแล้วก็ฟังอย่างเดียวโดยไม่ได้ศึกษาหรือสนใจทางเทคนิคใดๆ เลย มองอีกด้านก็มีประโยชน์เหมือนกันที่ระบบมีปัญหา ทำให้ได้มาลองศึกษาเพิ่มเติมเองครับ ขอบคุณครับ