เมื่อมิตรภาพอยู่เหนือชัยชนะ เกร็ดจาก แมตช์ฝรั่งเศส 2-0 อุรุกวัย

#หัดเชียร์บอล
ฝรั่งเศส 2-0 อุรุกวัย
หากความพ่ายแพ้ของโคลอมเบียเกิดจากการที่ไม่มีฮาเมส โรดริเกรซ คอยขับเคลื่อนเกมรุกอยู่ในสนามแล้ว ก็คงจะพูดได้อย่างเต็มปากว่า ความพ่ายแพ้ของอุรุกวัยเกิดจากการที่ไม่มีเอดิสัน คาวานี่ คอยประสานงานกับหลุยส์ ซัวเรสที่แดนหน้าเช่นกัน

ในเกมนี้ อุรุกวัยใช้แท็คติกการตั้งรับแล้วรอจังหวะสวนกลับอย่างที่พวกเขาเคยใช้ในเกมกับโปรตุเกส ซึ่งเหมาะสมแล้ว เพราะนักเตะจากเมืองน้ำหอมมีทักษะที่มากกว่า การเปิดเกมบุกใส่อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก แต่โชคร้ายที่เกมสวนของพวกเขามีประสิทธิภาพด้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากคริสเตียน สตูอานี่ กองหน้าจากสโมสรฌิโรนา ไม่สามารถทดแทนคุณภาพของเอดิสัน คาวานี่ได้ เมื่อไม่มีคู่หูที่เล่นกันอย่างรู้ใจ ทำให้หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าจากบาร์เซโลน่า แทบจะหายไปจากเกม

ในนาทีที่ 14 ฝรั่งเศสมีลุ้นขึ้นนำจากลูกโหม่งของดาวรุ่งอนาคตไกลอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ แต่น่าเสียดายที่จังหวะกระโดดนั้นดูจะผิดจังหวะไปเล็กน้อย ทำให้บอลลอยข้ามคานออกไป

ในเกมนี้เราได้เห็นอุรุกวัยใช้การทำฟาวล์เพื่อตัดเกมอยู่บ่อยครั้ง สมกับฉายาจอมโหด แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อพวกเขาเสมอไป ในนาทีที่ 38 โรดริโก้ เบนตันกูร์ กองกลางดาวรุ่งจากยูเวนตุส ทำฟาวล์ใส่นักเตะฝรั่งเศส และได้รับใบเหลือง ฝรั่งเศสได้ยิงฟรีคิก

อองตวน กรีซมันน์ รับหน้าที่ยิงฟรีคิกจากจังหวะนี้ เขาหลอกหนึ่งจังหวะก่อนจะยิง ซึ่งนั่นทำให้ราฟาเอล วาราน กองหลังจากเรอัล มาดริด หลุดจากตัวประกบ และโฉบเข้ามาโหม่งอย่างสวยงาม และในนาทีที่ 40 ทีมตราไก่ออกนำก่อน 1-0

ในนาทีที่ 43 อุรุกวัยได้ฟาวล์ ลูคัส ตอร์เรร่าเป็นคนเปิดลูกฟรีคิก เป็นมาร์ติน คาเซเรส ที่โหม่งได้ แต่อูว์โก โยริส ปฏิกิริยาเร็วพอที่จะกระโดดไปปัดไว้ได้ ดิเอโก้ โกดิน เข้ามาซ้ำ แต่บอลลอยข้ามคานออกไป น่าเสียดายที่พวกเขาคว้าโอกาสนั้นไว้ไม่ได้ และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 1-0 ฝรั่งเศสกุมความได้เปรียบเหนืออุรุกวัยไว้ได้

เริ่มครึ่งหลัง อุรุกวัยพยายามบุกมากขึ้นเพื่อตีเสมอ แต่พวกเขายังทำได้ไม่ดีพอ และฝันร้ายก็มาเยือนพวกเขา

ในนาทีที่ 60 อองตวน กรีซมันน์ กองหน้าวัย 27 ปีจากแอตเลติโก มาดริด ลองยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษ ลูกยิงตรงตัวผู้รักษาประตู เฟอร์นานโด มูสเรลา เชื่อว่าเขาต้องการเอามือแปะบอลเผื่อนำมาเล่นเร็ว แต่ทว่าลูกยิงนั้นแรงและส่ายมาก ทำให้บอลแฉลบมือผู้รักษาประตูเข้าโกล ฝรั่งเศสนำห่าง 2-0

ในนาทีที่ 63 คริสเตียน โรดริเกรซ มีโอกาสยิงไกลเต็มข้อ น่าเสียดายที่บอลเลยเสาประตูออกไปนิดเดียว อุรุกวัยเกือบตีไข่แตกได้

ประมาณนาทีที่ 69 คีเลียน เอ็มบัปเป้ ล้มลงไปกองกับพื้น จากการโดนแขนของคริสเตียน โรดริเกรซ นั่นทำให้นักเตะอุรุกวัยไม่พอใจมาก เนื่องจากทีมเป็นฝ่ายตามอยู่ และมองว่าเอ็มบัปเป้จงใจแกล้งเจ็บเพื่อถ่วงเวลา มีการชุลมุนอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเข้ามาไกล่เกลี่ยและมอบใบเหลืองให้ตัวต้นเหตุทั้งคู่

สุดท้ายแล้วเกมก็มาถึงจุดจบ ฝรั่งเศสสามารถบดเอาชัยชนะอุรุกวัยไปได้ 2-0 แม้รูปเกมจะไม่น่าตื่นเต้นมากนัก แต่เราก็ยังได้เห็นอีกด้านหนึ่งของฟุตบอล น้ำตาของโฆเซ่ กิเมเนซ ที่ร้องไห้ตั้งแต่ยังไม่จบเกม หรือแม้แต่ลูกๆของหลุยส์ ซัวเรซ ที่เศร้าโศกจากการที่ทีมของพ่อพวกเขาตกรอบ และความมีน้ำใจนักกีฬาของ อองตวน กรีซมันน์

ปกติหลังจากกรีซมันน์ทำประตูได้ หลายคนคงคุ้นตากับท่าเต้นฉลองการยิงประตู 'Take the L' ของเขา ซึ่งมาจากเกม Fortnite แต่ในวันนี้ หลังจากเขายิงได้ เขาเลือกที่จะไม่แสดงความดีใจ เพื่อให้เกียรติเพื่อนร่วมสโมสร คือดิเอโก้ โกดิน และโฆเซ่ กิเมเนซ คู่หูกองหลังชาวอุรุกวัย ที่ต้องผิดหวังเพราะลูกยิงของเขา แสดงให้เห็นว่า ฟุตบอลนั้นไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่ยังเต็มไปด้วยอารมณ์และสิ่งดีๆอีกมากมาย
รูปจาก FIFA World Cup


คิดเห็นอย่างไรเชิญติชมได้เต็มที่เลยนะครับ เพิ่งหัดเขียนเรื่องยาวๆ หากมีข้อผิดพลาดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณมากครับ
ติดตามต่อได้ในเพจ หัดเชียร์บอลโลก https://www.facebook.com/trying2cheer/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่