คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ตอนแรกผมก็เป็นแบบคุณนี่แหละครับ แต่ต่างกันเล็กน้อยตรงที่ก่อนหน้านี้เวลาฟัง ผมจะมีปัญหาฟังไม่ค่อยได้
สุดท้ายทำงานได้เงินมาก้อนหนึ่ง บวกกับเห็นเพื่อน ๆ ไปทำงานต่างประเทศกันเยอะ ก็เลยเอาเงินก้อนนั้นไปลงเรียนภาษาเพิ่มแทนการเปย์ความสุข
แจงรายละเอียดเลยนะครับ (ในระดับของคุณน่าจะเท่ากับผมช่วงก่อนหน้านี้)
-เราจะไปไวกว่าคนอื่นในคลาสครับ ส่วนใหญ่เขาจะสอนกันตามหนังสือและให้ฝึกการพูดกัน แต่บางคนออกห้องเรียนแล้วก็จบ ไม่ฝึกต่อ คลังคำศัพท์ในหัวเลยน้อย แต่ในขณะที่คนที่ชอบดูหนัง ชอบฟังเพลงอังกฤษ หรือคนที่ชอบดูซับอังกฤษ จะไหลลื่น
-ปัญหาที่หลายคนก้าวไม่พ้นคือ "อาย" และกลัวโดน "แขวะ" ผมเลยเปลี่ยนความคิดใหม่เป็นว่า "ถ้าใครมีปัญหากับการพูดภาษาอังกฤษของผม เชิญมาซัดกันตัวต่อตัว" ซึ่งเอาจริง ๆ ไม่มีใครคิดเยอะขนาดนั้นครับ แต่ผมคิดเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง เวลาเจอชาวต่างชาติก็กล้าพูด ตอนเรียนกับอาจารย์ชาวต่างชาติ ก็กลายเป็นคนเดียวในห้องที่พูดมากไปโดยปริยาย
-จากข้อบน เมื่อคุณเอาชนะมันได้ คุณก็จะรู้สึกว่า "ไม่เห็นเป็นไรนี่ พูดก็ได้นี่หว่า"
-จากข้อบน เมื่อคุณก้าวผ่านไปได้ คุณจะมีกำลังใจในการเรียนและฝึกมากขึ้นครับ แต่ก็นั่นแหละครับ มนุษย์เราไม่ได้เกิดมาใช้อังกฤษตั้งแต่เกิด หลายคนก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อภาษาอังกฤษเช่นกัน ที่ผมพบเจอก็คือหลายคนล้มเลิกความตั้งใจตรงนี้ออกไป เพราะเขารู้สึกว่าไม่ใช่ทาง แต่พอไปเรียนภาษาอื่น กลับคล่องกว่าอังกฤษ เช่นบางคนเรียนอังกฤษได้งู ๆ ปลา ๆ แต่พอไปเรียนญี่ปุ่นที่มีอักษร 3 แบบ คันจิเป็นพันตัว กลับจำได้แม่น พูดได้คล่องซะงั้น
โอเคนอกเรื่องไปหน่อย ผมจะบอกว่า การเรียนภาษาน่ะมันช่วยให้คุณได้รู้ว่าคุณชอบมันขนาดไหน ถ้าชอบมาก ก็จะสนุกกับการเรียน และชาวต่างชาติทุกคนจะพูดแบบเดียวกันว่า "ความผิดพลาด จะช่วยให้คุณเก่งขึ้น" ก็คือเขาสอนแล้วเขาอยากให้คุณพูดเยอะ ๆ ครับ แล้วตรงไหนผิด เขาจะช่วยแก้ เช่นออกเสียงแบบนี้ ปรับแก้ทางปากแบบนี้ ฯลฯ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเรียนกับชาวต่างชาติจะช่วยให้เก่งขึ้นได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับการฝึกด้วยครับ ถ้าออกนอกห้องแล้วไม่ทำอะไรหรืออ้างงานเยอะ ก็จบ ไม่ต้องเรียนดีกว่า แบ่งเวลาฝึกวันละ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเอาครับ
เทคนิคการฝึกก็ตามนั้นเลยครับ อ่าน ฟัง พูด เขียน
อ่าน เพื่อให้เราจำคำศัพท์เยอะ ๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ที่ซีเอ็ดทำหนังสือนิยายภาษาอังกฤษล้วนแล้วมีคำแปลไทยประกอบมาขายแล้วด้วย อันนี้ช่วยได้เยอะมากครับ ไม่ก็เลือกอ่านข่าวภาษาอังกฤษให้จบสักวันละหนึ่งข่าว มันจะช่วยไม่ให้เราลืมภาษาครับ
ฟัง มีหลายอย่างให้เลือกฟัง BBC Radio, เพลงอเมริกันหรืออังกฤษสักเพลง เอาที่ชอบนะครับ ฟังมันซ้ำ ๆ จนเราสามารถฟังและร้องออกมาเป็นคำได้
พูด ก็ฝึกพูดหน้ากระจก หรือระหว่างไปทำงาน พยายามพึมพำเป็นภาษาอังกฤษ แล้วปรับการคิดคำจากคิดเป็นภาษาไทย ให้คิดเป็นภาษาอังกฤษเอาครับ นี่เป็นเทคนิคที่ผมได้มาจาก Youtube ของคนญี่ปุ่นที่พูดอังกฤษ เขาบอกว่า "ประเทศผมก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ แต่คุณลองคิดเป็นภาษาอังกฤษดูสิ มันจะช่วยได้เยอะเลยล่ะ"
เขียน ลองเขียนอะไรจากการที่หัวเราคิดออกมา หรือลองเขียนไดอารี่หรือเรื่องสั้นสักเรื่องเป็นภาษาอังกฤษ คำไหนคิดไม่ออก เปิดดิกมาช่วย แล้วตรงนี้จะพัฒนาการเขียนได้ครับ
สุดท้ายทำงานได้เงินมาก้อนหนึ่ง บวกกับเห็นเพื่อน ๆ ไปทำงานต่างประเทศกันเยอะ ก็เลยเอาเงินก้อนนั้นไปลงเรียนภาษาเพิ่มแทนการเปย์ความสุข
แจงรายละเอียดเลยนะครับ (ในระดับของคุณน่าจะเท่ากับผมช่วงก่อนหน้านี้)
-เราจะไปไวกว่าคนอื่นในคลาสครับ ส่วนใหญ่เขาจะสอนกันตามหนังสือและให้ฝึกการพูดกัน แต่บางคนออกห้องเรียนแล้วก็จบ ไม่ฝึกต่อ คลังคำศัพท์ในหัวเลยน้อย แต่ในขณะที่คนที่ชอบดูหนัง ชอบฟังเพลงอังกฤษ หรือคนที่ชอบดูซับอังกฤษ จะไหลลื่น
-ปัญหาที่หลายคนก้าวไม่พ้นคือ "อาย" และกลัวโดน "แขวะ" ผมเลยเปลี่ยนความคิดใหม่เป็นว่า "ถ้าใครมีปัญหากับการพูดภาษาอังกฤษของผม เชิญมาซัดกันตัวต่อตัว" ซึ่งเอาจริง ๆ ไม่มีใครคิดเยอะขนาดนั้นครับ แต่ผมคิดเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง เวลาเจอชาวต่างชาติก็กล้าพูด ตอนเรียนกับอาจารย์ชาวต่างชาติ ก็กลายเป็นคนเดียวในห้องที่พูดมากไปโดยปริยาย
-จากข้อบน เมื่อคุณเอาชนะมันได้ คุณก็จะรู้สึกว่า "ไม่เห็นเป็นไรนี่ พูดก็ได้นี่หว่า"
-จากข้อบน เมื่อคุณก้าวผ่านไปได้ คุณจะมีกำลังใจในการเรียนและฝึกมากขึ้นครับ แต่ก็นั่นแหละครับ มนุษย์เราไม่ได้เกิดมาใช้อังกฤษตั้งแต่เกิด หลายคนก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อภาษาอังกฤษเช่นกัน ที่ผมพบเจอก็คือหลายคนล้มเลิกความตั้งใจตรงนี้ออกไป เพราะเขารู้สึกว่าไม่ใช่ทาง แต่พอไปเรียนภาษาอื่น กลับคล่องกว่าอังกฤษ เช่นบางคนเรียนอังกฤษได้งู ๆ ปลา ๆ แต่พอไปเรียนญี่ปุ่นที่มีอักษร 3 แบบ คันจิเป็นพันตัว กลับจำได้แม่น พูดได้คล่องซะงั้น
โอเคนอกเรื่องไปหน่อย ผมจะบอกว่า การเรียนภาษาน่ะมันช่วยให้คุณได้รู้ว่าคุณชอบมันขนาดไหน ถ้าชอบมาก ก็จะสนุกกับการเรียน และชาวต่างชาติทุกคนจะพูดแบบเดียวกันว่า "ความผิดพลาด จะช่วยให้คุณเก่งขึ้น" ก็คือเขาสอนแล้วเขาอยากให้คุณพูดเยอะ ๆ ครับ แล้วตรงไหนผิด เขาจะช่วยแก้ เช่นออกเสียงแบบนี้ ปรับแก้ทางปากแบบนี้ ฯลฯ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเรียนกับชาวต่างชาติจะช่วยให้เก่งขึ้นได้ เพราะมันขึ้นอยู่กับการฝึกด้วยครับ ถ้าออกนอกห้องแล้วไม่ทำอะไรหรืออ้างงานเยอะ ก็จบ ไม่ต้องเรียนดีกว่า แบ่งเวลาฝึกวันละ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเอาครับ
เทคนิคการฝึกก็ตามนั้นเลยครับ อ่าน ฟัง พูด เขียน
อ่าน เพื่อให้เราจำคำศัพท์เยอะ ๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ที่ซีเอ็ดทำหนังสือนิยายภาษาอังกฤษล้วนแล้วมีคำแปลไทยประกอบมาขายแล้วด้วย อันนี้ช่วยได้เยอะมากครับ ไม่ก็เลือกอ่านข่าวภาษาอังกฤษให้จบสักวันละหนึ่งข่าว มันจะช่วยไม่ให้เราลืมภาษาครับ
ฟัง มีหลายอย่างให้เลือกฟัง BBC Radio, เพลงอเมริกันหรืออังกฤษสักเพลง เอาที่ชอบนะครับ ฟังมันซ้ำ ๆ จนเราสามารถฟังและร้องออกมาเป็นคำได้
พูด ก็ฝึกพูดหน้ากระจก หรือระหว่างไปทำงาน พยายามพึมพำเป็นภาษาอังกฤษ แล้วปรับการคิดคำจากคิดเป็นภาษาไทย ให้คิดเป็นภาษาอังกฤษเอาครับ นี่เป็นเทคนิคที่ผมได้มาจาก Youtube ของคนญี่ปุ่นที่พูดอังกฤษ เขาบอกว่า "ประเทศผมก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษ แต่คุณลองคิดเป็นภาษาอังกฤษดูสิ มันจะช่วยได้เยอะเลยล่ะ"
เขียน ลองเขียนอะไรจากการที่หัวเราคิดออกมา หรือลองเขียนไดอารี่หรือเรื่องสั้นสักเรื่องเป็นภาษาอังกฤษ คำไหนคิดไม่ออก เปิดดิกมาช่วย แล้วตรงนี้จะพัฒนาการเขียนได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากเก่งภาษาอังกฤษ ไปภาษาเพิ่มแบบตัวต่อดีกว่ามั้ยครับ?????
พอดีมีงบว่าจะไปเรียนภาษากะชาวต่างชาติ เผื่อจะได้เก่งภาษาขึ้นมา เพราะงานที่ผมทำรัฐวิสาหกิจเจอคนต่างชาติบ้างนิดหน่อยยยย
อยากให้ออกความเห็นว่าทำอย่างไงถึงเก่งภาษาได้บ้างครับ
ไปเรียนกะโรงเรียนสอนต่างชาติจะดีกว่ามั้ยครับ ???