AIS วอนรัฐขอความชัดเจนกฎ Must Carry ชี้ไม่ได้ดัดแปลงเนื้อหาใดๆทั้งสิ้น เป็นเพียงผู้เผยแพร่ให้ประชาชนได้รับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 เท่านั้น
บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) แจ้งว่า ตามที่ บริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (SBN) บริษัทในเครือของเอไอเอส ในฐานะผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการโครงข่ายกิจการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ สำหรับกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ บริษัทฯ จึงมีหน้าที่นำสัญญาณโทรทัศน์จากช่อง Free TV ทุกช่องมาถ่ายทอดให้ประชาชนทั่วไปได้รับชมโดยตรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ ดัดแปลง ผังรายการหรือเนื้อหารายการ เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชนให้สามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงในทุกช่องทาง รวมถึงการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ออกอากาศจากทั้ง 3 ช่อง ได้แก่ ช่อง 5 HD ,ช่อง True4U และอมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ให้เป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (Must Carry) และประกาศของ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (Must Have)
ที่ผ่านมาเอไอเอส ได้ออกอากาศการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ผ่านทางแอป AIS PLAY และกล่อง AIS PLAYBOX มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2561 ซึ่งเป็นวันแรกของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 จนมาถึงเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 บริษัทฯต้องทำการยุติการเผยแพร่ เป็นต้นมา ภายหลังศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้มีคำสั่งให้ SBN ยุติการเผยแพร่ ตามที่ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ได้ร้องขอต่อศาลไว้ แต่แล้วในวันที่ 3 ก.ค.61 ศาลได้แจ้งเพิ่มเติมกับ SBN ว่าสามารถถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ผ่านทางกล่อง AIS PLAYBOX ส่วนการถ่ายทอดผ่านทางแอป AIS PLAY ยังไม่สามารถเผยแพร่ได้เช่นเดิม
ทั้งนี้บริษัทฯได้ยึดถือและปฏิบัติตามประกาศ Must Have และ Must Carry อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด เนื่องจากคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนชาวไทยเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถรับชมการเผยแพร่รายการกีฬาที่สำคัญของโลกได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมตามเจตนารมณ์ของกฏหมาย อีกทั้งการถ่ายทอดสดฟุตบอล2018 ในครั้งนี้บริษัทฯ ไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างใดเนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือดัดแปลงเนื้อหารายการใดๆทั้งสิ้น เป็นเพียงแต่ผู้เผยแพร่เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีความสุขกับการได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018
อย่างไรก็ดี เอไอเอส ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล จึงส่งผลให้ลูกค้าแอป AIS PLAY ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ได้ ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็จะตกอยู่ในฐานะของผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศกสทช. ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ และเอกชนควรหารือร่วมกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติของผู้ประกอบการ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่ออุตสาหกรรมโทรทัศน์ในอนาคตต่อไป ตลอดจนคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ออกอากาศทางช่อง Free TV
ข่าวจาก
https://siamrath.co.th/n/38995
AIS วอนรัฐขอความชัดเจนกฎ Must Carry
บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส) แจ้งว่า ตามที่ บริษัท ซุปเปอร์ บรอดแบนด์ เน็ทเวอร์ค จำกัด (SBN) บริษัทในเครือของเอไอเอส ในฐานะผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการโครงข่ายกิจการกระจายเสียง หรือโทรทัศน์ สำหรับกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ บริษัทฯ จึงมีหน้าที่นำสัญญาณโทรทัศน์จากช่อง Free TV ทุกช่องมาถ่ายทอดให้ประชาชนทั่วไปได้รับชมโดยตรงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำซ้ำ ดัดแปลง ผังรายการหรือเนื้อหารายการ เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชนให้สามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียมและทั่วถึงในทุกช่องทาง รวมถึงการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ออกอากาศจากทั้ง 3 ช่อง ได้แก่ ช่อง 5 HD ,ช่อง True4U และอมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ให้เป็นไปตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การเผยแพร่กิจการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไป (Must Carry) และประกาศของ กสทช.เรื่องหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป (Must Have)
ที่ผ่านมาเอไอเอส ได้ออกอากาศการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ผ่านทางแอป AIS PLAY และกล่อง AIS PLAYBOX มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2561 ซึ่งเป็นวันแรกของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 จนมาถึงเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2561 บริษัทฯต้องทำการยุติการเผยแพร่ เป็นต้นมา ภายหลังศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางได้มีคำสั่งให้ SBN ยุติการเผยแพร่ ตามที่ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด ได้ร้องขอต่อศาลไว้ แต่แล้วในวันที่ 3 ก.ค.61 ศาลได้แจ้งเพิ่มเติมกับ SBN ว่าสามารถถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ผ่านทางกล่อง AIS PLAYBOX ส่วนการถ่ายทอดผ่านทางแอป AIS PLAY ยังไม่สามารถเผยแพร่ได้เช่นเดิม
ทั้งนี้บริษัทฯได้ยึดถือและปฏิบัติตามประกาศ Must Have และ Must Carry อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด เนื่องจากคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนชาวไทยเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถรับชมการเผยแพร่รายการกีฬาที่สำคัญของโลกได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมตามเจตนารมณ์ของกฏหมาย อีกทั้งการถ่ายทอดสดฟุตบอล2018 ในครั้งนี้บริษัทฯ ไม่ได้รับผลประโยชน์อย่างใดเนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือดัดแปลงเนื้อหารายการใดๆทั้งสิ้น เป็นเพียงแต่ผู้เผยแพร่เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีความสุขกับการได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018
อย่างไรก็ดี เอไอเอส ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล จึงส่งผลให้ลูกค้าแอป AIS PLAY ไม่สามารถรับชมการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ได้ ในขณะเดียวกันบริษัทฯ ก็จะตกอยู่ในฐานะของผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามประกาศกสทช. ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ และเอกชนควรหารือร่วมกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติของผู้ประกอบการ ไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่ออุตสาหกรรมโทรทัศน์ในอนาคตต่อไป ตลอดจนคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ออกอากาศทางช่อง Free TV
ข่าวจาก https://siamrath.co.th/n/38995