1. ปกติ พอร์ตลงทุนนี้ ผมจะแบ่งเอาไว้ถือเฉพาะ REITs แต่ช่วงต้นปี ผมได้เลือกซื้อหุ้นเข้าพอร์ตนี้
2. หุ้นที่ผมเลือกโดยสแกนจากผลประกอบการประจำปี 60 ย้อนหลังปี 4-5ปี คือ BDMS KCE KTC SPCG SWC THREL และ TNH จำนวน 7ตัว
3. มีกำไร 4ตัว ขาดทุนอยู่ 3ตัว (เพิ่งซื้อถัวไป 2ตัว) แต่โดยรวมยังมีกำไรเฉพาะหุ้นที่เพิ่งซื้ออยู่ประมาณ 10กว่า% ในขณะที่ SET @12/3/61 อยู่ที่ 1800จุด (ปัจจุบัน ประมาณ 1600นิดๆ) ถ้ารวม REITs ด้วยผลตอบแทนจะต่ำลง แต่ การลงทุนใน REITs บางส่วนทำให้ผมมีความสุขโดยรวมเพิ่มมากขึ้น
4. หลักการลงทุนในหุ้นของผม คือ Value Investing ซึ่งก็คือ ซื้อ โดยพิจารณามูลค่าที่เหมาะสม หาผลตอบแทนที่คาดหวัง ณ จุดราคาที่เข้าซื้อ
5. ปัจจัยง่ายๆ ที่ใช้สแกนหุ้นไว้สำหรับเอามาประเมินมูลค่าต่อ คือ ก. ROE 15%ขึ้นไป ข. ยอดขาย/รายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (เพราะอะไร เดี๋ยวผมจะอธิบายในข้อ 6 ครับ)
6. การคำนวณหามูลค่าที่เหมาะสม และผลตอบแทนคาดการณ์
6.1 GROWTH RATE คำนวณอัตราการเติบโตของกิจการ จากการเติบโตของยอดขาย (ผมเชื่อในยอดขายหรือรายได้ของบริษัทมากกว่าผลกำไร)
6.2 EXPECTED BOOKVALUE เอาอัตราการเติบโตที่หาได้จาก 6.1 ไปคาดการณ์ Book Value ของหุ้น จากมูลค่าปัจจุบันไปในอนาคต
6.3 EXPECTED EARNING เอา Book Value ของหุ้นที่คาดการณ์ได้ มาคำนวณหา Earning จาก ROE เพราะ ROE คือ Return on Equity ซึ่งผมก็ประมาณว่ามันเป็น Return on Book Value ที่ผมคิดได้ในข้อ 6.2 ผมก็จะได้ Earning ประมาณการณ์ในอนาคตของหุ้นตัวนี้ของผมแล้ว (นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม เราต้องเลือกหุ้นที่มี ROE ที่สูงพอและมั่นคง)
6.4 EXPECTED PRICE คิดย้อนกลับให้ได้ Price ของหุ้นที่คาดการณ์ในอนาคต จาก Earning ที่หาได้ในข้อ 6.3 โดยคาดการณ์ PE ที่เหมาะสมของหุ้นตัวนี้ ถ้าเดาไม่ถูก ก็ดู PE ย้อนหลังสัก 4-5ปี เพราะหุ้นบางตัวตลาดพร้อมที่จะให้ราคาสูงกว่าหุ้นบางตัว แต่ถึงอย่างไรผมจะไม่ให้ PE ที่คำนวณเกิน 30เท่า เพราะสูงกว่านี้มันยากที่จะยืนได้ในระยะยาว
6.5 RETURN ON INVESTMENT เมื่อได้ ราคาหุ้นคาดการณ์ในอนาคตแล้ว เราก็ค่อยมาคำนวณหาผลตอบแทนในการลงทุนครั้งนี้ จากราคาที่จะเข้าซื้อในปัจจุบันได้ ***
สุดท้าย ผมจะตรวจเช็คคำตอบที่ได้จาก เงินปันผล ถ้าหุ้นที่จะลงทุนให้ผลตอบแทนเงินปันผลต่ำกว่า 1% ผมจะไม่ลงทุนครับ เสี่ยงเกินไป เพราะอย่าลืมว่า เงินปันผลคือเงินจริงๆ ที่บริษัทจ่ายออกมา แต่ค่าต่างๆ ที่ใช้คำนวณคือค่าประมาณการ คาดการณ์เอาทั้งนั้น และผมก็ไม่ได้คิดว่าพอร์ตผมจะบวกได้ตลอด ถ้าสถานการณ์ตลาดเลวร้ายก็คงติดลบเช่นกัน แต่ปันผลจาก REITs และหุ้นที่ลงทุนก็คงพอทำให้ผมสดชื่นขึ้นได้บ้าง
ขอให้เพื่อนนักลงทุนโชคดี และหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์
ผมได้สร้างเพจไว้ เผื่ออนาคตอีกสักสิบยี่สิบปีเกษียณ จะได้พอมีงานทำบ้าง ถ้าทัศนคติเราตรงกัน เชิญชวน กดไลค์ กดแชร์ สับตะไคร้กันได้ครับ (รับรองว่าจะไม่มีขายคอร์ส 55)
https://m.facebook.com/worklifebalance.thailand/
แชร์ประสบการณ์ลงทุนหุ้นที่ผมซื้อช่วงต้นปี ยังคงกำไร 10กว่า%
1. ปกติ พอร์ตลงทุนนี้ ผมจะแบ่งเอาไว้ถือเฉพาะ REITs แต่ช่วงต้นปี ผมได้เลือกซื้อหุ้นเข้าพอร์ตนี้
2. หุ้นที่ผมเลือกโดยสแกนจากผลประกอบการประจำปี 60 ย้อนหลังปี 4-5ปี คือ BDMS KCE KTC SPCG SWC THREL และ TNH จำนวน 7ตัว
3. มีกำไร 4ตัว ขาดทุนอยู่ 3ตัว (เพิ่งซื้อถัวไป 2ตัว) แต่โดยรวมยังมีกำไรเฉพาะหุ้นที่เพิ่งซื้ออยู่ประมาณ 10กว่า% ในขณะที่ SET @12/3/61 อยู่ที่ 1800จุด (ปัจจุบัน ประมาณ 1600นิดๆ) ถ้ารวม REITs ด้วยผลตอบแทนจะต่ำลง แต่ การลงทุนใน REITs บางส่วนทำให้ผมมีความสุขโดยรวมเพิ่มมากขึ้น
4. หลักการลงทุนในหุ้นของผม คือ Value Investing ซึ่งก็คือ ซื้อ โดยพิจารณามูลค่าที่เหมาะสม หาผลตอบแทนที่คาดหวัง ณ จุดราคาที่เข้าซื้อ
5. ปัจจัยง่ายๆ ที่ใช้สแกนหุ้นไว้สำหรับเอามาประเมินมูลค่าต่อ คือ ก. ROE 15%ขึ้นไป ข. ยอดขาย/รายได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (เพราะอะไร เดี๋ยวผมจะอธิบายในข้อ 6 ครับ)
6. การคำนวณหามูลค่าที่เหมาะสม และผลตอบแทนคาดการณ์
6.1 GROWTH RATE คำนวณอัตราการเติบโตของกิจการ จากการเติบโตของยอดขาย (ผมเชื่อในยอดขายหรือรายได้ของบริษัทมากกว่าผลกำไร)
6.2 EXPECTED BOOKVALUE เอาอัตราการเติบโตที่หาได้จาก 6.1 ไปคาดการณ์ Book Value ของหุ้น จากมูลค่าปัจจุบันไปในอนาคต
6.3 EXPECTED EARNING เอา Book Value ของหุ้นที่คาดการณ์ได้ มาคำนวณหา Earning จาก ROE เพราะ ROE คือ Return on Equity ซึ่งผมก็ประมาณว่ามันเป็น Return on Book Value ที่ผมคิดได้ในข้อ 6.2 ผมก็จะได้ Earning ประมาณการณ์ในอนาคตของหุ้นตัวนี้ของผมแล้ว (นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม เราต้องเลือกหุ้นที่มี ROE ที่สูงพอและมั่นคง)
6.4 EXPECTED PRICE คิดย้อนกลับให้ได้ Price ของหุ้นที่คาดการณ์ในอนาคต จาก Earning ที่หาได้ในข้อ 6.3 โดยคาดการณ์ PE ที่เหมาะสมของหุ้นตัวนี้ ถ้าเดาไม่ถูก ก็ดู PE ย้อนหลังสัก 4-5ปี เพราะหุ้นบางตัวตลาดพร้อมที่จะให้ราคาสูงกว่าหุ้นบางตัว แต่ถึงอย่างไรผมจะไม่ให้ PE ที่คำนวณเกิน 30เท่า เพราะสูงกว่านี้มันยากที่จะยืนได้ในระยะยาว
6.5 RETURN ON INVESTMENT เมื่อได้ ราคาหุ้นคาดการณ์ในอนาคตแล้ว เราก็ค่อยมาคำนวณหาผลตอบแทนในการลงทุนครั้งนี้ จากราคาที่จะเข้าซื้อในปัจจุบันได้ ***
สุดท้าย ผมจะตรวจเช็คคำตอบที่ได้จาก เงินปันผล ถ้าหุ้นที่จะลงทุนให้ผลตอบแทนเงินปันผลต่ำกว่า 1% ผมจะไม่ลงทุนครับ เสี่ยงเกินไป เพราะอย่าลืมว่า เงินปันผลคือเงินจริงๆ ที่บริษัทจ่ายออกมา แต่ค่าต่างๆ ที่ใช้คำนวณคือค่าประมาณการ คาดการณ์เอาทั้งนั้น และผมก็ไม่ได้คิดว่าพอร์ตผมจะบวกได้ตลอด ถ้าสถานการณ์ตลาดเลวร้ายก็คงติดลบเช่นกัน แต่ปันผลจาก REITs และหุ้นที่ลงทุนก็คงพอทำให้ผมสดชื่นขึ้นได้บ้าง
ขอให้เพื่อนนักลงทุนโชคดี และหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์
ผมได้สร้างเพจไว้ เผื่ออนาคตอีกสักสิบยี่สิบปีเกษียณ จะได้พอมีงานทำบ้าง ถ้าทัศนคติเราตรงกัน เชิญชวน กดไลค์ กดแชร์ สับตะไคร้กันได้ครับ (รับรองว่าจะไม่มีขายคอร์ส 55)
https://m.facebook.com/worklifebalance.thailand/