ที่จั่วหัวแบบนั้น เพราะเพิ่งอ่านกระทู้ก่อนหน้าแล้วรู้สึกว่าเด็กๆ หน่อยจะไม่มัน
ไม่สนุกเท่า gen X ซึ่งเป็น gen ผม เพราะนักแสดงนำทั้ง 3 คน คือขนมาจากยุค
เด็ก gen X เลย บทและการแสดงยอดเยี่ยม เสริมส่งกันดีมาก ความมีสเน่ห์จัดเต็ม
ไล่มาให้ทุกคาร์แรกเตอร์ ทุกคาร์แรกเตอร์จริงๆ อันเป็นจุดที่ Jurassic World 2
สอบตกอย่างมาก ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่อง Ant-man 2 นี้เป็นเพียงแค่หนังเด็กๆ ที่เรื่องราว
การเดินเรื่องทำให้นึกถึงหนังพจญภัยยุค 80-90 นั่นเลยทีเดียว แต่นั่นไม่ใช่ข้อเสีย
เพราะหนังคลาสสิคมากมายเกิดมาในยุคนั้น
นี่คือประเด็นหลักที่คนยุค gen X จะชอบ และหนังเปิดตัวมากับไมเคิ่ล ดักกลาส
และมิเชล ไฟเฟอร์ นักแสดงสำคัญในยุค 80-90 ที่มากับ CGI ย้อนวัย ซึ่งเทคนิค
แบบนี้เจอเข้าบ่อยๆ ก็ไม่ได้รู้สึกหวือหวาเหมือนกับหนังเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้านี้
3-4 เรื่อง (ตอนนี้ถ้านึก คงเป็นแพททริค สจ้วตกับเอียน แมคเคนเลน ใน X-men
ภาคนึง กับ โรเบอร์ต ดาวนี่จูเนี่ย ใน Civil Wars) แต่มันทำให้ผมถูกดึงเข้าไป
นึกถึงยุค 80-90 ซึ่งมัน Nostalgic มากกกกก แน่นอน gen Y กับ Z ไม่มีทาง get
แน่นอน แต่ดาราทุกคนไม่เพียงดึงเราเข้าไปได้ตั้งแต่ฉากแรก แต่มันไปได้สุด
จนถึงฉากสุดท้าย คือความสัมพันธ์ มุกตลก ความลื่นไหล ความประทับใจทำ
เอกมาได้ดีมาก Dead pool 2 ที่ทำไว้ได้พอใช้ เจอเรื่องนี้ที่เป็นสไตล์ solo hero
เหมือนๆ กันเฉือนชนะขาดไปได้ บททำได้ดีกระทั่งทำให้บทครอบครัวแคซซี่
ยังน่าสนใจทุกครั้งที่โผล่ออกมา แม้แต่ตัวพ่อเลี้ยง ตัวแม่ที่ไม่มีบทอะไร ส่วน
หนูน้อยแคซซี่นั้นสะกดคนดูได้อย่างชะงัด จนเหมือนกับเธอเป็นนางเอกหลัก
ในร่างจิ๋วด้วยซ้ำ หนังเดี๋ยวนี้แคสต์เด็กมาสวยแบบนางฟ้าแทบทุกเรื่อง JW2
ก็เช่นกัน แต่ด้วยบททำให้แคซซี่ดูเยี่ยมยอดติดตรึงคนดูได้
สิ่งที่ทำให้ Ant-man 2 มีอารมณ์เหมือนดูหนังเก่าๆ คือการเดินเรื่องให้มี
ตัวละครพ่อค้าอาวุธสงครามที่เป็นตัวบทตลกคอยไล่ล่าพวกพระเอกไปทั่วเมือง
ทำให้เรื่อง Ant-man 2 คือจักรวาลมาเวลฉบับบมินิโดยแท้จริง แต่ตัวละครทุกตัว
มีความเป็นมนุษย์เป็นอย่างมาก ไม่ใช่ด้านความลึก แต่ในด้านการแสดงออก
และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ทำให้นึกถึงหนังของสตีเว่น สปีลเบิร์กในยุค
80-90 หลายๆ เรื่องเป็นอย่างมาก หนัง Ant-man 2 เป็นหนังที่ทำให้เต็มไปด้วย
รอยยิ้มอย่างแท้จริง เรียกได้ว่า ถ้าไม่ถูกครอบงำด้วยความคาดหวังสูงๆอะไร
ตัวหนังคือให้ความคุ้มค่าอย่างเต็มที่ในระดับของมัน ตัวผมยังรู้สึกคาดหวัง
อยากให้ตัว Ant-man สามารถอัพเกรดขึ้นได้เรื่อยๆ แบบ Iron man เพราะ
Ant-man คือตัวละครที่จะทำให้คุณหลงรัก มากกว่าพวก ธอร์หรือกัปตันที่จะทำ
ให้เรารู้สึกว่าเป็นตัวละครที่เท่มากกว่า อย่างที่แมนทิสบรรยายมัดกล้ามของ
ธอร์ขณะที่กำลังหลับ แต่สก๊อตตี้ โฮป แฮงค์พิม เมื่อทั้ง 3 อยู่ด้วยกัน มันเป็นอะไร
ที่ดูมีสเน่ห์ และเป็นการใช้ประโยช์กับตัวละครได้อย่างแท้จริงเป็อย่างมาก
ส่วนบทตลกเพื่อนพระเอกก็เป็นอะไรที่แฟนจากภาคเก่ารอคอยที่จะให้มาปล่อยมุข
ฮา ซึ่งก็ไม่พลาด ซ้ำยังหักมุมหน่อยๆ ที่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนิดๆ ไม่ใช่การซ้ำมุข
เดิมแบบโต้งๆ แฟนๆ อ่านจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
ด้าน action อยู่ในระดับกลาง อย่าคาดหวังกับทีมนี้ไปนัก เพราะยังไม่มีอะไรที่
อัพเกรดขึ้นมาได้อย่างอลังอะไร ซึ่งข้อนี้แฟนมาเวล gen Y Z น่าจะรู้สึกไม่โดน
นักเมื่อเปรียเทียบกับเรื่องอื่น แต่ก็ให้ความลุ้นใช้ได้ ตัวละคร Ghost มีบทน้อย
ไป และเป็นจุดอ่อนของเรื่อง เพราะในขณะที่บทตัวละครรอบๆ ทำได้ดี แต่
Ghost เหมือนตัวละครมิติเดียว ทำนองเดียวกับตัวละครผู้ร้ายใน Deadpool
ไม่นับเคเบิลนะ เคเบิลผมมองว่าเป็นพระเอก คือหนังทำมาให้สนุก แต่ผู้ร้าย
ไม่ค่อยเน้นหนัก ตัวละครที่ไม่ลืมที่จะพูดถึงด้วยคือตำรวจจีนที่เห็นหัวหน้า นั่นก็
ตลกด้วยเช่นกัน
โดยสรุปคือกลมกล่อม ต่อเนื่อง ดูแล้วรู้สึกว่าคุ้ม ต่างจากเรื่องก่อนหน้าเร็วๆ นี้
เช่น Black Panther, Jurassic World 2 เพราะดำเนินเรื่องประดักประเดิก มุขน้อย
หรือไม่ก็ฝืด เมื่อวานเดินอมยิ้มออกมาทั้งครอบครัว มองคนดูรอบๆ ก็มีลักษณะเดียวกัน
End credit ที่สอง คือตลกร้ายที่หลอกให้คนดูรอได้สำเร็จแล้วผู้สร้างหนังก็หัวเราะ
ใส่หน้าเราดังๆ ด้วยความสะใจที่หลอกคนดูได้สำเร็จ
สุดท้ายขอใส่รูปจากหนังจะได้รู้สึกครบๆ ครับ
Ant-man and the Wasp เต็มอิ่มจริงๆ ครับ คนที่เกิดใน gen X จะชอบกว่าเด็กยุค gen Y gen Z
ไม่สนุกเท่า gen X ซึ่งเป็น gen ผม เพราะนักแสดงนำทั้ง 3 คน คือขนมาจากยุค
เด็ก gen X เลย บทและการแสดงยอดเยี่ยม เสริมส่งกันดีมาก ความมีสเน่ห์จัดเต็ม
ไล่มาให้ทุกคาร์แรกเตอร์ ทุกคาร์แรกเตอร์จริงๆ อันเป็นจุดที่ Jurassic World 2
สอบตกอย่างมาก ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่อง Ant-man 2 นี้เป็นเพียงแค่หนังเด็กๆ ที่เรื่องราว
การเดินเรื่องทำให้นึกถึงหนังพจญภัยยุค 80-90 นั่นเลยทีเดียว แต่นั่นไม่ใช่ข้อเสีย
เพราะหนังคลาสสิคมากมายเกิดมาในยุคนั้น
นี่คือประเด็นหลักที่คนยุค gen X จะชอบ และหนังเปิดตัวมากับไมเคิ่ล ดักกลาส
และมิเชล ไฟเฟอร์ นักแสดงสำคัญในยุค 80-90 ที่มากับ CGI ย้อนวัย ซึ่งเทคนิค
แบบนี้เจอเข้าบ่อยๆ ก็ไม่ได้รู้สึกหวือหวาเหมือนกับหนังเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้านี้
3-4 เรื่อง (ตอนนี้ถ้านึก คงเป็นแพททริค สจ้วตกับเอียน แมคเคนเลน ใน X-men
ภาคนึง กับ โรเบอร์ต ดาวนี่จูเนี่ย ใน Civil Wars) แต่มันทำให้ผมถูกดึงเข้าไป
นึกถึงยุค 80-90 ซึ่งมัน Nostalgic มากกกกก แน่นอน gen Y กับ Z ไม่มีทาง get
แน่นอน แต่ดาราทุกคนไม่เพียงดึงเราเข้าไปได้ตั้งแต่ฉากแรก แต่มันไปได้สุด
จนถึงฉากสุดท้าย คือความสัมพันธ์ มุกตลก ความลื่นไหล ความประทับใจทำ
เอกมาได้ดีมาก Dead pool 2 ที่ทำไว้ได้พอใช้ เจอเรื่องนี้ที่เป็นสไตล์ solo hero
เหมือนๆ กันเฉือนชนะขาดไปได้ บททำได้ดีกระทั่งทำให้บทครอบครัวแคซซี่
ยังน่าสนใจทุกครั้งที่โผล่ออกมา แม้แต่ตัวพ่อเลี้ยง ตัวแม่ที่ไม่มีบทอะไร ส่วน
หนูน้อยแคซซี่นั้นสะกดคนดูได้อย่างชะงัด จนเหมือนกับเธอเป็นนางเอกหลัก
ในร่างจิ๋วด้วยซ้ำ หนังเดี๋ยวนี้แคสต์เด็กมาสวยแบบนางฟ้าแทบทุกเรื่อง JW2
ก็เช่นกัน แต่ด้วยบททำให้แคซซี่ดูเยี่ยมยอดติดตรึงคนดูได้
สิ่งที่ทำให้ Ant-man 2 มีอารมณ์เหมือนดูหนังเก่าๆ คือการเดินเรื่องให้มี
ตัวละครพ่อค้าอาวุธสงครามที่เป็นตัวบทตลกคอยไล่ล่าพวกพระเอกไปทั่วเมือง
ทำให้เรื่อง Ant-man 2 คือจักรวาลมาเวลฉบับบมินิโดยแท้จริง แต่ตัวละครทุกตัว
มีความเป็นมนุษย์เป็นอย่างมาก ไม่ใช่ด้านความลึก แต่ในด้านการแสดงออก
และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ทำให้นึกถึงหนังของสตีเว่น สปีลเบิร์กในยุค
80-90 หลายๆ เรื่องเป็นอย่างมาก หนัง Ant-man 2 เป็นหนังที่ทำให้เต็มไปด้วย
รอยยิ้มอย่างแท้จริง เรียกได้ว่า ถ้าไม่ถูกครอบงำด้วยความคาดหวังสูงๆอะไร
ตัวหนังคือให้ความคุ้มค่าอย่างเต็มที่ในระดับของมัน ตัวผมยังรู้สึกคาดหวัง
อยากให้ตัว Ant-man สามารถอัพเกรดขึ้นได้เรื่อยๆ แบบ Iron man เพราะ
Ant-man คือตัวละครที่จะทำให้คุณหลงรัก มากกว่าพวก ธอร์หรือกัปตันที่จะทำ
ให้เรารู้สึกว่าเป็นตัวละครที่เท่มากกว่า อย่างที่แมนทิสบรรยายมัดกล้ามของ
ธอร์ขณะที่กำลังหลับ แต่สก๊อตตี้ โฮป แฮงค์พิม เมื่อทั้ง 3 อยู่ด้วยกัน มันเป็นอะไร
ที่ดูมีสเน่ห์ และเป็นการใช้ประโยช์กับตัวละครได้อย่างแท้จริงเป็อย่างมาก
ส่วนบทตลกเพื่อนพระเอกก็เป็นอะไรที่แฟนจากภาคเก่ารอคอยที่จะให้มาปล่อยมุข
ฮา ซึ่งก็ไม่พลาด ซ้ำยังหักมุมหน่อยๆ ที่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนิดๆ ไม่ใช่การซ้ำมุข
เดิมแบบโต้งๆ แฟนๆ อ่านจะรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
ด้าน action อยู่ในระดับกลาง อย่าคาดหวังกับทีมนี้ไปนัก เพราะยังไม่มีอะไรที่
อัพเกรดขึ้นมาได้อย่างอลังอะไร ซึ่งข้อนี้แฟนมาเวล gen Y Z น่าจะรู้สึกไม่โดน
นักเมื่อเปรียเทียบกับเรื่องอื่น แต่ก็ให้ความลุ้นใช้ได้ ตัวละคร Ghost มีบทน้อย
ไป และเป็นจุดอ่อนของเรื่อง เพราะในขณะที่บทตัวละครรอบๆ ทำได้ดี แต่
Ghost เหมือนตัวละครมิติเดียว ทำนองเดียวกับตัวละครผู้ร้ายใน Deadpool
ไม่นับเคเบิลนะ เคเบิลผมมองว่าเป็นพระเอก คือหนังทำมาให้สนุก แต่ผู้ร้าย
ไม่ค่อยเน้นหนัก ตัวละครที่ไม่ลืมที่จะพูดถึงด้วยคือตำรวจจีนที่เห็นหัวหน้า นั่นก็
ตลกด้วยเช่นกัน
โดยสรุปคือกลมกล่อม ต่อเนื่อง ดูแล้วรู้สึกว่าคุ้ม ต่างจากเรื่องก่อนหน้าเร็วๆ นี้
เช่น Black Panther, Jurassic World 2 เพราะดำเนินเรื่องประดักประเดิก มุขน้อย
หรือไม่ก็ฝืด เมื่อวานเดินอมยิ้มออกมาทั้งครอบครัว มองคนดูรอบๆ ก็มีลักษณะเดียวกัน
End credit ที่สอง คือตลกร้ายที่หลอกให้คนดูรอได้สำเร็จแล้วผู้สร้างหนังก็หัวเราะ
ใส่หน้าเราดังๆ ด้วยความสะใจที่หลอกคนดูได้สำเร็จ
สุดท้ายขอใส่รูปจากหนังจะได้รู้สึกครบๆ ครับ