ช่วงเรียนชั้นมัธยมปลาย ผมมักจะฟังเพลงสากลที่บรรดานักจัดรายการต่างๆ นำเสนอ ตั้งแต่ช่วงสามทุ่มเป็นต้นไปทางวิทยุภาค เอ.เอ็ม. จนไปถึงเที่ยงคืน จึงจะย้ายวิกไปเสนอรายการทางวิทยุภาค เอฟ.เอ็ม. สเตอริโอ มัลติเพล็กซ์ ซึ่งเท่ากับไล่ผมเข้านอนโดยปริยาย

ประหนึ่งแฟนเพลงทางสถานีวิทยุภาค เอ.เอ็ม. เป็นลูกเมียหลวง (แก่ๆ) ยังงั้นแหละ ซึ่งราคาของเครื่องรับวิทยุภาค เอฟ.เอ็ม.นั้น ยังเป็นสิ่งที่เกินเอื้อมของครอบครัวผม อันมีแม่เป็นหัวหน้าในตอนนั้น

หากได้ยินเพื่อนมาคุยกันบอกว่าที่บ้านมีชุดเครื่องเสียงสเตอริโอ เวลาเปิดฟังเพลงสากลเหล่านี้ทางวิทยุ เอฟ.เอ็ม. เสียงจะดังกรุ๊งกริ๊ง เบสกระหึ่ม ทำเอาเด็กวาสนาน้อยอย่างผมเกิดความอิจฉากลายๆ

จนกระทั่งราคาของวิทยุทรานซิสเตอร์สองลำโพง ที่รับได้ทั้งระบบ เอ.เอ็ม. และ เอฟ.เอ็ม.สเตอริโอ มัลติเพล็กซ์ แถมติดเครื่องบันทึกเทปได้ มีราคาซื้อหาพอจับต้องได้ เวลาก็ล่วงเลยมาถึงตอนที่ทำงานแล้วหลายปี แถมซื้อเงินผ่อนด้วยนะ แต่ก็รู้สึกงั้นๆ แหละ แถมไม่ทันยุคเครื่องเสียงที่เล่นแผ่น ซีดี. ได้แล้ว เป็นอันว่าตกยุคอยู่ร่ำไป

ในบรรดาเพลงสากลยอดฮิตในขณะนั้น ที่ชอบฟังมากก็มาจาก สหรัฐฯ ส่วนฝั่งยุโรป เห็นจะเป็นนักร้องที่เกาะอังกฤษ วง ABBA จากสวีเดน และก็วง Boney M ซึ่งมีจังหวะคึกคัก เร้าใจ ก่อนถึงยุคเปลี่ยนผ่านมาเป็นนักร้องจากเอเซีย และในประเทศไทย เสียงเพลงจากนักร้องสากลจึงค่อยๆ เลือนหายพร้อมทั้งเทปคาสเซ็ต กลายเป็นแผ่น ซีดี. แถมไม่ใช่เสียงร้องจากต้นฉบับด้วยสิ

ที่วงนักร้องของคณะ Boney M สลายตัวไปนั้น นัยว่า อาจมาจากเพลงที่ปล่อยออกมาให้ชาวคณะได้ลิปซิ้งก์ เต้นไปตามจังหวะที่เร้าใจ ไม่ได้ร้องเอง

แต่ข่าวออกมาว่าขัดใจกับผู้จัดการวงเรื่องผลประโยชน์ไม่เป็นที่ตกลงกัน ข้อนี้ก็สุดปัญญาทราบครับ

น่าแปลกใจตรงที่พอสลายวงไปแล้ว ไม่มีใครสนใจติดตามความเคลื่อนไหวอีกเลย ผิดจากนักร้องคณะ ABBA ที่ยังมีแฟนคลับระลึกถึงอีกเยอะ

ฟังกันสักเพลงดีกว่าครับ ช่วงกำลังดังสุดๆ เลยล่ะ
https://youtu.be/16y1AkoZkmQ