วันนี้เพิ่งทราบข้อมูลว่า มีการทำบัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกันด้วย ตอนแรกดีใจว่าจะได้มีโอกาสสร้างประวัติการเงินใหม่ให้ตัวเองเสียที อ่านไปอ่านมาปรากฎว่า ยังไงธนาคารก็เช็คบูโรอยู่ดี ทั้งทีมีเงินค้ำประกัน จริงๆมันน่าจะแยกออกจากกันไปเลยเพราะเข้าใจว่านี่ไม่ใช่การขอสินเชื่อ การตรวจบูโรมันไม่ได้เป็นการตรวจเชิงลึกของบุคคลนั้นจริงๆว่าที่ขึ้นประวัติขึ้นมา การจัดการการเงินคนๆนั้นเขาแย่จริงหรือไม่ ข้อมูลบูโรก็เหมือนเป็นการบอกเพียงว่าปืนของนายคนนี้ไปยิงคนอื่นตาย เขายิงจริงไหมข้อมูลไม่ได้บอกอะไรเลย ตัดโอกาสการพิสูจน์ตัวเองไปเลย ทั้งที่การทำบัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกันจะเป็นช่องทางที่ดีแท้ๆ
เกริ่นการติดบูโรของผมให้ได้รู้นิดนึง เมื่อก่อนที่บ้านทำธุรกิจครับไม่มีปัญหาอะไร ส่วนผมทำงานเป็นพนักงานบริษัทข้างนอก ที่บ้านทำบัตรเครดิตให้ 2-3 ใบ ผมทำเองอีก 1 ใบเพราะมีคนมาขอให้ทำ ผมเป็นคนไม่ค่อยใช้เงินไม่ค่อยรูดบัตร ส่วนใหญ่จะเก็บเงิน มีช่วงนึงผมไม่ทำธุระที่เมืองนอกหลายปี ผมเลยเอาบัตรเครดิตฝากไว้กับที่บ้าน เพราะผมคิดว่าผมไม่จำเป็นต้องใช้อะไร ระหว่างนั้นที่บ้านก็ขยายกิจการ เขาอยากกู้ธนาคารพอดีมีที่ดินที่เป็นชื่อผมอยู่เขาก็บอกผมว่ามาช่วยเซ็นต์กู้ให้หน่อยเป็นการกู้ร่วม ผมแค่มาเซ็นต์เฉยๆ เงินไม่เคยผ่านบัญชีผมเลย ที่บ้าน (พ่อ-แม่) บอกจะรับผิดชอบเองไม่ต้องกังวล ปรากฎว่าช่วงที่ผมไม่อยู่ที่บ้านโดนกลั่นแกล้งทางธุรกิจเงินในบัตรผมที่บ้านก็ดึงออกมาหมุนเพื่อเคลียร์เรื่อง บัตรถูกปิด การเงินเละไปหมด เงินเก็บก็ให้ที่บ้านยืมไปหมด บัตรบางใบไม่เคยค้างหนี้จ่ายตรงก็โดนปิดไปเฉยๆ ปัญหาตรงนี้ก็ยังค้างคาอยู่ แน่นอนผมติดบูโร ประวัติยังขึ้นคาไว้อยู่ สมัครสินเชื่อไม่ผ่านแน่นอน ไม่มีบัตรเครดิตตัวไหนที่ผมสมัครผ่าน เพราะเขาจะดูแค่เบื้องต้นที่บูโร เชิงลึกการใช้เงินของผมเป็นแบบไหนเขาไม่สนใจ
ถามว่าตอนนี้การบริหารการเงินของผมเป็นยังไงมีวินัยไหม ผมมีเงินเก็บเป็นแสนครับ ผมทำบัญชีรายรับ รายจ่าย การเก็บเงินครับ
บัตรเครดิตใช้บัติเสริมของแฟนครับ(แน่นอนประวัติการใช้จ่ายจะกลายเป็นของแฟน) ทุกครั้งที่ผมรูดบัตร ผมจะโอนเงินเข้าอีกบัญชีที่กันเอาไว้แล้วไม่ไปแตะมันเท่ากับเงินที่รูดไป เมื่อถึงเวลาใบที่แจ้งยอดมา ผมจะตั้งโอนล่วงหน้าเข้าบัตรเครดิตจากบัญชีที่กันเอาไว้ พูดง่ายๆผมใช้สิทธิ์แฟนในการสมัครบัตร แต่จริงๆคนบริหารบัตรคนจ่ายเงินคือผม สรุปคือสร้างเครดิตการเงินให้แฟนนั้นเอง เพราะผมไม่มีโอกาสสร้างเครดิตทางการเงินให้ตัวเอง เนื่องจากธนาคารจะดูแค่บูโรเท่านั้นในการขอสินเชื่อ
บางทีการที่มีนโยบายการทำบัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน มันก็เป็นอีกช่องทางนึงให้คนที่ติดบูโร (แบบผม) ได้พิสูจน์ตัวเองบ้าง เพราะถ้ามีเงินไปค้ำแล้ว ต้องตรวจบูโรก่อนอีก แน่นอนผมไม่มีโอกาสเงยหน้าขึ้นมาหายใจแน่ๆ ถ้าที่บ้านผมยังเคลียร์ปัญหาธุรกิจยังไม่ได้
ปล. ผมกินเงินเดือนบริษัทครับ ไม่ได้เอาเงินที่บ้านมาใช้
บัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน ติดบูโร
เกริ่นการติดบูโรของผมให้ได้รู้นิดนึง เมื่อก่อนที่บ้านทำธุรกิจครับไม่มีปัญหาอะไร ส่วนผมทำงานเป็นพนักงานบริษัทข้างนอก ที่บ้านทำบัตรเครดิตให้ 2-3 ใบ ผมทำเองอีก 1 ใบเพราะมีคนมาขอให้ทำ ผมเป็นคนไม่ค่อยใช้เงินไม่ค่อยรูดบัตร ส่วนใหญ่จะเก็บเงิน มีช่วงนึงผมไม่ทำธุระที่เมืองนอกหลายปี ผมเลยเอาบัตรเครดิตฝากไว้กับที่บ้าน เพราะผมคิดว่าผมไม่จำเป็นต้องใช้อะไร ระหว่างนั้นที่บ้านก็ขยายกิจการ เขาอยากกู้ธนาคารพอดีมีที่ดินที่เป็นชื่อผมอยู่เขาก็บอกผมว่ามาช่วยเซ็นต์กู้ให้หน่อยเป็นการกู้ร่วม ผมแค่มาเซ็นต์เฉยๆ เงินไม่เคยผ่านบัญชีผมเลย ที่บ้าน (พ่อ-แม่) บอกจะรับผิดชอบเองไม่ต้องกังวล ปรากฎว่าช่วงที่ผมไม่อยู่ที่บ้านโดนกลั่นแกล้งทางธุรกิจเงินในบัตรผมที่บ้านก็ดึงออกมาหมุนเพื่อเคลียร์เรื่อง บัตรถูกปิด การเงินเละไปหมด เงินเก็บก็ให้ที่บ้านยืมไปหมด บัตรบางใบไม่เคยค้างหนี้จ่ายตรงก็โดนปิดไปเฉยๆ ปัญหาตรงนี้ก็ยังค้างคาอยู่ แน่นอนผมติดบูโร ประวัติยังขึ้นคาไว้อยู่ สมัครสินเชื่อไม่ผ่านแน่นอน ไม่มีบัตรเครดิตตัวไหนที่ผมสมัครผ่าน เพราะเขาจะดูแค่เบื้องต้นที่บูโร เชิงลึกการใช้เงินของผมเป็นแบบไหนเขาไม่สนใจ
ถามว่าตอนนี้การบริหารการเงินของผมเป็นยังไงมีวินัยไหม ผมมีเงินเก็บเป็นแสนครับ ผมทำบัญชีรายรับ รายจ่าย การเก็บเงินครับ
บัตรเครดิตใช้บัติเสริมของแฟนครับ(แน่นอนประวัติการใช้จ่ายจะกลายเป็นของแฟน) ทุกครั้งที่ผมรูดบัตร ผมจะโอนเงินเข้าอีกบัญชีที่กันเอาไว้แล้วไม่ไปแตะมันเท่ากับเงินที่รูดไป เมื่อถึงเวลาใบที่แจ้งยอดมา ผมจะตั้งโอนล่วงหน้าเข้าบัตรเครดิตจากบัญชีที่กันเอาไว้ พูดง่ายๆผมใช้สิทธิ์แฟนในการสมัครบัตร แต่จริงๆคนบริหารบัตรคนจ่ายเงินคือผม สรุปคือสร้างเครดิตการเงินให้แฟนนั้นเอง เพราะผมไม่มีโอกาสสร้างเครดิตทางการเงินให้ตัวเอง เนื่องจากธนาคารจะดูแค่บูโรเท่านั้นในการขอสินเชื่อ
บางทีการที่มีนโยบายการทำบัตรเครดิตแบบใช้เงินฝากค้ำประกัน มันก็เป็นอีกช่องทางนึงให้คนที่ติดบูโร (แบบผม) ได้พิสูจน์ตัวเองบ้าง เพราะถ้ามีเงินไปค้ำแล้ว ต้องตรวจบูโรก่อนอีก แน่นอนผมไม่มีโอกาสเงยหน้าขึ้นมาหายใจแน่ๆ ถ้าที่บ้านผมยังเคลียร์ปัญหาธุรกิจยังไม่ได้
ปล. ผมกินเงินเดือนบริษัทครับ ไม่ได้เอาเงินที่บ้านมาใช้