[Sicario : Day of the Soldado]ที่นี่เม็กซิโก..ไม่แก๊งค้ายาก็พาคนลอบเข้าเมือง!!!
By : TonyMao_NK51
E-Mail : tonymao_nk51@hotmail.com
Facebook Page : TonyMao_NK51
เอ่ยถึง "เม็กซิโก" นึกถึงอะไร? เหล้าเตกิลาที่ว่ากันว่าเป็น 1 ในเหล้าฤทธิ์แรงที่สุดในโลก , มวยปล้ำกับวัฒนธรรมหน้ากาก , มวยสากลที่มีนักชกเก่งๆ เกิดขึ้นไม่เคยขาดสาย , ทีมฟุตบอลที่สู้กับมหาอำนาจลูกหนังทุกทีมได้อย่างไม่กลัวใคร หรือจะเป็นเทศกาล Day of the dead ที่ผู้คนจะแต่งตัวเป็นโครงกระดูกและเฉลิมฉลองพร้อมๆ ไปกับเชิญวิญญาณบรรพชนมาร่วมด้วย
แต่สำหรับด้านที่ไม่ค่อยจะสวยงามนัก ชาวอเมริกันและชาวโลก รู้จักเม็กซิโกผ่านทั้งภาพยนตร์ ( แน่นอนส่วนใหญ่คือฮอลลีวู้ดของอเมริกัน ) และข่าวต่างๆ ( อันนี้จากสำนักข่าวหลายชาติ ) ว่าที่นี่เป็นดินแดนที่รุ่งเรืองของบรรดาแก๊งค้ายาเสพติด มีการทำสงครามระหว่างกันเพื่อแย่งชิงเส้นทางลำเลียงโคเคนอันมีปลายทางคือสหรัฐอเมริกา "แหล่งปล่อยของ" ที่สร้างกำไรอย่างงาม ขณะที่แม้เม็กซิโกจะเป็นประเทศหนึ่งที่ GDP ตัวเลขเศรษฐกิจเติบโตสูง แต่ความเหลื่อมล้ำก็สูงเช่นกัน ส่งผลให้ชาวเม็กซิกันจำนวนไม่น้อย ถ้าไม่เข้าร่วมกับแก๊งค้ายาเพื่อหวังรวยทางลัด ก็เลือกที่จะไปตายเอาดาบหน้า ลอบข้ามพรมแดนเข้าสหรัฐอเมริกาเพื่อหวังชีวิตที่ดีกว่า
ตั้งแต่ภาคแรกแล้วที่ Sicario พาเราไปรู้จัก "โลกมืดๆ" ทั้งของแก๊งยาเสพติดในเม็กซิโก และทั้ง "ปฏิบัติการนอกแบบ" หรือ "งานสกปรก" โดยหน่วยลับของรัฐบาลอเมริกัน เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของยาเสพติดที่ทะลักเข้ามาสู่แผ่นดินอเมริกัน ทว่าภาพของปฏิบัติการพิเศษนั้นไม่ได้ดูเท่ดูโก้ ตรงกันข้ามมันน่าจะทำให้เกิดคำถามในใจใครหลายๆ คนว่าสิ่งที่ 2 ตัวละครหลักอย่าง "อเลฮานโดร" กับ "แมทท์" ทำมันถูกจริงหรือ ผ่านสายตาตัวละครหญิง "เคท" เจ้าหน้าที่ FBI ที่ถูกดึงตัวมาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ก่อนจะรู้ว่ามันไม่ใช่งานอย่างที่เธอคิดไว้
( ใครดูภาคแรกคงจะร้อง "เห้ย! เอาแบบนี้จริงดิ?" กับตอนท้ายๆ เรื่อง )
ส่วนในภาค 2 แม้จะเปลี่ยนผู้กำกับ และไม่มีตัวละครเคท ( ที่ภาคแรกแสดงโดยเอมิลี บลันท์ ) แต่ 2 ตัวเอกอย่างอเลฮานโดร ( แสดงโดยเบนิซิโอ เดล โทโร ) กับแมทท์ ( แสดงโดยจอช โบรลิน ) ยังอยู่ ซึ่งก็คงเหมาะสมกันดี ( มั้ง? ) กับฉากแอ็คชั่นที่อัดมาหนักกว่าเดิม แต่ก็ขอให้สบายใจได้ ยังเป็นแอ็คชั่นแบบ "เรียลๆ" ( Real Real ) สมจริง ไม่เวอร์ เชื่อได้ว่านี่แหละรูปแบบการยิงกันในโลกแห่งความจริง เป็นปฏิบัติการลับเพื่อความมั่นคงของรัฐจริงๆ
ไม่มีสวยงาม ไม่มีความเท่ มีแต่การระแวดระวังเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เจ้าหน้าที่รัฐกับแก๊งอาชญากรรมแยกกันไม่ออกเมื่อคุณอยู่ที่นั่น และเพื่อความมั่นคง คุณต้องใช้ทุกวิถีทางทำภารกิจให้ลุล่วงแม้มันจะขัดกับมโนสำนึกที่คุณคุ้นเคย เพราะนั่นไม่ใช่โลกที่คนทั่วไปอยู่ แต่มันคือโลกใต้ดินที่ความรุนแรงคือกฎเพียงหนึ่งเดียว
ในภาค 2 ของ Sicario เบนเข็มจากปัญหายาเสพติดไปสู่ขบวนการนำพาคนเม็กซิกันลักลอบข้ามแดน อันเป็นอีกเรื่องที่สังคมอเมริกันคุ้นเคย เมื่อหน่วยข่าวกรองสหรัฐ CIA ที่แมทท์ทำงานอยู่สืบทราบว่าผู้ก่อการร้ายจากตะวันออกกลางใช้วิธีจ้างขบวนการที่เม็กซิโกพาพวกตนข้ามแดนไปก่อเหตุในอเมริกา แมทท์จึงเสนอแผนยุให้แก๊งต่างๆ ในเม็กซิโกมีเรื่องกัน เพื่อตัดเส้นทางธุรกิจมืดของชาวแก๊งให้ชะงักรวมถึงสกัดผู้ก่อการร้ายลอบเข้าเมืองได้ด้วย โดยตามตัวอเลฮานโดรมาเป็นผู้ลงมือลักพาตัวลูกสาวของหัวหน้าแก๊งๆ หนึ่ง พร้อมกับจัดฉากให้ดูเหมือนเป็นฝีมือแก๊งคู่อริ
เอาเถอะถึงไม่มีเอมิลี บลันท์ แต่เนื้อเรื่องภาคนี้บทปูให้เห็นว่าอเลฮานโดร "ดูเป็นมนุษย์" มากขึ้น ( แบบไหนไปดูเอาเอง ) จนคนดูน่าจะคอยเอาใจช่วยให้เขาทำภารกิจสำเร็จ ขณะเดียวกัน หนังยังดำเนินเรื่องคู่ขนานไปกับเด็กวัยรุ่นชายที่อยากเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแก๊ง อยากเป็นนักเลงมากกว่าการไปเรียนหนังสือ ส่วนดนตรีและมุมกล้องก็ยังพากดดันเหมือนเดิม ราวกับคนดูได้เข้าไปอยู่ในปฏิบัติการด้วย
หลายคนที่ชอบหนังเนื้อหาหนักๆ อาจไม่ชอบเพราะขายแอ็คชั่นเยอะกว่าภาคแรก แต่โดยรวมก็ถือว่ายังสนุกและมีประเด็นให้ชวนคิดเหมือนเดิมครับ!!!
ปล.แอบคิดเล่นๆ เหมือนกันนะว่าบางประเทศที่มีปัญหายาเสพติดและคนลักลอบเข้าเมืองจากเพื่อนบ้านหนักพอกัน เขาจะมีเรื่องทำนองแบบในหนังนี่แบบทางฝั่งอเมริกาบ้างหรือเปล่า?
TonyMao_NK51 ( ใช้แทนอมยิ้มที่ถูกแบน )
[Sicario : Day of the Soldado]ที่นี่เม็กซิโก..ไม่แก๊งค้ายาก็พาคนลอบเข้าเมือง!!!
[Sicario : Day of the Soldado]ที่นี่เม็กซิโก..ไม่แก๊งค้ายาก็พาคนลอบเข้าเมือง!!!
By : TonyMao_NK51
E-Mail : tonymao_nk51@hotmail.com
Facebook Page : TonyMao_NK51
เอ่ยถึง "เม็กซิโก" นึกถึงอะไร? เหล้าเตกิลาที่ว่ากันว่าเป็น 1 ในเหล้าฤทธิ์แรงที่สุดในโลก , มวยปล้ำกับวัฒนธรรมหน้ากาก , มวยสากลที่มีนักชกเก่งๆ เกิดขึ้นไม่เคยขาดสาย , ทีมฟุตบอลที่สู้กับมหาอำนาจลูกหนังทุกทีมได้อย่างไม่กลัวใคร หรือจะเป็นเทศกาล Day of the dead ที่ผู้คนจะแต่งตัวเป็นโครงกระดูกและเฉลิมฉลองพร้อมๆ ไปกับเชิญวิญญาณบรรพชนมาร่วมด้วย
แต่สำหรับด้านที่ไม่ค่อยจะสวยงามนัก ชาวอเมริกันและชาวโลก รู้จักเม็กซิโกผ่านทั้งภาพยนตร์ ( แน่นอนส่วนใหญ่คือฮอลลีวู้ดของอเมริกัน ) และข่าวต่างๆ ( อันนี้จากสำนักข่าวหลายชาติ ) ว่าที่นี่เป็นดินแดนที่รุ่งเรืองของบรรดาแก๊งค้ายาเสพติด มีการทำสงครามระหว่างกันเพื่อแย่งชิงเส้นทางลำเลียงโคเคนอันมีปลายทางคือสหรัฐอเมริกา "แหล่งปล่อยของ" ที่สร้างกำไรอย่างงาม ขณะที่แม้เม็กซิโกจะเป็นประเทศหนึ่งที่ GDP ตัวเลขเศรษฐกิจเติบโตสูง แต่ความเหลื่อมล้ำก็สูงเช่นกัน ส่งผลให้ชาวเม็กซิกันจำนวนไม่น้อย ถ้าไม่เข้าร่วมกับแก๊งค้ายาเพื่อหวังรวยทางลัด ก็เลือกที่จะไปตายเอาดาบหน้า ลอบข้ามพรมแดนเข้าสหรัฐอเมริกาเพื่อหวังชีวิตที่ดีกว่า
ตั้งแต่ภาคแรกแล้วที่ Sicario พาเราไปรู้จัก "โลกมืดๆ" ทั้งของแก๊งยาเสพติดในเม็กซิโก และทั้ง "ปฏิบัติการนอกแบบ" หรือ "งานสกปรก" โดยหน่วยลับของรัฐบาลอเมริกัน เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของยาเสพติดที่ทะลักเข้ามาสู่แผ่นดินอเมริกัน ทว่าภาพของปฏิบัติการพิเศษนั้นไม่ได้ดูเท่ดูโก้ ตรงกันข้ามมันน่าจะทำให้เกิดคำถามในใจใครหลายๆ คนว่าสิ่งที่ 2 ตัวละครหลักอย่าง "อเลฮานโดร" กับ "แมทท์" ทำมันถูกจริงหรือ ผ่านสายตาตัวละครหญิง "เคท" เจ้าหน้าที่ FBI ที่ถูกดึงตัวมาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ก่อนจะรู้ว่ามันไม่ใช่งานอย่างที่เธอคิดไว้
( ใครดูภาคแรกคงจะร้อง "เห้ย! เอาแบบนี้จริงดิ?" กับตอนท้ายๆ เรื่อง )
ส่วนในภาค 2 แม้จะเปลี่ยนผู้กำกับ และไม่มีตัวละครเคท ( ที่ภาคแรกแสดงโดยเอมิลี บลันท์ ) แต่ 2 ตัวเอกอย่างอเลฮานโดร ( แสดงโดยเบนิซิโอ เดล โทโร ) กับแมทท์ ( แสดงโดยจอช โบรลิน ) ยังอยู่ ซึ่งก็คงเหมาะสมกันดี ( มั้ง? ) กับฉากแอ็คชั่นที่อัดมาหนักกว่าเดิม แต่ก็ขอให้สบายใจได้ ยังเป็นแอ็คชั่นแบบ "เรียลๆ" ( Real Real ) สมจริง ไม่เวอร์ เชื่อได้ว่านี่แหละรูปแบบการยิงกันในโลกแห่งความจริง เป็นปฏิบัติการลับเพื่อความมั่นคงของรัฐจริงๆ
ไม่มีสวยงาม ไม่มีความเท่ มีแต่การระแวดระวังเพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เจ้าหน้าที่รัฐกับแก๊งอาชญากรรมแยกกันไม่ออกเมื่อคุณอยู่ที่นั่น และเพื่อความมั่นคง คุณต้องใช้ทุกวิถีทางทำภารกิจให้ลุล่วงแม้มันจะขัดกับมโนสำนึกที่คุณคุ้นเคย เพราะนั่นไม่ใช่โลกที่คนทั่วไปอยู่ แต่มันคือโลกใต้ดินที่ความรุนแรงคือกฎเพียงหนึ่งเดียว
ในภาค 2 ของ Sicario เบนเข็มจากปัญหายาเสพติดไปสู่ขบวนการนำพาคนเม็กซิกันลักลอบข้ามแดน อันเป็นอีกเรื่องที่สังคมอเมริกันคุ้นเคย เมื่อหน่วยข่าวกรองสหรัฐ CIA ที่แมทท์ทำงานอยู่สืบทราบว่าผู้ก่อการร้ายจากตะวันออกกลางใช้วิธีจ้างขบวนการที่เม็กซิโกพาพวกตนข้ามแดนไปก่อเหตุในอเมริกา แมทท์จึงเสนอแผนยุให้แก๊งต่างๆ ในเม็กซิโกมีเรื่องกัน เพื่อตัดเส้นทางธุรกิจมืดของชาวแก๊งให้ชะงักรวมถึงสกัดผู้ก่อการร้ายลอบเข้าเมืองได้ด้วย โดยตามตัวอเลฮานโดรมาเป็นผู้ลงมือลักพาตัวลูกสาวของหัวหน้าแก๊งๆ หนึ่ง พร้อมกับจัดฉากให้ดูเหมือนเป็นฝีมือแก๊งคู่อริ
เอาเถอะถึงไม่มีเอมิลี บลันท์ แต่เนื้อเรื่องภาคนี้บทปูให้เห็นว่าอเลฮานโดร "ดูเป็นมนุษย์" มากขึ้น ( แบบไหนไปดูเอาเอง ) จนคนดูน่าจะคอยเอาใจช่วยให้เขาทำภารกิจสำเร็จ ขณะเดียวกัน หนังยังดำเนินเรื่องคู่ขนานไปกับเด็กวัยรุ่นชายที่อยากเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแก๊ง อยากเป็นนักเลงมากกว่าการไปเรียนหนังสือ ส่วนดนตรีและมุมกล้องก็ยังพากดดันเหมือนเดิม ราวกับคนดูได้เข้าไปอยู่ในปฏิบัติการด้วย
หลายคนที่ชอบหนังเนื้อหาหนักๆ อาจไม่ชอบเพราะขายแอ็คชั่นเยอะกว่าภาคแรก แต่โดยรวมก็ถือว่ายังสนุกและมีประเด็นให้ชวนคิดเหมือนเดิมครับ!!!
ปล.แอบคิดเล่นๆ เหมือนกันนะว่าบางประเทศที่มีปัญหายาเสพติดและคนลักลอบเข้าเมืองจากเพื่อนบ้านหนักพอกัน เขาจะมีเรื่องทำนองแบบในหนังนี่แบบทางฝั่งอเมริกาบ้างหรือเปล่า?
TonyMao_NK51 ( ใช้แทนอมยิ้มที่ถูกแบน )