วิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์ กับการช่วยกันหาน้องหมูป่าอคาเดมี

วิทยาศาสตร์มีเครื่องมือวัด ทฤษฏีที่แน่นอนว่า แม่นยำกว่า สามารถอธิบายเหตุการณ์ต่างๆและทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้แม่นยำกว่าไสยศาสตร์ ใช้งานได้จริง มีความเที่ยงตรง ปลอดภัยสูง

ไสยศาสตร์เป็นศาสตร์ที่หลายๆคนบอกว่า มีความลึกลับ เครื่องมือวัดส่วนใหญ่คือความฝัน และตำราดูดวง ความแม่นยำน้อยกว่าวิทยาศาสตร์มาก อธิบายเหตุการณ์ต่างๆไม่ได้เพราะมักจะบอกว่ามันเป็นเรื่องพิสูจน์ไม่ได้ ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าแบบเจาะจงได้ไม่แม่นยำ ใช้งานได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่มีความเที่ยงตรง ความปลอดภัยต่ำ

ถ้าเราเชื่อแบบกลางๆว่า2ศาสตร์นี้มีจริง ลองมาพิจารณาเหตุการณ์เด็กติดถ้ำนี้ดีกว่า โดยคุณผู้อ่านต้องจินตนาการ ว่าถ้าเลือกไสยศาสตร์ ต้องไม่ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ หรือถ้าเลือกวิทยาศาสตร์ ต้องไม่ใช้วิธีการทางไสยศาสตร์ เราจะไม่ใช้2วิธีนี้ควบคู่กันไป เพราะหากสมมติฐานประสบความสำเร็จขึ้นมา ทางไสยศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์จะมาอ้างได้ว่าเป็นผลงานตนเอง

1.ครูบา บอกว่าอีก2วันเจอน้อง แต่เลย2วันไปแล้ว ไม่เจอ ครูบาใช้ไสยศาสตร์เป็นเครื่องมือวัด แสดงว่าไม่แม่นยำ ร่างทรงใช้ความฝันเป็นเครื่องมือวัด ความฝันก็เป็นไสยศาสตร์ แต่ก็ไม่สามารถระบุตำแหน่งน้องๆได้ แสดงว่าไม่แม่นยำ ส่วนเจ้าหน้าที่ ไม่บอกว่าจะเจอเมื่อไร แต่ทำนายว่าใกล้จะเจอแล้ว จากการดูรองเท้าน้องๆ หมวก โพรงในถ้ำ คำนวนเส้นทางโดยใช้เครื่องมือวัดคือดาวเทียม โซนา เป็นหลัก ทำให้เห็นโครงสร้างของถ้ำเป็นรูปธรรม คาดการณ์เส้นทางที่น้องๆจะไปติดได้ ไม่เดินหลงไปมั่ว ดูแล้ว เครื่องมือวัดทางวิทยาศาสตร์ แม่นยำกว่าไสยศาสตร์

2.สมมติฐานและการแก้ปัญหา ของร่างทรงคือ น้องโดนเจ้าที่บังตาต้องแก้ด้วยการบนบานเจ้าที่และจุดธูปหน้าถ้ำ แล้วน้องๆจะออกมาได้เอง โดยใช้เครื่องมือวัดของข้อ1.ด้วย ดูๆแล้วสมมติฐานนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะทดลอง เพราะco2 อาจเข้าไปทำให้น้องขาดอากาศได้ และมีความสำเร็จต่ำ เนื่องจากถ้าเรายึดแนวคิดหลักของไสยศาสตร์ ต้องไม่มีเหตุผลพิสูจน์สมมติฐานนี้ ไม่มีอะไรรองรับ และคนรับผิดชอบ
ส่วนสมมติฐานของวิทยาศาสตร์บอกว่า ฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมถ้ำ น้องจึงหนีน้ำเข้าไปลึกเรื่อยๆจนติด แก้โดยการสูบน้ำ เจาะหาโพรงเพื่อเข้าไปช่วยเหลือ โดยใช้เครื่องมือวัดของข้อ 1. ด้วย ดูๆแล้วสมมติฐานนี้มีความเสี่ยงสูงตรงที่การเจาะโพรง แต่ก็ใช้ความรู้ทางวิศกรรมศาสตร์ และธรณีวิทยา เข้าช่วย ทำให้ความเสี่ยงต่ำลงมา มองดูแล้วสมเหตสมผล ดูเป็นรูปธรรมมากว่า

3.ข้อมูลประกอบ ร่างทรงบอกว่าตำนานถ้ำ เจ้าที่ที่เฝ้าถ้ำ จะเอาน้องไปอยู่ด้วย ส่วนครูบาบอกว่า ถ้ำมีรังพญานาค แต่พาไปไม่ได้ มันอยู่คนละภพ ฝนที่ตกที่ๆเดียวเหนือถ้ำ เพราะเจ้าที่ลงโทษ สามารถทำนายได้ว่าฝนจะหยุดตกเมื่อทำบายศรีแก้บน แต่แม่นไหมไม่รู้ และไม่รับผิดชอบด้วย
ส่วนเจ้าหน้าที่มีแผงผังถ้ำ รู้ว่าจุดไหนเหนือน้ำ จุดไหนจม รู้ระยะทางในถ้ำ อุณหภูมิเฉลี่ย อีกทั้งเรื่องฝนสามารถทำนายได้ว่าหยุดตกช่วงไหน ช่วงไหนควรสูบน้ำ ช่วงไหนควรไปต่อ หรือหยุดรอ โดยใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ดูแล้ว ข้อมูลประกอบของวิทยาศาสตร์ครอบคลุมกว่า

เอาเผินๆแค่นี้ ถ้าเรามองไสยศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็นกลาง ยังไงเราก็เห็นว่า วิทยาศาสตร์ ปลอดภัย แม่นยำกว่า ไสยศาสตร์

แต่ทำไมคนถึงยังคงเชื่อวิธีการทางไสยศาสตร์ครับ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่