[CR] แสงสีและสีสัน จากไทยดังไกลถึงสเปน by บ่มิguide

พลุมาเที่ยวสเปนครั้งนี้ ไม่ได้มาเล่นๆนะคร้าบบ ผมมาด้วยความที่ตั้งใจที่จะมาโชว์งาน Video Mapping ที่ จัตุรัสมายอร์ (Plaza Mayor) เมืองซาลามังกา (Salamanca) ประเทศสเปนกันเลยทีเดียว พลุ

___________________________________________________

ขอเท้าความหน่อยว่า เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2561 ที่ผ่านมา ผมได้ส่งงาน Video Mapping เข้าร่วมการคัดเลือกในงาน LUZ Y VANGUARDIAS 2018 ประเทศสเปน ซึ่งผลการคัดเลือกก็ทำให้ผมต้องรีบของ Visa พร้อมวางแผนการเดินทางไปร่วมงาน และร่วมถึงการท่องเที่ยวอื่นๆด้วย ภายในเวลา 2 อาทิตย์ เท่านั้น เพราะฉะนั้นการเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างไม่สมบูรณ์เพอร์เฟคสักเท่าไหร่นัก การรีวิวนี้อาจจะไม่สามารถให้ข้อมูลด้านการเดินทางที่ดีที่สุด หรือคุ้มค่าที่สุด แต่เพียงแค่อยากแชร์ประสบการณ์ในระหว่างที่ได้มีโอกาสไปแสดงงานศิลปะประเภท Video Mapping ที่ประเทศสเปน โดยที่เป็นเอเชียหัวดำ อ่อนแอภาษา ไม่เคยเดินทางไปยุโรป ก็ออกจะประหม่าเขินๆที่ต้องอยู่ในกลุ่มผู้เข้าร่วมประกวดที่เป็นชาวยุโรปทั้งหมดอีก 29 ประเทศ


พลาซ่ามายอร์ตอนกลางวัน

เดินทางถึงเมืองซาลามังกา เวลา 21.00 น. ในวันเสาร์ที่ 15  มิถุนายน โชคดีที่พระอาทิตย์ตกช้ามาก การเดินลากกระเป๋าตามถนนหาโรงแรมเลยไม่น่ากลัวเลย อีกอย่างผมหาที่พักในจุดที่ผมไปแสดงงานเลย คือบนชั้น 3 ในตัวตึกของจัตุรัสมายอร์ (Plaza Mayor) ไหนๆมาช้าแล้ว ขอได้เห็นงานที่ฉายให้ชัดๆ ก็ยังดี ที่พักโอสเทลเล็กๆของผม ชื่อว่า Los Angeles Plaza ราคา 2 คืน 100 Euro หรือประมาณ 1,500 บาท ต่อคืน ห้องพักขนาดเล็กๆ ภายในห้องไม่ได้สะอาดมากแต่ก็พออยู่ได้ มีดีที่ Location


ทางเข้าโฮสเทลอยู่ระหว่างร้านอาหารและร้านขนม (ภาพมาจาก Tripadvisor) และภาพในห้องพักอยู่บนชั้น 3


งาน LUZ Y VANGUARDIAS เริ่มฉายเวลา 22.30 น. ผลงานของทีมบริษัทผม ชื่อว่า “LIFE” แสดงในลำดับที่ 6 เป็นลำดำต้น ๆ เลย รอไม่นานมาก ประเทศที่ได้ร่วมฉายมี สเปน เยอรมัน ออสเตรีย โคลัมเบีย เม็กซิโก โรมาเนีย ฮังการี  อิตาลี่ แคนาดา บราซิล และประเทศไทย


มาแล้วคร้าบบบ …. อันนี้ผลงานของทีมผมเอง
และตัวอย่างงานจริง ๆ ที่ฉายบนสถาปัตยกรรมของพลาซ่ามายอร์

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



ในงาน Video Mapping นั้น ผมตั้งใจจะนำเสนอภาพวัดของประเทศไทยเป็นไฮไลท์
เพราะวัดของไทยจะได้ฉายอยู่บนสถาปัตยกรรม พลาซ่ามายอร์ ขนาดใหญ่เลยทีเดียว ซึ่งตอนขณะที่ฉายภาพวัดนั้น นักท่องเที่ยวหลายคนที่มาชมงานก็จะหยิบมือถือมาถ่ายรูปวัด และส่งเสียงฮือฮาเบาๆ แอบได้เยินเสียงเบาๆมาว่า “ไตแลนด์เดีย ๆ”
ผมนี่ยิ้มกริ่มชื่นใจเลยครับ พองานผมจบลงก็ได้ยินเสียงปรบมือ (มาไกลมามากเพื่อได้ยินเสียงนี้ หายเหนื่อยยยยครับ)


พอเวลาเที่ยงคืน ตัวแทนขณะผู้จัดงาน LUZ Y VANGUARDIAS 2018 ก็มาต้อนรับ และพาเดินชมงาน โดยสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษแบบถูๆไถๆ ทั้งสองฝ่าย และทักทายแบบชาวยุโรปคือเอาแก้มชนทั้งสองข้างและส่งเสียงจุ๊บๆ น่ารักดีครับ แต่ผมออกเกร็งๆเล็กน้อย เคยเห็นแต่ในทีวี

ภาพบริเวณการจัดงาน Mapping ในเมือง ภาพจาก https://luzyvanguardias.com/


เพิ่งรู้ว่าคนสเปนค่อนข้างเป็นมิตรมาก และช่างพูดคุย ทางผู้จัดงานพาผมเดินไปรอบๆ และแนะนำคนอื่นๆให้รู้จักด้วย ว่าผมมาจาก“ไตแลนด์เดีย” แล้วก็จุ๊บ ๆ แบบชาวยุโรป จนผมเริ่มสนุกกับการทักทาย


สำหรับเครื่องดื่มอันแรกที่เพื่อนชาวสเปนแนะนำผมก็คือเบียร์ยี่ห้อ “Mahao” ออกเสียงว่า เมา ทันทีที่ได้ยินว่าเค้าสั่งเครื่องดื่ม เมา ให้ผม ผมก็หัวเราะและรีบอธิบายให้ฟังทันทีว่า “เมา อิทส์ มีน ดรังค์ อิน ไทแลนด์” เท่านั้นแหละครับ ก็หัวเราะแปลกใจในความหมายที่บังเอิญเชื่อมโยงกันทันที คืนนั้นตี 1 ถึงตี 2 ก็เลยกลายเป็นสอนภาษาไทยคำ สเปนคำ สนุกดีครับ นานๆที เจอคนฝรั่งสนใจในวัฒนธรรมเราขนาดนี้ ค่อนข้างพราวด์มากๆ ที่เป็นคนไทย

จัดไปสองเมา หนึ่งสก๊อย ถ้าเทียบกับของไทยเบียร์ค่อนข้างไม่แรงครับ


สำหรับคุณผู้หญิง ถ้าอยากดื่มเบียร์ด้วย อันนี้ดื่มง่าย น่ารักเบาๆเช่นกัน


ถึงแม้ว่าผู้ชนะในการประกวดในปีนี้ จะเป็นของผลงานของชาวสเปนเอง และ Popular Voted เป็นของประเทศโรมาเนีย แต่ผมเองก็ยังดีใจที่ได้มาร่วมงานไกลขนาดนี้ นับเป็นความภูมิใจมาก ๆ แล้วครับ



เท่านั้นแหละครับ ก็คือส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสมาแสดงงานศิลปะร่วมกับประเทศอื่นๆ
และผมเองก็ต้องปรับเปลี่ยนความคิดเรื่องการแสดงอัตลักษณ์ของประเทศไทยต่างเช่น วัดต่างๆ ลายลิงหนุมาน รูปยักษ์ ผ้าไหมไทย หรือลายไทยต่างๆ ที่เราเบื่อหรือมองข้ามไป ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีคุณค่าในสายตาของชาวต่างชาติอย่างมาก
หากนำมาพัฒนาต่อยอดแล้วคงเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมากๆเลยทีเดียว (ย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะตั้งใจเรียนวิชาลายไทยตอนปี 3)


___________________________________________________


ส่วนการท่องเที่ยวในเมืองซาลามังกานั้น เนื่องจากเมืองค่อนข้างเล็ก ส่วนมากจะเที่ยวกันแบบเป็น One Day Trip ก็น่าจะเพียงพอแล้ว การเดินทาง ไปซาลามังกา (Salamanca) นั้น เท่าที่ผมรู้มี 2 ทางเลือก

ทางเลือกที่ 1 นั่งรถบัสไปซาลามังกา
-    นั่งรถบัสจากแอร์พอร์ตมาดริด ด้วยรถบัสของ Avanza ใช้เวลาเดินทาง 2.45 ชั่วโมง
โดยขึ้นรถบัสจาก Terminal 1 ราคา ไปกลับ 36.23 € หรือ ไปอย่างเดียว 22.35 €
-    นั่งรถบัสจากสถานี Estacion Sur de Autobus ซึ่งอันนี้ค่ารถน่าจะถูกกว่า และมีรอบถี่กว่าแบบแรก ลองหาข้อมูลเพิ่มที่  Https://www.avanzabus.com/

ทางเลือกที่ 2 รถไฟไปซาลามังกา ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า
-    โดยเริ่มจากสถานีรถไฟ Charmartin ซึ่งจะมีรถไฟไปซาลามังกา รอบ 8.45, 11.14, 13.44, 15.45, 20.00 และ 21.13  ค่าโดยสารขาไปอย่างเดียวอยู่ที่ 24 € ลองหาข้อมูลเพิ่มที่ http://www.renfe.com/EN/viajeros/index.html
และสถานีรถไฟลงที่ SALAMANCA LA ALAMEDILLA นะครับถัดจากสถานี Salamanca 1 สถานี สุดสายพอดี
แต่ส่วนขากลับ ต้องขึ้นที่สถานี Salamanca เท่านั้นนะครับ เพราะ SALAMANCA LA ALAMEDILLA จะไม่มีรถไฟขาออก (ผมลองไปยืนรอเก้อมาแล้ว)

เริ่มนั่งรถไฟ renfe ที่สถานี Charmartin ใน Madrid

ภายในรถไฟ renfe นั่งนอนสบาย สะอาดและปลอดภัย มีห้องน้ำ และตู้กดน้ำที่รับเหรียญและบัตรเครดิต




***มีอะไรในเมือง Salamanca?***

นอกจากผมจะสนุกไปกับเดินสำรวจไปกับสถาปัตยกรรมในเมืองแล้ว
รายละเอียดของตึกยิบย่อยเต็มไปหมด ผมเพิ่งรู้ว่านักท่องเที่ยวที่นี้ มักจะมาตามหา 3 สิ่ง คือ

1. หา เจ้ากบ ให้พบ

มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ถึง 800 ปี สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1134
ที่นี้เค้าก็มีความเชื่อว่า จะโชคดี ถ้าหากบตัวน้อยๆเจอ กบแกะสลักนั้นจะเกาะอยู่บนกะโหลกอีกที
ความหมายที่แฝงอยู่คือ กะโหลกเป็นตัวแทนของเจ้าชายฮวน ซึ่งเสียชีวิตก่อนที่จะอายุ 20 ปี ส่วนกบ เป็นตัวแทนของเหล่าคุณหมอที่พยายามช่วยชีวิตเจ้าชาย และชื่อของเจ้ากบคือ Parrita


2. หา มนุษย์อวกาศ ให้พบ
แน่นอน ในเมืองอันเก่าแก่ ก็ต้องมาพร้อมกับมีวิหารเก่าแก่เช่นกัน “Cathedral of Salamanca”
ค่าเข้าอยู่ที่ 5 € มาพร้อม Audio Guide เป็นภาษาอังกฤษ
ส่วนการหา มนุษย์อวกาศ นั้น จะอยู่แถวประตูด้านข้างของโบสถ์ ตัวเล็กๆ รวมอยู่กับกลุ่มใบไม้
น่าแปลกนะครับ สร้างมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 12 มนุษย์อวกาศมาได้ไง !?!


3. หา การ์กอยล์กินไอติม ให้พบ
อยู่ตำแหน่งไม่ไกลจาก มนุษย์อวกาศ ก็จะพบ การ์กอยล์กินไอติม เป็นไปติมโคนซะด้วย น่ารักทีเดียว
แล้วสมัยนั้นกินไอติมกันแล้วหรอ !?!



ภาพประกอบจากเว็ปไซต์อื่นๆ นะครับ เพราะผมก็หาไม่เจอ


ทั้งเจ้า มนุษย์อวกาศ และการ์กอยล์กินไอติม ได้สร้างเพิ่มหรือบูรณะในปี ค.ศ.1992
โดยมนุษย์อวกาศเป็นตัวแทนในศตวรรษที่20 และการ์กอยล์กินไอติม เป็นตัวแทนของเหล่านักเรียน
โล่งใจละครับ ผมนึกว่าคนยุคกลางนี่มีไอติมกินกันแล้ว ไม่งั้นบรรดาภาพของจิตรกรรมฝาผนัง ผมคงมองหาแต่ไอติมแน่นอน


***กินอะไรในซาลามากา?***

1.    Hornazo

พายแป้งหนาๆ ข้างในเป็น Chorizo รสเปรี้ยวเค็มๆ (อธิบายรสไม่ถูก เหมือนกับแหนม ไส้กรอก แฮม ทำนองนั้นครับ)



2.    นั่งเล่น จิบ WINE ที่พลาซ่ามายอร์


เลือกร้านไหนก็ได้ นั่งแถวพลาซ่ามายอร์ จิบ WINE เฉยๆ แล้วมองคนสเปน และมองนักเที่ยวเดินไปมา แล้วก็เพลินดีครับ ไม่ต้องรีบร้อนมาก (อยู่เมืองไทย นั่งตากแดดไม่ได้นะครับ คงร้อนมาก!)

----- ยิ้มจบการเดินทางในเมืองซาลามังกาแล้วครับ อิ่มเอมท้อง อิ่มเอมใจ ทั้งหมดนี้ต้องขอขอบคุณน้องๆในทีมโมชั่นเฮ้าส์ และสถานฑูตไทยในมาดริดที่ช่วยเหลือเรื่อง Visa และขอบคุณเพื่อนๆพันทิปที่ติดตามกระทู้ครับ ยิ้ม------
ชื่อสินค้า:   สเปน ซาลามังกา ท่องเที่ยว แสดงศิลปไทย
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่