[CR] รีวิว พาอาเจ๊ขึ้นรถไฟไปเที่ยวเหนือ เชียงใหม่-ลำปาง

***** อ๊ากกกก ตอนตั้งกระทู้กดผิดเป็น CR ซะงั้น กระทู้นี้ SR นะครับ แก้ยังไง ไม่ได้แล้วใช่มั๊ย  T^T *****







“ชั้นไม่ชอบคนเยอะๆ ไม่ชอบถ่ายรูปกับคนสวยกว่า! เด็กกว่า! แต่งตัวก็ดีกว่า!” อาเจ๊เบะปาก นั่งขัดสมาธิ
ในมือมีข้าวเหนียวหมูทอดอาหารว่างที่ทีมงาน ppantip.com เตรียมไว้ให้

หมีเป็ดโชคดี ได้ไปเที่ยวเชียงใหม่และลำปาง กับ ppantip.com และ ททท.

แต่การเที่ยวกับกลุ่มใหญ่แบบนี้ ออกนอก Comfort Zone ของเธอมาก และทำให้เธอไม่สบายใจเท่าไหร่

“ตะกี้มีคนยิ้มให้ชั้นด้วยนะ จริงๆ คนอื่นก็ไม่ได้เลวร้ายเนอะ ชั้นนี่แหละที่คิดไม่ดีเอง” เธอเล่าต่อ
แล้วเอาส้อมพลาสติกตักหมูทอดเข้าปาก ต้องขอบคุณรอยยิ้มจากเพื่อนร่วมทางคนหนึ่ง ที่ทำเธอลดการ์ดลง

ตอนนั้นเอง จู่ๆ พี่ฝรั่งสูงยาวก็วางกระเป๋าแหมะลงกลางกลุ่ม เขาถอดรองเท้าขึ้นมาดม บรรจงโรยแป้งลงไป
แล้วล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจ ว๊าว คณะเรามีชาวต่างชาติไปด้วยเหรอเนี๊ยะ อินเตอร์อ๊ะ






แผนการเดินทาง



วันที่ 1
17.30 ออกเดินทางไปเชียงใหม่ จากสถานีรถไฟกรุงเทพ ด้วยรถด่วนอุตราวิถี

วันที่ 2
07.00 ถึงเชียงใหม่
09.00 สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ แม่ริม
12.00 ร้านอาหาร โป่งแยงแอ่งดอย
14.00 ที่พัก Kantary Hills Hotel
18.00 ร้านอาหาร หลองข้าวลำ

วันที่ 3
06.30 อาหารเช้า ที่ Kantary Hills Hotel
08.00 ออกเดินทางไปลำปาง
09.00 ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
12.00 อาหารกลางวัน ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย
14.00 พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี (โรงงานชามตราไก่)
16.00 พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย สาขาลำปาง
18.00 ร้านอาหาร อาลัมภางค์
19.00 ที่พัก The Zenery

วันที่ 4
05.30 ออกเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้น วัดพระฐาตุดอยพระฌาน
07.00 อาหารเช้า บริเวณสถานีรถไฟลำปาง
10.00 พระธาตุลำปางหลวง
12.00 หมู่บ้านศาลาบัวบก
15.00 ร้านกาแฟ Himwang Cafe
16.30 แวะซื้อของฝาก
19.15 เดินทางกลับกรุงเทพจากสนามบินลำปาง ด้วยสายการบิน Bangkok Airways






ก่อนเดินทาง


นอกจากเสื้อผ้าและของใช้ทั่วๆ ไป อุปกรณ์ถ่ายภาพก็ขาดไม่ได้ ทริปนี้มีทั้งวัด ทั้งวิว ทั้งสัตว์ ทั้งอาหาร เอาอะไรไปมั่งดีน้า เปลี่ยนใจกลับกลับมาหลายรอบจนอาเจ๊มองบน ผมเลยขนไปหมดเลยละกัน

Nikon D750 กล้องหลัก
Tamron 24-70 f2.8 ใช้ถ่ายอาหาร และทั่วๆ ไป
Tamron 15-30 f2.8 ใช้ถ่ายวัด และเป็นเลนส์สำรองถ้าเจ้า 24-70 f2.8 เสียชีวิตในหน้าที่
Nikon 70-200 f4 พกไปเพื่อถ่ายช้าง และวิวบนภูเขา
Panasonic GX85 กล้องสำรอง และใช้ถ่ายวิดีโอ
ถ้าต้องเดินทางเอง ผมคงเอา 70 - 200 f4 ออก เพราะมันค่อนข้างเฉพาะทาง ได้ใช้น้อยครั้งครับ






วันที่ 1


พิพิธภัณฑ์รถไฟ
พิกัด
     - 13.7394522, 100.5168329
     - http://bit.ly/2JRarox
     - ทางเข้าของสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)
เวลา
     - อังคาร - อาทิตย์ 10.00 - 17.00
     - จันทร์ ปิด

หลังหย่อนกระเป๋าใบโตไว้ที่ห้องฝากสัมภาระ เราก็เดินตามหาพิพิธภัณฑ์รถไฟ ตามคำบอกของพี่รักษาความปลอดภัยตรงทางเข้า
มันอยู่ลึกขนาดนี้เลยเหรอ ผมชักสงสัย
ตัดสินใจแวะถามพี่รักษาความปลอดภัยอีกคนที่เจอระหว่างทาง
“ไม่ใช่ทางนี้ อยู่ข้างหน้า ตรงทางเข้าเลยครับ” เขาบอก ยิ้มแป้น

“นี่ไงๆ โชคดีที่อัดวิดีโอไว้ หลงๆ งงๆ ได้ฟิลแบบหนังพาไปสุดๆ” ผมหันไปโม้กับอาเจ๊ ดีใจกับผลงาน

แล้วก็พบว่า พิพิธภัณฑ์เล็กจิ๋ว ขนาด 1 ห้อง ตั้งอยู่ทางซ้ายของประตูหน้าสถานีหัวลำโพงนั่นเอง

ภายในมีของกระจุ๊กกระจิ๊กที่เกี่ยวกับการรถไฟให้ดู ใช้เวลาไม่เกิน 10 นาที

ตอนนี้อาจเล็กไปหน่อย แต่เราแอบรู้มาว่า เค้ามีแผนขยายพิพิธภัณฑ์ขึ้นไปบนชั้นสองของอาคารด้วย แต่จะเมื่อไหร่นั้น ต้องตามลุ้นกันต่อไปจ้า

ผมเปิดกล้อง มองหาวิดีโอแสนภูมิใจที่อัดไว้ตะกี้ ไม่เจอ หายไปไหน
อ่า... ผมถือกล้องเล็งไปมา แต่ลืมกดอัดฮะ...



สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)
ยังเหลือเวลาอีกนาน คงต้องหาที่นั่ง ร้านกาแฟเต็ม เก้าอี้เต็ม จะนั่งพื้นก็มีคุณเจ้าหน้าที่มาห้าม ฝรั่งกลุ่มใหญ่ตรงโน้นก็โดนเหมือนกัน

แอบสงสัยว่าแบบนี้จะให้ผู้โดยสารไปนั่งไหน ซึ่งมันก็เป็นปริศนาต่อไป เพราะไม่รู้จะถามใคร

ศูนย์อาหารเลยกลายเป็นที่พักพิงชั่วคราว นั่งๆ นอนๆ จนถึงเวลาลงทะเบียน

เข้าแถวลงขื่อรับของที่ระลึก ข้าวเหนียวหมูทอด คนเริ่มเยอะขึ้น และอาเจ๊ก็เริ่มเครียด

“ชั้นไม่ชอบคนเยอะๆ ไม่ชอบถ่ายรูปกับคนสวยกว่า!...” อาเจ๊เบะปาก
เรื่องที่ผมเกริ่นไว้ข้างบนนู้น เริ่มขึ้นตรงนี้นี่เอง



รถด่วนอุตราวิถี

ลืมภาพรถไฟแบบเดิมไปได้เลย เพราะรถด่วนอุตราวิถี มันช่างขาวหมวย สะอาดสะอ้าน มีทั้งปลั๊กให้ชาร์จอุปกรณ์ ไฟหัวเตียง ประตูอัตโนมัติ อ่างล้างหน้า และส้วมระบบสูญญากาศแบบเครื่องบิน

มีที่ทางของตัวเอง อาเจ๊ก็ผ่อนคลายขึ้น และภาระกิจแรกของเราก็คือ สำรวจตู้สเบียง



อาหาร ตู้เสบียง รถด่วนอุตราวิถี

ตู้เสบียง สะอาดสะอ้านดูดี มีอาหารเซ็ต ขนมและกาแฟสดขาย

เราลองสั่งเซ็ต 150 มาชิม ได้ข้าวแกงเผ็ดเป็ดย่าง ต้มยำ เค้กกล้วยหอม น้ำส้ม 1 ขวด อุ่นมาร้อนๆ รสกลางๆ แต่หอมกลิ่นเครื่องเทศ เป็ดนุ่ม ทั้งหมดอร่อยกว่าที่คิดมากครับ

ผมเลยต่อด้วยมอคค่าเย็นซักแก้ว เข้มข้น หอมโกโก้ โอเคเลย ตู้เสบียงรถไฟ ไม่ไก่กาอีกต่อไป

ไม่นาน ตึกสูงใหญ่และแสงไฟหน้ารถก็ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เหลือแต่ความมืดและแสงไฟสีเหลืองริบหรี่
คุณพนักงานปูที่นอนให้อย่างคล่องแคล่ว
อาเจ๊ปีนขึ้นไปนอนข้างบน ผมปิดม่าน นอนฟังเสียงฉึกฉักของรถไฟ และเสียงกรนของใครซักคน






วันที่ 2


ถึงเชียงใหม่

เริ่มวันใหม่ด้วยตู้เสบียงเช่นเคย ขอชุดอาหารเช้า 140 บาทคร้าบ

ได้ขนมจีบ 3 ลูก ซาลาเปาหมูแดง 2 ลูก สัปปะรด 3 ชิ้น น้ำส้ม และกาแฟร้อน 1 แก้ว
อร่อยใช้ได้เลย แต่น้อยจัง

เวลาเล่นหมดแค่นี้ เรากลับไปที่นั่ง เก็บของใส่กระเป๋า
วิวสองข้างทางค่อยๆ เปลี่ยนจากป่าเขากลับมาเป็นอาคารบ้านเรือนอีกครั้ง ก่อนรถไฟจะจอดอย่างนุ่มนวลที่สถานีเชียงใหม่

ขนของลง เดินฉับๆ แล้วขนของขึ้นรถตู้อย่างรวดเร็ว
จุดหมายต่อไป คือ สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์

ข้าวกล่องที่ทีมงานแจกให้ตะกี้ ไว้กินบนรถระหว่างเดินทาง รู้สึกเหมือนดาราคิวแน่นขึ้นมานิดๆ
ชื่อสินค้า:   เชียงใหม่ - ลำปาง
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่