สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์ MC แอ๊ด (หวางเจ๋)) ประจำการครับ ^^
มหกรรมฟุตบอลโลก ผ่านรอบแรกไปแล้ว และปรากฏว่า "แชมป์เก่า" เยอรมัน มีอันต้องตกรอบแรก ไม่สามารถเข้ารอบน็อกเอาท์ได้ ต้องพากันกลับบ้าน เล่นเอาแฟนๆ "อินทรีเหล็ก" ซึ่งเริงร่ากันเมื่อ 4 ปีที่แล้วพากันเซ็งไปตามๆกัน
แต่นี่มิใช่ครั้งแรกที่แชมป์เก่าฟุตบอลโลกต้องตกรอบแรก ในอดีตที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้น หลายครั้ง และแชมป์โลกบางชาติ อาจเข้ารอบไปได้ แต่สุดท้ายก็ต้องกินแห้วอยู่ดี
คือไม่มีแชมป์โลกที่ป้องกันแชมป์ได้เลยนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่บราซิลเคยทำไว้เมื่อปี 1962 ที่ชิลี 4 ปีหลังจากคว้าแชมป์ที่สวีเดน หรือจะบอกว่า ตั้งแต่หลังฟุตบอลโลกปี 1966 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพและคว้าแชมป์ได้ในบ้านตัวเอง ไม่มีทีมชาติใดที่เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกแล้วสามารถป้องกันแชมป์ได้ในอีก 4 ปีถัดไปได้อีกเลย มาดูกันครับ (ภาพข้างล่าง ช่องกลาง คือชาติที่เป็นเจ้าภาพ ขวาสุด คือแชมป์ในปีนั้นๆ)
ไปดูเส้นทางของอดีตแชมป์ของแต่ละทีมซึ่งลงป้องกันแชมป์ และปิ๋วไปหมดทุกรายกันครับ
1. อังกฤษ แชมป์ปี 1966 ในบ้านตัวเอง ไปป้องกันแชมป์ปี 1970 ที่เม็กซิโก
ฟุตบอลโลกครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 9 และเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดกลับมายังประเทศไทย และคนไทยก็มีได้โอกาสชมฟุตบอลโลกสด ๆ เป็นครั้งแรกผ่านทางจอโทรทัศน์ในนัดชิงชนะเลิศ
อังกฤษ แชมป์เก่า อยู่กลุ่ม C ซึ่งประกอบด้วย บราซิล โรมาเนีย และ เช็คโกสโลวาเกีย กับตัวเอง รวมเป็น 4 ทีม เปิดสนามมาสวยงามครับ อังกฤษชนะโรมาเนียไป 1-0 แต่นัดที่ 2 สู้บราซิลไม่ได้ แพ้ไป 0-1 ทว่าในนัดสุดท้ายก็สามารถเอาชนะเช็คโกสโลวาเกียไป 1-0 เป็นที่สองในสาย ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ซึ่งเป็น 8 ทีมสุดท้าย ไปชนกับ "อินทรีเหล็ก" เยอรมันตะวันตก และถูกเยอรมันถอนแค้นจากที่เคยแพ้ที่อังกฤษ โดยในเวลาปกติเสมอกันอยู่ 2-2 และทีมอินทรีเหล็กยิงแซงชนะไปได้ 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 108 ด้วยฝีเท้าของ "ไอ้ลูกระเบิด" แกรด มูลเลอร์" ส่งแชมป์เก่าตกรอบสองกลับบ้านไป
2. บราซิล แชมป์ปี 1970 ไปป้องกันแชมป์ปี 1974 ที่เยอรมนีตะวันตก
ฟุตบอลโลกครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนถ้วยแชมป์จาก "จูลส์ ริเมต์" ซึ่งเล็กนิดเดียว มาเป็นถ้วย "ฟีฟ่าเวิลด์คัพ" แบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน สร้างสรรค์โดยประติมากรชาวอิตาลีที่ชื่อ ซิลวิโอ แกซซานิกา
บราซิลแชมป์เก่า อยู่กลุ่ม B ร่วมกับ ยูโกสลาเวีย สกอตแลนด์ และ สาธารณรัฐซาอีร์ (มาได้ไงเนี่ย) - -" เปิดสนามมาก็ฟอร์มบู่แล้วสำหรับทีมแชมป์เก่า ทำได้แค่เสมอกับยูโกสลาเวีย 0-0 แถมยังไปกินไข่ต่อในนัดที่ 2 เสมอกับสก๊อตแลนด์ 0-0 เดือดร้อนถึงนัดสุดท้ายต้องกอบกู้หน้า ยิงทีมน้องใหม่สาธารณรัฐซาอีร์ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกจากแอฟริกากลางไปได้ 3-0 จบเป็นที่สองในสาย เข้ารอบสองต่อไป
ในรอบสอง ยังคงใช้ระบบแบ่งกลุ่มอยู่ครับ โดยบราซิลอยู่ในกลุ่ม A ร่วมกับทีมมหากาฬอย่างเยอรมนีตะวันตก ฮอลแลนด์ และอาร์เจนติน่า นัดแรกแชมป์เก่าเฉือนทีมเมืองเบียร์ไปได้หวุดหวิด 1-0 นัดที่ 2 ยังเก่งชนะคู่แค้นอาร์เจนติน่าไป 2-1 แต่นัดสุดท้ายแพ้ฮอลแลนด์ 2-0 จบเป็นที่สองในสาย อดเข้าชิง อดป้องกันแชมป์ ได้แต่ลงชิงที่สามกับโปแลนด์ แถมแพ้โปแลนด์ไปอีก 0-1 คว้าอันดับที่ 4 กลับบ้านไป
3. เยอรมันตะวันตก แชมป์ปี 1974 ไปป้องกันแชมป์ปี 1978 ที่อาร์เจนติน่า
รอบแรก ทีมเมืองเบียร์อยู่สาย B ร่วมกับ โปแลนด์ ตูนิเซีย และเม็กซิโก นัดเปิดสนาม แชมป์เก่าฟอร์มบู่เหมือนบราซิลครั้งที่แล้วเลย เสมอกับโปแลนด์แบบไร้สกอร์ 0-0 นัดที่สองสงสัยจะโดนด่ามามาก เลยแผลงฤทธิ์ไล่ถลุงเม็กซิโกยับเยิน 6-0 แต่แล้วนัดที่สามดันกลับมาฟอร์มบู่อีกรอบ เสมอกับทีมที่ควรจะเป็นสมันน้อยให้ยำอย่างตูนิเซีย 0-0 แต่ก็ยังเข้ารอบสองไปได้โดยเป็นที่สองในสาย
รอบสองก็แบ่งกลุ่มเหมือนครั้งที่แล้ว เยอรมันอยู่กลุ่ม A ร่วมกับฮอลแลนด์ อิตาลี และออสเตรีย นัดแรก เสมอกับทีมอัซซูรีไป 0-0 นัดถัดมาก็เสมอกับฮอลแลนด์อีกแต่คราวนี้มีสกอร์ 2-2 นัดสุดท้ายต้องชนะสถานเดียว แล้วก็อกหักแพ้ออสเตรียไป 3-2
ตกรอบแรก !!! เก็บของกลับไปดื่มเบียร์ที่บ้านตามระเบียบ
4. อาร์เจนติน่า แชมป์ปี 1978 ในบ้านตัวเอง ไปป้องกันแชมป์ปี 1982 ที่สเปน
การแข่งขันครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เพิ่มจำนวนทีมมากขึ้นจาก 16 ทีม เป็น 24 ทีม โดยแบ่งเป็น 6 สายๆละ 4 ทีม
รอบแรก อาร์เจนติน่าอยู่กลุ่ม C ร่วมกับเบลเยี่ยม ฮังการี่ และเอลซัลวาดอร์ นัดเปิดสนามแชมป์เก่าเจ๊งชัยให้กับเบลเยี่ยม 0-1 นัดที่สองฟื้นตัวหวดชนะฮังการีไปสุดมันส์ 4-1 และนัดสุดท้ายตบน้องใหม่เอลซัลวาดอร์ไปเบาะๆ 2-0 ผ่านเข้ารอบสองด้วยการเป็นที่สองในสาย
รอบสอง แบ่งกลุ่มแบบใหม่ เป็น 4 กลุ่มๆ ละ 3 ทีม เอาทีมเดียวเข้ารอบน็อกเอาท์ อาร์เจนติน่าอยู่กลุ่ม C อีกแล้ว โดยร่วมกับ อิตาลี และบราซิล และแพ้หมดทั้งสองนัด โดยนัดแรกโดนทีมอัซซูรี่อัดไป 2-1 และนัดที่สองแพ้ให้กับคู่ปรับคือบราซิลไป 1-3 ตกรอบแรก !!!
5. อิตาลี แชมป์ปี 1982 ที่สเปน ไปป้องกันแชมป์ปี 1986 ที่เม็กซิโก
"อัซซูรี่" แชมป์เก่า อยู่สาย A ร่วมกับ อาร์เจนติน่า บัลแกเรีย และ เกาหลีใต้ นัดเปิดสนาม แชมป์เก่าเสมอกับบัลแกเรีย 1-1 และเสมอกับอาร์เจนติน่าด้วยสกอร์เดียวกันอีกในนัดที่สอง และชนะเกาหลีใต้ในนัดสุดท้ายอย่างหวุดหวิด 3-2 ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์
ในรอบสอง ต้องเจอกับฝรั่งเศส และโดนทีมเมืองน้ำหอมซึ่งมีตัวเก่งอย่าง มิเชล พลาตินี่ เขี่ยตกรอบไปด้วยสกอร์ 2-0
6. อาร์เจนติน่า แชมป์จากปี 1986 ไปป้องกันแชมป์ปี 1990 ที่อิตาลี
รอบแรก แชมป์เก่า อยู่กลุ่ม B ร่วมกับ แคเมอรูน น้องใหม่เอี่ยมอ่อง โรมาเนีย และสหภพโซเวียต แค่นัดเปิดสนาม แชมป์เก่าก็ทำเอาคนตะลึงกันทั้งโลกโดยแพ้ให้กับแคเมอรูน 0-1
(สมัยนั้นการพนันบอลเล่นต่อกันอย่างมวย ไม่เหมือนสมัยนี้ โดยอาร์เจนติน่าต่อถึง 5-1 มีข่าวว่า ท่านต่อที่เชียงใหม่รายหนึ่งเจ๊งไปห้าล้านเพราะดันมีคนรองล้านนึง!!) นัดที่สองแก้ตัวได้ด้วยการเอาชนะสหภาพโซเวียตไป 2-0 และนัดที่สามเสมอกับโรมาเนีย 1-1 เป็นที่สามในสายตามหลังแคเมอรูนซึ่งเก่งเหลือเชื่อเป็นที่หนึ่งในสายตามด้วยโรมาเนีย แต่ได้เข้ารอบสองเพราะใช้กฏ "ที่สามที่ดีที่สุด 4 ทีม" หลังจบรอบแรก ปรากฏว่าในบรรดาสายทั้ง 6 สาย อาร์เจนติน่าเป็นที่สามที่ดีที่สุด เป็นที่ 1 ในกลุ่ม ตามมาด้วย โคลัมเบีย ฮอลแลนด์ และ อุรุกวัย เข้ารอบสองต่อไป
อาร์เจนติน่ากรุยทางเพื่อป้องกันแชมป์ต่อไปทีละขั้นและดูเหมือนว่าจะไปได้สวย โอกาสป้องกันแชมป์สดใสเอามากๆ พวกเขาผ่านรอบสองด้วยการเขี่ย "เต็งหนึ่ง" บราซิลไปหวุดหวิด 1-0 เข้ารอบควอเตอร์ไฟนอล เจอกับยูโกสลาเวีย ปรากฏว่าพวกยูโกสลาฟเก่งเกินคาดยันเสมอกับแชมป์เก่าได้ 0-0 จนจบ 120 นาที ขุนพลฟ้าขาวก็ยิงพวกเขาไม่ได้ ต้องดวลลูกโทษตัดสิน และเป็นแชมป์เก่ายิงชนะไป 3-2 อย่างน่าใจหายใจคว่ำ ผ่านเข้ารอบตัดเชือกไปปะทะกับ "เจ้าภาพ" อิตาลี ซึ่งหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นแชมป์ในบ้านตัวเองให้ได้ ถึงรอบตัดเชือกนัดนี้แล้ว ชาวอิตาเลียนทั้งมวลคิดว่าทีมอัซซูรี่ต้องเป็นแชมป์ได้แน่นอน
แล้วดราม่าอันสุดยอดก็เกิดขึ้น ทั้งสองทีมเสมอกันที่ 1-1 ในเวลาปกติ 90 นาที และเมื่อต่อเวลาพิเศษ เป็น 120 นาที ก็ยังยิงกันไม่ได้ การทดเวลาเจ็บเกิดขึ้นและทดนานมากจนมันน่าจะเลยเวลาไปแล้วเสียด้วยซ้ำ คล้ายดังว่ากรรมการรอให้เจ้าบ้านยิงทีมฟ้าขาวให้ได้เสียก่อนแล้วจึงจะเป่าหยุดเกม! มันชวนให้คิดอย่างนั้นจริงๆ แม้แต่คุณเอกชัย นพจินดา หรือ "ย.โย่ง" ซึ่งนั่งบรรยายเกมอยู่ในตอนนั้นก็ถึงกับกล่าวว่า "กรรมการลืมดูนาฬิกาหรือเปล่า!!" และเมื่อนานออกไป...นานออกไป ก็ยังคงเสมอกันอยู่อย่างนั้น ในที่สุดกรรมการก็เป่าให้หมดเวลา พาทั้งสองทีมไปดวลลูกจุดโทษกัน และผลคือ "เจ้าภาพ" อิตาลี แพ้ 3-4 สลดรันทดกันทั้งประเทศ บรรยากาศในสนามตอนนั้นเงียบราวกับป่าช้าเลยทีเดียว ชาวอิตาเลียนในสนามนั่งซึมเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก เป็นบรรยากาศน่าเศร้าสุดๆ...
และแน่ละ! มีแต่ทีมแชมป์เก่า นำโดย "เสือเตี้ย" ดิเอโก้ มาราโดน่าเท่านั้นที่เริงร่า เพราะกำลังจะได้ป้องกันแชมป์ หากทำได้พวกเขาจะเป็นทีมแรก! นับตั้งแต่บอลโลกปี 1966 เป็นต้นมา!
ทีมฟ้าขาว เข้ารอบชิงไปเจอกับเยอรมันซึ่งอกหักมาเมื่อ 4 ปีก่อนด้วยฝีเท้าของพวกเขา ไม่น่าเชื่อเลยว่า คู่ชิงชนะเลิศปีนี้ จะเป็นคู่เดียวกันกับเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จึงเป็นนัด "ล้างตา" เยอรมันบุกเข้าใส่อาร์เจนติน่าอย่างกับพายุบุแคมเพื่อจะยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับทีมฟ้าขาวและล้างแค้นให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยิงไม่ได้ จนกระทั่งได้ลูกที่จุดโทษจากการวิ่งเบียดกันในเขตโทษของพวกเขาและ อังเดรส์ เบรห์เม่ สังหารลูกโทษเข้าไป 1-0 และเป็นประตูชัยที่ทำให้เยอรมันได้ฉลองชัยชนะเป็นแชมป์ ร่วมกับการฉลองการทำลายกำแพงเบอรลินในปีนั้นด้วย มันคือปีของพวกเขาโดยแท้! ส่วนแชมป์เก่าต้องอกหัก มาราโดน่าถึงกับร้องไห้โฮ หลั่งน้ำตาไม่หยุด
7. เยอรมนี แชมป์ปี 1990 ไปป้องกันแชมป์ที่อเมริกา 1994
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกรแข่งขันที่ทวีปอเมริกาเหนือ และเป็นครั้งแรกที่ใช้การนับแต้มระบบ ชนะได้ 3 แต้ม ซึ่งคาดหวังว่าจะทำให้ทุกทีมหันมาเน้นทำประตูกันมากขึ้น
แชมป์เก่าอยู่ในกลุ่ม C ร่วมกับ สเปน เกาหลีใต้ และน้องใหม่โบลิเวีย เปิดสนามมาแชมป์เก่าก็ชนะโบลิเวียได้แค่ 1-0 เท่านั้น นัดที่สองเสมอกับสเปน 1-1 และนัดที่สามชนะเกาหลีใต้ไปอย่างดุเดือด 3-2 จบรอบแรกเก็บได้ 7 คะแนน เป็นที่หนึ่งในสายเข้ารอบสอง ปะทะกับเบลเยี่ยมเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์เดียวกันกับที่ชนะเกาหลีใต้ในรอบแรกคือ 3-2 แล้วไปแพ้ต่อบัลแกเรียในรอบ 8 ทีมสุดท้าย 2-1 ตกรอบไป
ยังไม่จบ ต่อวันพรุ่งนี้อีก 1 วันครับ
ห้องเพลง**คนรากหญ้า**พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสีไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียงเพลง 30/6/2561 - อาถรรพณ์แชมป์เก่า
สวัสดีครับ สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้วันเสาร์ MC แอ๊ด (หวางเจ๋)) ประจำการครับ ^^
มหกรรมฟุตบอลโลก ผ่านรอบแรกไปแล้ว และปรากฏว่า "แชมป์เก่า" เยอรมัน มีอันต้องตกรอบแรก ไม่สามารถเข้ารอบน็อกเอาท์ได้ ต้องพากันกลับบ้าน เล่นเอาแฟนๆ "อินทรีเหล็ก" ซึ่งเริงร่ากันเมื่อ 4 ปีที่แล้วพากันเซ็งไปตามๆกัน
แต่นี่มิใช่ครั้งแรกที่แชมป์เก่าฟุตบอลโลกต้องตกรอบแรก ในอดีตที่ผ่านมาก็เคยเกิดขึ้น หลายครั้ง และแชมป์โลกบางชาติ อาจเข้ารอบไปได้ แต่สุดท้ายก็ต้องกินแห้วอยู่ดี คือไม่มีแชมป์โลกที่ป้องกันแชมป์ได้เลยนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่บราซิลเคยทำไว้เมื่อปี 1962 ที่ชิลี 4 ปีหลังจากคว้าแชมป์ที่สวีเดน หรือจะบอกว่า ตั้งแต่หลังฟุตบอลโลกปี 1966 ที่อังกฤษเป็นเจ้าภาพและคว้าแชมป์ได้ในบ้านตัวเอง ไม่มีทีมชาติใดที่เป็นแชมป์ฟุตบอลโลกแล้วสามารถป้องกันแชมป์ได้ในอีก 4 ปีถัดไปได้อีกเลย มาดูกันครับ (ภาพข้างล่าง ช่องกลาง คือชาติที่เป็นเจ้าภาพ ขวาสุด คือแชมป์ในปีนั้นๆ)
ไปดูเส้นทางของอดีตแชมป์ของแต่ละทีมซึ่งลงป้องกันแชมป์ และปิ๋วไปหมดทุกรายกันครับ
1. อังกฤษ แชมป์ปี 1966 ในบ้านตัวเอง ไปป้องกันแชมป์ปี 1970 ที่เม็กซิโก
ฟุตบอลโลกครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 9 และเป็นครั้งแรกที่มีการถ่ายทอดสดกลับมายังประเทศไทย และคนไทยก็มีได้โอกาสชมฟุตบอลโลกสด ๆ เป็นครั้งแรกผ่านทางจอโทรทัศน์ในนัดชิงชนะเลิศ
อังกฤษ แชมป์เก่า อยู่กลุ่ม C ซึ่งประกอบด้วย บราซิล โรมาเนีย และ เช็คโกสโลวาเกีย กับตัวเอง รวมเป็น 4 ทีม เปิดสนามมาสวยงามครับ อังกฤษชนะโรมาเนียไป 1-0 แต่นัดที่ 2 สู้บราซิลไม่ได้ แพ้ไป 0-1 ทว่าในนัดสุดท้ายก็สามารถเอาชนะเช็คโกสโลวาเกียไป 1-0 เป็นที่สองในสาย ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ซึ่งเป็น 8 ทีมสุดท้าย ไปชนกับ "อินทรีเหล็ก" เยอรมันตะวันตก และถูกเยอรมันถอนแค้นจากที่เคยแพ้ที่อังกฤษ โดยในเวลาปกติเสมอกันอยู่ 2-2 และทีมอินทรีเหล็กยิงแซงชนะไปได้ 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ นาทีที่ 108 ด้วยฝีเท้าของ "ไอ้ลูกระเบิด" แกรด มูลเลอร์" ส่งแชมป์เก่าตกรอบสองกลับบ้านไป
2. บราซิล แชมป์ปี 1970 ไปป้องกันแชมป์ปี 1974 ที่เยอรมนีตะวันตก
ฟุตบอลโลกครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เปลี่ยนถ้วยแชมป์จาก "จูลส์ ริเมต์" ซึ่งเล็กนิดเดียว มาเป็นถ้วย "ฟีฟ่าเวิลด์คัพ" แบบที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน สร้างสรรค์โดยประติมากรชาวอิตาลีที่ชื่อ ซิลวิโอ แกซซานิกา
บราซิลแชมป์เก่า อยู่กลุ่ม B ร่วมกับ ยูโกสลาเวีย สกอตแลนด์ และ สาธารณรัฐซาอีร์ (มาได้ไงเนี่ย) - -" เปิดสนามมาก็ฟอร์มบู่แล้วสำหรับทีมแชมป์เก่า ทำได้แค่เสมอกับยูโกสลาเวีย 0-0 แถมยังไปกินไข่ต่อในนัดที่ 2 เสมอกับสก๊อตแลนด์ 0-0 เดือดร้อนถึงนัดสุดท้ายต้องกอบกู้หน้า ยิงทีมน้องใหม่สาธารณรัฐซาอีร์ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนชื่อเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกจากแอฟริกากลางไปได้ 3-0 จบเป็นที่สองในสาย เข้ารอบสองต่อไป
ในรอบสอง ยังคงใช้ระบบแบ่งกลุ่มอยู่ครับ โดยบราซิลอยู่ในกลุ่ม A ร่วมกับทีมมหากาฬอย่างเยอรมนีตะวันตก ฮอลแลนด์ และอาร์เจนติน่า นัดแรกแชมป์เก่าเฉือนทีมเมืองเบียร์ไปได้หวุดหวิด 1-0 นัดที่ 2 ยังเก่งชนะคู่แค้นอาร์เจนติน่าไป 2-1 แต่นัดสุดท้ายแพ้ฮอลแลนด์ 2-0 จบเป็นที่สองในสาย อดเข้าชิง อดป้องกันแชมป์ ได้แต่ลงชิงที่สามกับโปแลนด์ แถมแพ้โปแลนด์ไปอีก 0-1 คว้าอันดับที่ 4 กลับบ้านไป
3. เยอรมันตะวันตก แชมป์ปี 1974 ไปป้องกันแชมป์ปี 1978 ที่อาร์เจนติน่า
รอบแรก ทีมเมืองเบียร์อยู่สาย B ร่วมกับ โปแลนด์ ตูนิเซีย และเม็กซิโก นัดเปิดสนาม แชมป์เก่าฟอร์มบู่เหมือนบราซิลครั้งที่แล้วเลย เสมอกับโปแลนด์แบบไร้สกอร์ 0-0 นัดที่สองสงสัยจะโดนด่ามามาก เลยแผลงฤทธิ์ไล่ถลุงเม็กซิโกยับเยิน 6-0 แต่แล้วนัดที่สามดันกลับมาฟอร์มบู่อีกรอบ เสมอกับทีมที่ควรจะเป็นสมันน้อยให้ยำอย่างตูนิเซีย 0-0 แต่ก็ยังเข้ารอบสองไปได้โดยเป็นที่สองในสาย
รอบสองก็แบ่งกลุ่มเหมือนครั้งที่แล้ว เยอรมันอยู่กลุ่ม A ร่วมกับฮอลแลนด์ อิตาลี และออสเตรีย นัดแรก เสมอกับทีมอัซซูรีไป 0-0 นัดถัดมาก็เสมอกับฮอลแลนด์อีกแต่คราวนี้มีสกอร์ 2-2 นัดสุดท้ายต้องชนะสถานเดียว แล้วก็อกหักแพ้ออสเตรียไป 3-2 ตกรอบแรก !!! เก็บของกลับไปดื่มเบียร์ที่บ้านตามระเบียบ
4. อาร์เจนติน่า แชมป์ปี 1978 ในบ้านตัวเอง ไปป้องกันแชมป์ปี 1982 ที่สเปน
การแข่งขันครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เพิ่มจำนวนทีมมากขึ้นจาก 16 ทีม เป็น 24 ทีม โดยแบ่งเป็น 6 สายๆละ 4 ทีม
รอบแรก อาร์เจนติน่าอยู่กลุ่ม C ร่วมกับเบลเยี่ยม ฮังการี่ และเอลซัลวาดอร์ นัดเปิดสนามแชมป์เก่าเจ๊งชัยให้กับเบลเยี่ยม 0-1 นัดที่สองฟื้นตัวหวดชนะฮังการีไปสุดมันส์ 4-1 และนัดสุดท้ายตบน้องใหม่เอลซัลวาดอร์ไปเบาะๆ 2-0 ผ่านเข้ารอบสองด้วยการเป็นที่สองในสาย
รอบสอง แบ่งกลุ่มแบบใหม่ เป็น 4 กลุ่มๆ ละ 3 ทีม เอาทีมเดียวเข้ารอบน็อกเอาท์ อาร์เจนติน่าอยู่กลุ่ม C อีกแล้ว โดยร่วมกับ อิตาลี และบราซิล และแพ้หมดทั้งสองนัด โดยนัดแรกโดนทีมอัซซูรี่อัดไป 2-1 และนัดที่สองแพ้ให้กับคู่ปรับคือบราซิลไป 1-3 ตกรอบแรก !!!
5. อิตาลี แชมป์ปี 1982 ที่สเปน ไปป้องกันแชมป์ปี 1986 ที่เม็กซิโก
"อัซซูรี่" แชมป์เก่า อยู่สาย A ร่วมกับ อาร์เจนติน่า บัลแกเรีย และ เกาหลีใต้ นัดเปิดสนาม แชมป์เก่าเสมอกับบัลแกเรีย 1-1 และเสมอกับอาร์เจนติน่าด้วยสกอร์เดียวกันอีกในนัดที่สอง และชนะเกาหลีใต้ในนัดสุดท้ายอย่างหวุดหวิด 3-2 ผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์
ในรอบสอง ต้องเจอกับฝรั่งเศส และโดนทีมเมืองน้ำหอมซึ่งมีตัวเก่งอย่าง มิเชล พลาตินี่ เขี่ยตกรอบไปด้วยสกอร์ 2-0
6. อาร์เจนติน่า แชมป์จากปี 1986 ไปป้องกันแชมป์ปี 1990 ที่อิตาลี
รอบแรก แชมป์เก่า อยู่กลุ่ม B ร่วมกับ แคเมอรูน น้องใหม่เอี่ยมอ่อง โรมาเนีย และสหภพโซเวียต แค่นัดเปิดสนาม แชมป์เก่าก็ทำเอาคนตะลึงกันทั้งโลกโดยแพ้ให้กับแคเมอรูน 0-1 (สมัยนั้นการพนันบอลเล่นต่อกันอย่างมวย ไม่เหมือนสมัยนี้ โดยอาร์เจนติน่าต่อถึง 5-1 มีข่าวว่า ท่านต่อที่เชียงใหม่รายหนึ่งเจ๊งไปห้าล้านเพราะดันมีคนรองล้านนึง!!) นัดที่สองแก้ตัวได้ด้วยการเอาชนะสหภาพโซเวียตไป 2-0 และนัดที่สามเสมอกับโรมาเนีย 1-1 เป็นที่สามในสายตามหลังแคเมอรูนซึ่งเก่งเหลือเชื่อเป็นที่หนึ่งในสายตามด้วยโรมาเนีย แต่ได้เข้ารอบสองเพราะใช้กฏ "ที่สามที่ดีที่สุด 4 ทีม" หลังจบรอบแรก ปรากฏว่าในบรรดาสายทั้ง 6 สาย อาร์เจนติน่าเป็นที่สามที่ดีที่สุด เป็นที่ 1 ในกลุ่ม ตามมาด้วย โคลัมเบีย ฮอลแลนด์ และ อุรุกวัย เข้ารอบสองต่อไป
อาร์เจนติน่ากรุยทางเพื่อป้องกันแชมป์ต่อไปทีละขั้นและดูเหมือนว่าจะไปได้สวย โอกาสป้องกันแชมป์สดใสเอามากๆ พวกเขาผ่านรอบสองด้วยการเขี่ย "เต็งหนึ่ง" บราซิลไปหวุดหวิด 1-0 เข้ารอบควอเตอร์ไฟนอล เจอกับยูโกสลาเวีย ปรากฏว่าพวกยูโกสลาฟเก่งเกินคาดยันเสมอกับแชมป์เก่าได้ 0-0 จนจบ 120 นาที ขุนพลฟ้าขาวก็ยิงพวกเขาไม่ได้ ต้องดวลลูกโทษตัดสิน และเป็นแชมป์เก่ายิงชนะไป 3-2 อย่างน่าใจหายใจคว่ำ ผ่านเข้ารอบตัดเชือกไปปะทะกับ "เจ้าภาพ" อิตาลี ซึ่งหมายมั่นปั้นมือว่าจะเป็นแชมป์ในบ้านตัวเองให้ได้ ถึงรอบตัดเชือกนัดนี้แล้ว ชาวอิตาเลียนทั้งมวลคิดว่าทีมอัซซูรี่ต้องเป็นแชมป์ได้แน่นอน
แล้วดราม่าอันสุดยอดก็เกิดขึ้น ทั้งสองทีมเสมอกันที่ 1-1 ในเวลาปกติ 90 นาที และเมื่อต่อเวลาพิเศษ เป็น 120 นาที ก็ยังยิงกันไม่ได้ การทดเวลาเจ็บเกิดขึ้นและทดนานมากจนมันน่าจะเลยเวลาไปแล้วเสียด้วยซ้ำ คล้ายดังว่ากรรมการรอให้เจ้าบ้านยิงทีมฟ้าขาวให้ได้เสียก่อนแล้วจึงจะเป่าหยุดเกม! มันชวนให้คิดอย่างนั้นจริงๆ แม้แต่คุณเอกชัย นพจินดา หรือ "ย.โย่ง" ซึ่งนั่งบรรยายเกมอยู่ในตอนนั้นก็ถึงกับกล่าวว่า "กรรมการลืมดูนาฬิกาหรือเปล่า!!" และเมื่อนานออกไป...นานออกไป ก็ยังคงเสมอกันอยู่อย่างนั้น ในที่สุดกรรมการก็เป่าให้หมดเวลา พาทั้งสองทีมไปดวลลูกจุดโทษกัน และผลคือ "เจ้าภาพ" อิตาลี แพ้ 3-4 สลดรันทดกันทั้งประเทศ บรรยากาศในสนามตอนนั้นเงียบราวกับป่าช้าเลยทีเดียว ชาวอิตาเลียนในสนามนั่งซึมเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก เป็นบรรยากาศน่าเศร้าสุดๆ...
และแน่ละ! มีแต่ทีมแชมป์เก่า นำโดย "เสือเตี้ย" ดิเอโก้ มาราโดน่าเท่านั้นที่เริงร่า เพราะกำลังจะได้ป้องกันแชมป์ หากทำได้พวกเขาจะเป็นทีมแรก! นับตั้งแต่บอลโลกปี 1966 เป็นต้นมา!
ทีมฟ้าขาว เข้ารอบชิงไปเจอกับเยอรมันซึ่งอกหักมาเมื่อ 4 ปีก่อนด้วยฝีเท้าของพวกเขา ไม่น่าเชื่อเลยว่า คู่ชิงชนะเลิศปีนี้ จะเป็นคู่เดียวกันกับเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จึงเป็นนัด "ล้างตา" เยอรมันบุกเข้าใส่อาร์เจนติน่าอย่างกับพายุบุแคมเพื่อจะยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับทีมฟ้าขาวและล้างแค้นให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยิงไม่ได้ จนกระทั่งได้ลูกที่จุดโทษจากการวิ่งเบียดกันในเขตโทษของพวกเขาและ อังเดรส์ เบรห์เม่ สังหารลูกโทษเข้าไป 1-0 และเป็นประตูชัยที่ทำให้เยอรมันได้ฉลองชัยชนะเป็นแชมป์ ร่วมกับการฉลองการทำลายกำแพงเบอรลินในปีนั้นด้วย มันคือปีของพวกเขาโดยแท้! ส่วนแชมป์เก่าต้องอกหัก มาราโดน่าถึงกับร้องไห้โฮ หลั่งน้ำตาไม่หยุด
7. เยอรมนี แชมป์ปี 1990 ไปป้องกันแชมป์ที่อเมริกา 1994
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกรแข่งขันที่ทวีปอเมริกาเหนือ และเป็นครั้งแรกที่ใช้การนับแต้มระบบ ชนะได้ 3 แต้ม ซึ่งคาดหวังว่าจะทำให้ทุกทีมหันมาเน้นทำประตูกันมากขึ้น
แชมป์เก่าอยู่ในกลุ่ม C ร่วมกับ สเปน เกาหลีใต้ และน้องใหม่โบลิเวีย เปิดสนามมาแชมป์เก่าก็ชนะโบลิเวียได้แค่ 1-0 เท่านั้น นัดที่สองเสมอกับสเปน 1-1 และนัดที่สามชนะเกาหลีใต้ไปอย่างดุเดือด 3-2 จบรอบแรกเก็บได้ 7 คะแนน เป็นที่หนึ่งในสายเข้ารอบสอง ปะทะกับเบลเยี่ยมเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์เดียวกันกับที่ชนะเกาหลีใต้ในรอบแรกคือ 3-2 แล้วไปแพ้ต่อบัลแกเรียในรอบ 8 ทีมสุดท้าย 2-1 ตกรอบไป
ยังไม่จบ ต่อวันพรุ่งนี้อีก 1 วันครับ