สวัสดีค่ะวันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์การไปเที่ยวแบบงงๆ ของเราให้ฟัง ที่บอกว่างงๆ คือเราไม่ได้ตั้งใจจะให้มันกลายเป็น one day trip เลย แต่มันก็เป็นไปแล้วอ่ะเนอะ ไปติดตามกันเลยจร้า

ประมาณกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่นาน เราต้องไปเยี่ยมญาติที่รพ.ตากสิน เราก็ตั้งใจว่าจะไปแวะที่ตลาดท่าดินแดงด้วย ได้ยินมาว่าของกินขึ้นชื่อเยอะต้องไปซะหน่อย เราเดินทางไปถึงรพ.ประมาณ 9 โมงกว่าๆ เราใช้เวลาซักพักก็ออกมาเพื่อจะไปตลาดท่าดินแดง ซึ่งระยะทางจากรพ.ตากสินไปตลาดท่าดินแดงก็ไม่ไกลเท่าไหร่เราเลยเดินไป ตามสไตล์ชะนีอินดี้ แต่ถ้าใครไม่ใช่สายเดินก็เรียกตุ๊กๆไปส่งได้เหมือนกัน

เราก็เดินไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าแดดจะร้อนไปซะหน่อย (แต่จริงๆเราว่าไม่หน่อย ) เราก็เดินต่อไป เราเดินมาถึงซอยนึงที่มีป้ายแดงๆเขียนว่า “วัดทองนพคุณ” เราคิดในใจว่าแถวนี้มีวัดด้วยแฮะ ไปไหว้พระซะหน่อยดีกว่า เราก็เลยเดินเลี้ยวเข้าซอยไปเดินเข้าไปพอสมควรก็เจอกับทางเข้า ซึ่งน่าจะเป็นทางเข้าด้านข้างของวัดมั้ง เพราะมันไม่ใช่ซุ้มประตูใหญ่ๆแบบวัดอื่น เดินเข้าประตูนั้นไปก็เจอกับพระอุโบสถเลย เป็นอุโบสถที่มีความแตกต่างจากวัดอื่นตรงที่หน้าต่างมีรูปทรงเป็นวงกลม ไม่เหมือนวัดอื่นที่เป็นสี่เหลี่ยม มันก็สวยดีนะ อยากเข้าไปดูข้างในแต่ทางวัดกำลังปิดปรับปรุง ข้างๆอุโบสถก็เหมือนกำลังจะสร้างอะไรซักอย่าง พระก็ไม่ได้ไหว้ ข้างในก็ไม่ได้เห็น เหมือนมาเสียเที่ยวเลย แต่เราก็ไมรู้ว่าวัดมันเปิดวันไหนอะไรยังไง วันที่ไปวัดมันก็จะเงียบหน่อยๆ ก็ถือว่ามาเดินถ่ายรูปเล่นละกัน เราเดินมาตรงที่จอดรถของวัด ตรงนั้นมีเรือจำลองที่สร้างจากปูนอยู่ เราก็เข้าไปสำรวจใกล้ๆปรากฎว่ามันคือที่เก็บอัฐิ เราเลยถอยออกมาอย่างไว จะบอกว่าแอบกลัวเบาๆ


หลังจากเดินเลี่ยงออกมาจากตรงนั้นสายตาเหลือบไปเห็นหออะไรซักอย่างเป็นสถาปัตยกรรมจีน ซึ่งมันน่าจะอยู่ใกล้แถวนี้เราเลยถามคนแถวนั้นๆว่ามันไปยังไง เค้าก็บอกว่ามันมีป้ายบอกอยู่เดินตามป้ายไปเลย เดินไปไม่ไกลก็ถึงมันคือ “สมาคมเผยแผ่คุณธรรมเต็กก่าจีจินเกาะ” เราว่ามันน่าจะเป็นวัดจีนที่ค่อนข้างจะหรูหรา และสวยงามมาก เดินเข้าไปฝั่งซ้ายตึกใหญ่ๆเป็นเทววิหาร ฝั่งขวาจะเป็นหอที่เรามองเห็นจากวัดนั่นแหละ ถามคนที่วัดเค้าบอกว่ามันคือพระมหาธาตุเจดีย์พระจอมชาตรีไทยจีนเฉลิม (ชื่อยาวเชียว) เราพยายามถ่ายรูปพระมหาธาตุเจดีย์ให้ได้มุมที่สวยที่สุด แต่ด้วยความสูงพระมหาธาตุเจดีย์ ทำให้หามุมถ่ายให้สวยยากอยู่ ข้างๆพระมหาธาตุเจดีย์มีกำแพงมังกร อันนี้เราเรียกแบบนั้นเองเพราะทั้งกำแพงมีแต่มังกร เราเดินจากพระมหาธาตุเจดีย์ไปที่ซุ้มประตูตรงท่าเรือของวัด แล้วไปสะดุดตากับท่าเรือที่อยู่ถัดไปจากวัดซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเอเชียทีค ถ้ามีเรือตรงนั้นนั่งไปไม่เกิน 2 นาทีถึงแน่นอนแต่พอดีไม่มี 555


เรามาถามคนในวัดเผื่อเค้าจะรู้ว่าไอท่าตรงนั้นมันคืออะไรแล้วจะไปตรงนั้นได้ยังไง เค้าบอกว่ามันคือ “ล้ง 1919” จากนี่ไปก็คือเดินออกไปหน้าปากซอยวัดนพคุณที่เราเดินเข้ามา แล้วเดินขึ้นไปถึงซอยวัดทองธรรมชาติ เค้าบอกมันอยู่ในซอยนั้น เราก็ไปตามทางที่เค้าบอกมาทันที

จากซอยวัดทองนพคุณไปถึงซอยวัดทองธรรมชาติ ก็เดินพอสมควรเหมือนกันพอถึงซอยวัดทองธรรมชาติก็ต้องเดินเข้าไปในซอยอีกไกลอยู่เหมือนกัน ก่อนจะถึงล้ง1919 จะถึงวัดทองธรรมชาติก่อนเราก็เลยเข้าวัดก่อนค่อยไปล้ง ซึ่งก็เป็นไปตามคาดวัดเงียบสงัด เราก็แค่ถ่ายด้านนอกของวัดแล้วก็ออกมา แล้วก็เดินไปที่ล้งซึ่งอยู่เยื้องๆทางเข้าวัดไปไม่ไกล


พอเข้ามาในล้งเราก็เดินสำรวจทันที จากทางเข้าฝั่งขวามือจะเป็น “ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว” ฝั่งซ้ายจะเป็นทางไปท่าเรือ ตึกในล้งนั้นเป็นเรือนไม้สถาปัตยกรรมจีนโบราณมี 2 ชั้น ชั้นล่างส่วนใหญ่จะเป็นร้านต่างๆ มีทั้งขายอาหาร เสื้อผ้า บลาๆ ชั้นบนจัดเป็นห้องสไตล์จีนโบราณไว้ 4 ห้อง ห้องแรกที่ขึ้นบันไดไปแล้วเจอเลยเป็นห้องหนังสือ ถัดจากห้องหนังสือเป็นห้องรับประทานอาหาร ส่วนตรงกลางเป็นเหมือนศาลเล็กๆ คล้ายๆกับจะเป็นตี่จู่ (ศาลพระภูมิของจีน) ห้องถัดจากตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่น ห้องสุดท้ายเป็นห้องนอน เฟอร์นิเจอร์ในแต่ละห้องเป็นไม้ทั้งหมด ทำให้เข้าถึงบรรยากาศความเป็นจีนโบราณมากๆ



หลังจากถ่ายรูปข้างบนเสร็จเราก็ลงมากะจะเดินไปดูแถวๆท่าเรือว่ามีอะไรบ้าง ระหว่างที่เดินเราหันไปเห็นซอกเล็กๆข้างตึก มีป้ายเล็กตั้งอยู่เขียนว่า pet zone เราก็แบบเฮ้ยมีงี้ด้วยหรอ เลยเดินไปสำรวจทันทีปรากฎว่ามันคือโซนที่ไว้ให้น้องหมา น้องแมว มาปลดปล่อย ไอเราก็นึกว่าแบบเป็นโซนที่เหมาะกับพาน้องหมา น้องแมวของเรามาเดินเล่นได้ไรงี้แป้กเลย แต่ก็แสดงว่าพาน้องหมา น้องแมวมาเที่ยวที่นี่ได้


เราเดินต่อมาจนถึงบริเวณแถวๆท่าเรือ ตรงใกล้ท่าเรือสถาปัตยกรรมอะไรซักอย่างที่คล้ายๆกับเจดีย์ตั้งอยู่เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ถ้าหันหน้าเข้าหาศาลเจ้าแม่ฝั่งซ้ายมือจะมีร้านอาหารอยู่ 3 ร้าน ร้านจะใหญ่กว่าร้านที่อยู่ใต้ตึก ส่วนฝั่งขวาจะเป็นฮอลล์ที่น่าจะเอาไว้จัดงาน และอย่างสุดท้ายที่เรารู้สึกว่ามันดี๊ดีคือ ห้องน้ำ ซึ่งจะอยู่ใกล้ๆกับฮอลล์ ต้องขึ้นบันไดไปแล้วจะเจอกับความหรูหราของห้องน้ำ เป็นห้องน้ำห้องใหญ่ห้องเดียวที่ทางเข้าห้องน้ำเป็นประตูกระจกอัตโนมัติ ติดแอร์ แยกฝั่งซ้ายเป็นของผู้หญิง ฝั่งขวาเป็นของผู้ชาย ซึ่งเราว่ามันไม่ค่อยจะเวิร์คเท่าไหร่ที่ทำห้องน้ำแบบนี้ เพราะมันคือห้องเดียวแต่แบ่งฝั่งเอา โอกาสเข้าผิดมีสูง แต่ก็อภัยให้ในความหรูหราแล้วกัน (เราไม่ได้ถ่ายรูปห้องน้ำมา) เมื่อถ่ายรูปจนหนำใจแล้วเราก็ตระหนักได้ว่าเราควรจะไปที่ตลาดท่าดินแดงได้แล้ว


พอเราเดินมาจนถึงตลาดดินแดงตอนนั้นน่าจะประมาณ 11 โมงกว่าๆ ร้านอาหารพวก street food ยังไม่ค่อยครึกครื้นเท่าไหร่ อารมณ์เหมือนแบบพึ่งมาตั้งร้านไม่นาน เราก็เลยเดินไปเรื่อยๆก่อน จนมาหยุดที่ร้านค่าเฟ่เล็กๆ คือร้านนมสดท่าดินแดง มันก็จะอารมณ์คล้ายกับมนต์นมสดนั่นแหละ มีขนม มีสังขยา มีแยมที่ร้านทำเอง เราไปนั่งกินนมกับขนมปังปิ้งราดสังขยา สังขยาของเค้ารสชาติกำลังดีเลย ไม่หวานไป เรานั่งเล่นตากแอร์ซักพักก็มาซื้อขนมนิดหน่อยของร้านก่อนจะไปหาข้าวเที่ยงกินอย่างจริงจัง เราสายกินอยู่ละแค่ขนมปังนี่จิ๊บๆมาก


เรานั่งรถเมล์จากแถวนั้นกลับมาคลองสานเพื่อจะต่อรถไปลงบีทีเอส ป้ายที่เราคือป้ายที่เลยคลองสานพลาซ่ามาไม่ไกล เราเลยตัดสินใจเดินย้อนกลับไปเพื่อหาอะไรกินตรงนั้น บรรยากาศลองสานพลาซ่ามันก็จะคล้ายกับตลาดนัดจตุจักรแต่เล็กกว่าเยอะ เราเดินเข้าไปไม่กี่เมตรฝั่งซ้ายมือจะมีโซนที่เป็นร้านอาหารมีมากมายหลายหลากให้เลือกเราก็กินข้าวมันที่นี่แหละ พอกินเสร็จเราก็เดินช็อปปิ้งกรุบกริบๆ แล้วขากลับออกมาที่เราจะไปขึ้นรถเมล์เราแวะซื้อบัวลอยเจ้าดังในตลาดกลับบ้านด้วย


ทริปของเราในครั้งนี้อาจจะไม่มีก็ได้ถ้าเราไม่ได้จะไปตลาดท่าดินแดง จากจุดหมายแค่รพ.กับตลาด กลายเป็นการเดินไปเรื่อย เจอตรงไหนน่าสนใจก็แวะไปซะงั้น แต่ก็ได้ทั้งเที่ยว ทั้งเดินออกกำลังกายไปในตัวด้วย แถวคลองสานตอนนี้รถค่อนข้างจะติด เห็นว่ามีการปิดถนนเพื่อเตรียมสร้างรถไฟฟ้าในเส้นทางนั้น และยังมีการก่อสร้างห้างฯตรงแถวนั้นอีกด้วย ต่อไปในอนาคตแถวนั้นคงมีความเจริญน่าดู จะเดินทางมาแถวนี้ก็สะดวกขึ้นเพราะต่อไปจะมีรถไฟฟ้าผ่าน ไม่ต้องมานั่งรถหลายต่อให้เหนื่อยกัน

นี่ก็เป็น one day trip ของเราอีกหนึ่งทริป ถึงแม้ว่ามันจะเกิดขึ้นแบบงงๆก็ตาม แต่ก็ได้เปิดประสบการณ์ในการเที่ยวในกรุงเทพฯมากขึ้นใครสนใจแนะนำให้ไปลองดูนะคะ