. ยุคนี้แทบจะบอกได้เลยว่าเป็นยุคที่ธุรกิจขายของออนไลน์ปังสุดๆ ใครๆ ก็หันมายึดอาชีพแม่ค้าออนไลน์หารายได้เสริมกันเป็นแถวๆซึ่งในฐานะที่ขายของออนไลน์มาหลายปีเหมือนกัน ทำให้ต้องเริ่มหันมามองหาหนทางเพิ่มยอดขายให้กับร้านตัวเอง เผื่ออนาคตจะมีรายได้เพิ่มจากออเดอร์ต่างประเทศกะเค้าบ้าง แต่ถึงยังไงก็ยังแอบห่วงเรื่องส่งของอยู่ ว่าจะส่งแบบไหนยังไงดีมีค่าใช้จ่ายสูงมั๊ย และใช้เวลาส่งนานแค่ไหนกว่าจะถึงมือลูกค้า
ปกติออเดอร์ในไทยก็จะเคยชินกับการส่ง EMS แหล่ะ มีแค่บางเคสที่ลูกค้ารอได้และอยากเซฟค่าส่งก็จะส่งแบบลงทะเบียนธรรมดา แต่ตอนนี้กำลังดูข้อมูลส่งของไปต่างประเทศจากเว็บไปรษณีย์เห็นมีบริการใหม่อยู่ตัวหนึ่งดูน่าสนใจอยู่เหมือนกัน คิดว่าน่าจะเหมาะกับแม่ค้าออนไลน์รายย่อยอย่างเราอยู่ไม่น้อย
บริการใหม่ของไปรษณีย์ที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เป็นบริการส่งของแบบ ePacket ขาออกระหว่างประเทศ ซึ่งเหมาะกับการส่งของที่มีมูลค่าไม่มาก ได้ทั้งแบบซองและแบบกล่อง น้ำหนักไม่เกิน 2 กก. ค่าส่งไม่แพงและถึงแม้ว่าจะไม่มีการชดเชยหากของสูญหาย แต่ก็สามารถซื้อประกันเพิ่มได้ตามวงเงินที่กำหนด และยังตรวจสอบสถานะได้ตลอดเวลา แต่จะไม่เน้นความเร็ว มีระยะเวลาจัดส่งอยู่ที่ 3-9 วัน ขึ้นอยู่กับประเทศปลายทาง ถ้าในกรณีที่ลูกค้ารอได้และไม่อยากจ่ายค่าส่งแพง บริการตัวนี้น่าจะเวิร์คสุด ตอนนี้เห็นมีเปิดบริการแล้ว 12 ประเทศปลายทาง และคาดว่าน่าจะมีประเทศปลายทางอัพเดทเพิ่มมาอีกเรื่อยๆ โดยมีอัตราค่าส่งแบ่งประเทศปลายทางตามกลุ่ม ตามนี้
กลุ่มที่ 1 คือ ฮ่องกง เกาหลีใต้ จีน มัลดีฟส์ เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไต้หวัน
กลุ่มที่ 2 คือ ญี่ปุ่น และ ออสเตรเลีย
กลุ่มที่ 3 คือ สหรัฐอเมริกา
จากที่เมื่อก่อนเคยส่งของให้ลูกค้าที่มาเลเซียอยู่หลายครั้ง เลยลองคำนวณค่าส่งของไปมาเลเซียเปรียบเทียบกับบริการแต่ละประเภทของไปรษณีย์ดู สมมุติว่าเราส่งของน้ำหนักไม่เกินครึ่งกิโลกรัมไปมาเลเซีย ค่าส่งแบบ
ePacket จะอยู่ที่ 220 บาท ก็ถือว่าโอเลยนะ ถูกกว่า EMS World เอาไว้เผื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับลูกค้าที่ไม่รีบ สามารถรอสินค้าได้ และต้องการประหยัดค่าส่ง
ส่วนอันนี้มองเผื่อไปถึงเคสที่ลูกค้าอยากได้สินค้าเร็ว และยอมจ่ายค่าส่งได้ ที่ไปรษณีย์ก็มีบริการส่งของไปต่างประเทศระดับพรีเมียมที่เรียกว่าบริการ
คูเรียร์โพสต์(Courier Post) ซึ่งเพิ่งเริ่มเปิดให้บริการไปเมื่อต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยจับมือกับ DHL มีการดำเนินการผ่านศุลกากรประเทศปลายทางแบบเบ็ดเสร็จ ถึงเร็วกว่า EMS โดยนำจ่ายถึงที่อยู่ผู้รับภายใน 2-3 วัน ส่งน้ำหนักได้สูงสุดถึง 30 กก. แต่ค่าส่งย่อมแพงกว่าเป็นธรรมดา ตอนนี้เปิดให้บริการแล้ว 25 ประเทศปลายทาง เราลองมาดูอัตราค่าส่งของ
Courier Post กันดูซักหน่อย
จะเห็นได้เลยว่าอัตราค่าส่งของ
Courier Post สูงขึ้นตามมาตรฐานการจัดส่งเลย แต่ก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งของแม่ค้าออนไลน์ยุค 4.0 ได้อย่างดีทีเดียว ตอนนี้เปิดให้บริการแล้ว ณ ที่ทำการไปรษณีย์รวม 171 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
แต่ส่วนตัวแล้วบริการ
ePacket ถือว่าน่าจะตอบโจทย์เราได้ดีที่สุด เพราะส่วนใหญ่จะส่งแต่ของชิ้นเล็ก ลูกค้าก็เน้นในแถบเอเซีย แถมลูกค้าส่วนใหญ่ก็ต้องการประหยัดค่าส่ง รอของได้ งั้นเอาเป็นว่าไว้มีออเดอร์ต่างประเทศเข้ามาอีกเมื่อไหร่ ได้ลองใช้แน่นอนกับเจ้า
ePacket ตัวนี้สะดวกและประหยัดแบบนี้ถือว่าเป็นการเตรียมรับมือกับการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างดีทีเดียว บอกคำเดียวว่าแม่ค้าปลื้ม!
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thailandpost.co.th
THP Contact Center 1545
[Advertorial]
[BR] ขายของลูกค้าต่างประเทศ ส่งแบบไหนประหยัดสุด?
ปกติออเดอร์ในไทยก็จะเคยชินกับการส่ง EMS แหล่ะ มีแค่บางเคสที่ลูกค้ารอได้และอยากเซฟค่าส่งก็จะส่งแบบลงทะเบียนธรรมดา แต่ตอนนี้กำลังดูข้อมูลส่งของไปต่างประเทศจากเว็บไปรษณีย์เห็นมีบริการใหม่อยู่ตัวหนึ่งดูน่าสนใจอยู่เหมือนกัน คิดว่าน่าจะเหมาะกับแม่ค้าออนไลน์รายย่อยอย่างเราอยู่ไม่น้อย
กลุ่มที่ 3 คือ สหรัฐอเมริกา
จากที่เมื่อก่อนเคยส่งของให้ลูกค้าที่มาเลเซียอยู่หลายครั้ง เลยลองคำนวณค่าส่งของไปมาเลเซียเปรียบเทียบกับบริการแต่ละประเภทของไปรษณีย์ดู สมมุติว่าเราส่งของน้ำหนักไม่เกินครึ่งกิโลกรัมไปมาเลเซีย ค่าส่งแบบ ePacket จะอยู่ที่ 220 บาท ก็ถือว่าโอเลยนะ ถูกกว่า EMS World เอาไว้เผื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับลูกค้าที่ไม่รีบ สามารถรอสินค้าได้ และต้องการประหยัดค่าส่ง
ส่วนอันนี้มองเผื่อไปถึงเคสที่ลูกค้าอยากได้สินค้าเร็ว และยอมจ่ายค่าส่งได้ ที่ไปรษณีย์ก็มีบริการส่งของไปต่างประเทศระดับพรีเมียมที่เรียกว่าบริการ คูเรียร์โพสต์(Courier Post) ซึ่งเพิ่งเริ่มเปิดให้บริการไปเมื่อต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยจับมือกับ DHL มีการดำเนินการผ่านศุลกากรประเทศปลายทางแบบเบ็ดเสร็จ ถึงเร็วกว่า EMS โดยนำจ่ายถึงที่อยู่ผู้รับภายใน 2-3 วัน ส่งน้ำหนักได้สูงสุดถึง 30 กก. แต่ค่าส่งย่อมแพงกว่าเป็นธรรมดา ตอนนี้เปิดให้บริการแล้ว 25 ประเทศปลายทาง เราลองมาดูอัตราค่าส่งของ Courier Post กันดูซักหน่อย
จะเห็นได้เลยว่าอัตราค่าส่งของ Courier Post สูงขึ้นตามมาตรฐานการจัดส่งเลย แต่ก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่งของแม่ค้าออนไลน์ยุค 4.0 ได้อย่างดีทีเดียว ตอนนี้เปิดให้บริการแล้ว ณ ที่ทำการไปรษณีย์รวม 171 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
แต่ส่วนตัวแล้วบริการ ePacket ถือว่าน่าจะตอบโจทย์เราได้ดีที่สุด เพราะส่วนใหญ่จะส่งแต่ของชิ้นเล็ก ลูกค้าก็เน้นในแถบเอเซีย แถมลูกค้าส่วนใหญ่ก็ต้องการประหยัดค่าส่ง รอของได้ งั้นเอาเป็นว่าไว้มีออเดอร์ต่างประเทศเข้ามาอีกเมื่อไหร่ ได้ลองใช้แน่นอนกับเจ้า ePacket ตัวนี้สะดวกและประหยัดแบบนี้ถือว่าเป็นการเตรียมรับมือกับการขยายตัวของธุรกิจอีคอมเมิร์ซได้อย่างดีทีเดียว บอกคำเดียวว่าแม่ค้าปลื้ม!
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.thailandpost.co.th
THP Contact Center 1545
[Advertorial]
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน