เราอยู่ ม.3 เเล้วค่ะ ร.ร.ดีๆมีคุณภาพ สอบติดห้องปกติห้องต้นๆ ตอนนี้เรากำลังมีปัญหาเรื่องเพื่อนค่ะ
ตามมาด้วยเรื่องเรียนที่เป็นผลกระทบจากเรื่องเพื่อน
เดี๋ยวจะเเปะลิ้งค์ตรงคอมเมนต์ อาการของโรคสมาธิสั้น เพื่อจะได้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ
เราเริ่มกินยาตั้งเเต่ 1ขวบค่ะ เเม่ของเราเห็นอาการของเราได้ทัน ทั้งๆที่อาการก็ไม่ได้ดูชัดเจนมากนัก เพราะว่าเเม่เราเป็นพยาบาลค่ะ เเล้วพ่อของเราก็เป็นสมาธิสั้นเหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่เราไม่รู้เลยว่า อาการสมาธิสั้น ถ้าไม่รู้อาการของโรคจริงๆ จะดูไม่ออกเลย
ว่าเป็นหรือไม่เป็น มันเนียนไปกับคนปกติทั่วไปได้เลยค่ะ เเม่เราก็ดูพ่อเราไม่ออก เเถมเเต่งงานกัน เเล้วก็เลิกกันกับเเม่ของเราไปตั้งเเต่เรา 8ขวบ
ชีวิตประถมของเรา เป็นคนที่ร่าเริงเเจ่มใสเเล้วก็พูดมากค่ะ อยู่ไม่นิ่ง ค่อนข้างขี้โมโห ขี้หลงขี้ลืม ที่เรากลายเป็นเด็กที่ชอบเข้าหาเพื่อนมากขึ้น ต่างจากตอนอยู่ศูนย์เด็ก ก็เพราะว่าได้กินยานี่เเหละค่ะ เเต่กินยาอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะหายเร็วนะคะ 2-3ปีถึงจะเห็นผลชัดมากขึ้นค่ะ
ในช่วงประถมที่ว่านี้ เรามีเพื่อนเยอะนะคะ พออาการเริ่มดีขึ้นมาอีก ก็กลายเป็นเด็กเก่งค่ะ ตั้งเเต่ ป.4 -ป.5
ค่ะ จากที่ไม่เคยเก่งอังกฤษ ก็มาเก่งเพราะมีสมาธิดีขึ้นค่ะ ถึงบางครั้งสมาธิจะหลุดอยู่บ้างเล็กน้อย เพื่อนก็ยังติเราอยู่บ้าง เราสอบได้ที่1-2 ต่อเนื่องกัน 2ปีค่ะ
เรามีความสามารถพิเศษด้วย เเต่เป็นเก็บไว้ไม่บอกดีกว่า
พอขึ้น ม.1 เราก็ยังอารมณ์เเจ่มใสเหมือนเดิมค่ะ ยังชอบเข้าหาเพื่อนเหมือนเดิมค่ะ เเต่ก็ยังอยู่ในช่วงปรับตัวเหมือนกัน เพราะเด็กเก่งมันเยอะ เราได้เเค่ที่7ค่ะ
พอเข้าสู่เทอม2 ม.1 เราก็กลายเป็นเด็กเงียบลงเนื่องจากเราโดนเพื่อนพูดเเรงเเละโกรธใส่ค่ะ
นิสัยของเราควบคุมด้วยตัวเองไม่ได้เลยค่ะ เปลี่ยนเเปลงไปตามสิ่งเเวดล้อมเเละอาการของโรคสมาธิสั้นค่ะ
พอมา ม.2 นี่เเหละค่ะ คือปัญหาของเรา จุดเปลี่ยนเลย ม.1 ยังไม่เท่าไรนะคะ เราไม่ค่อยถนัดวิชาประเภท
ที่ปฏิบัติเเละใช้ความจำควบคู่ค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องยากอย่างเด็กสมาธิสั้นอย่างเรา เช่น เเอโรบิก รำนาฏศิลป์ พละเล่นเป็นทีม/กลุ่ม เพื่อนติว่านินทาเรา
ต่างจากตอนเเรกที่เเค่โดนติว่าทั่วไป โดนโกรธ โดนรำคาญ สายตาที่เพื่อนมองเราเปลี่ยนไป เราเริ่มไม่กล้าสบตาเพื่อน ไม่กล้าเด่นเกินเพื่อน ห้ามคิดมากเรื่องเพื่อนไม่ได้ ไม่กล้าไปสนิทกับใคร ไม่กล้าจะพูดเยอะกับใคร ได้เเค่เพื่อนถามคำเราตอบคำ กลายเป็นคนเงียบ ไร้เพื่อน ไม่มีใครเข้าใจ เวลาเราขี้ลืมเพื่อนก็ทำเหมือนรู้ดี คิดว่าเราไม่ได้ลืมเเต่ตั้งใจเห็นเเก่ตัว เวลามีงานกลุ่มเพื่อนก็จะกังวลเเต่กับเราคนเดียว มันจะซ้อมมามั้ย ตอนอยู่บ้านเราตั้งใจดีค่ะ เเต่มาโรงเรียนก็ขี้ลืมเหมือนเคย ก็มันเป็นอาการสมาธิสั้นนี่นะ จะให้ทำไงล่ะ ตอนป.1 -ป.3 ยิ่งลืมของบ่อยเลย บางอันซื้อมาได้เเค่วันเดียวก็หาย ลืมกระเป๋าไว้หน้าเซเว่น ทำหนังสือเรียนหาย ลืมกล่องดินสอไว้ใต้โต๊ะ ลืมพันผ้าพันคอมา ยุวฯ ใส่ชุดผิดบ่อย ทำอะไรก็ผิดพลาดบ่อย ไม่มีสมาธิเรียนเลยไปเดินเล่นอยู่นอกห้อง ครูก็มาตาม
ที่ผ่านมาตอนป.1-6ยังไม่รู้ตัวเองชัดเจนเท่าไร
เเต่พอมา ม.3 เริ่มรู้ตัวมากขึ้น กำลังจะเเหกนิสัยโรคสมาธิสั้นอยู่ กินยาต่อเนื่องอย่างเดียวไม่พอ
ต้องบำบัดสมาธิด้วย ต้องรู้จักเผชิญหน้ากับสังคม ต้องยอมรับโรคที่เป็น ต้องทำใจกับสิ่งเเวดล้อมบรรยากาศครึมๆใน ร.ร.ให้ได้
อาการสมาธิสั้นมันกลับมาหนักเเย่ลงมากๆในตอนนี้
มันยากจังเลยอ่ะ ทำยังไงถึงจะห้ามความกลัวไปได้
รู้สึกเสียคุณค่าในตัวเองมากๆเลย
ถ้าเรากล้าที่จะทำให้ตัวเองเปลี่ยนไป ถ้าเรากล้าที่จะให้ตัวเองสู้กับคำต่อกรของเพื่อน
เพื่อนจะมองเราเปลี่ยนไปมั้ย มองในทาง มองในทางที่ไม่ดีใช่มั้ย เเละเพื่อนจะยอมรับให้เรามาเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้รึเปล่า
ความลับของ "เด็กสมาธิสั้น" อย่างเราที่ไม่มีใครรู้เลย
ตามมาด้วยเรื่องเรียนที่เป็นผลกระทบจากเรื่องเพื่อน
เดี๋ยวจะเเปะลิ้งค์ตรงคอมเมนต์ อาการของโรคสมาธิสั้น เพื่อจะได้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ
เราเริ่มกินยาตั้งเเต่ 1ขวบค่ะ เเม่ของเราเห็นอาการของเราได้ทัน ทั้งๆที่อาการก็ไม่ได้ดูชัดเจนมากนัก เพราะว่าเเม่เราเป็นพยาบาลค่ะ เเล้วพ่อของเราก็เป็นสมาธิสั้นเหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่เราไม่รู้เลยว่า อาการสมาธิสั้น ถ้าไม่รู้อาการของโรคจริงๆ จะดูไม่ออกเลย
ว่าเป็นหรือไม่เป็น มันเนียนไปกับคนปกติทั่วไปได้เลยค่ะ เเม่เราก็ดูพ่อเราไม่ออก เเถมเเต่งงานกัน เเล้วก็เลิกกันกับเเม่ของเราไปตั้งเเต่เรา 8ขวบ
ชีวิตประถมของเรา เป็นคนที่ร่าเริงเเจ่มใสเเล้วก็พูดมากค่ะ อยู่ไม่นิ่ง ค่อนข้างขี้โมโห ขี้หลงขี้ลืม ที่เรากลายเป็นเด็กที่ชอบเข้าหาเพื่อนมากขึ้น ต่างจากตอนอยู่ศูนย์เด็ก ก็เพราะว่าได้กินยานี่เเหละค่ะ เเต่กินยาอย่างเดียวก็ใช่ว่าจะหายเร็วนะคะ 2-3ปีถึงจะเห็นผลชัดมากขึ้นค่ะ
ในช่วงประถมที่ว่านี้ เรามีเพื่อนเยอะนะคะ พออาการเริ่มดีขึ้นมาอีก ก็กลายเป็นเด็กเก่งค่ะ ตั้งเเต่ ป.4 -ป.5
ค่ะ จากที่ไม่เคยเก่งอังกฤษ ก็มาเก่งเพราะมีสมาธิดีขึ้นค่ะ ถึงบางครั้งสมาธิจะหลุดอยู่บ้างเล็กน้อย เพื่อนก็ยังติเราอยู่บ้าง เราสอบได้ที่1-2 ต่อเนื่องกัน 2ปีค่ะ
เรามีความสามารถพิเศษด้วย เเต่เป็นเก็บไว้ไม่บอกดีกว่า
พอขึ้น ม.1 เราก็ยังอารมณ์เเจ่มใสเหมือนเดิมค่ะ ยังชอบเข้าหาเพื่อนเหมือนเดิมค่ะ เเต่ก็ยังอยู่ในช่วงปรับตัวเหมือนกัน เพราะเด็กเก่งมันเยอะ เราได้เเค่ที่7ค่ะ
พอเข้าสู่เทอม2 ม.1 เราก็กลายเป็นเด็กเงียบลงเนื่องจากเราโดนเพื่อนพูดเเรงเเละโกรธใส่ค่ะ
นิสัยของเราควบคุมด้วยตัวเองไม่ได้เลยค่ะ เปลี่ยนเเปลงไปตามสิ่งเเวดล้อมเเละอาการของโรคสมาธิสั้นค่ะ
พอมา ม.2 นี่เเหละค่ะ คือปัญหาของเรา จุดเปลี่ยนเลย ม.1 ยังไม่เท่าไรนะคะ เราไม่ค่อยถนัดวิชาประเภท
ที่ปฏิบัติเเละใช้ความจำควบคู่ค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องยากอย่างเด็กสมาธิสั้นอย่างเรา เช่น เเอโรบิก รำนาฏศิลป์ พละเล่นเป็นทีม/กลุ่ม เพื่อนติว่านินทาเรา
ต่างจากตอนเเรกที่เเค่โดนติว่าทั่วไป โดนโกรธ โดนรำคาญ สายตาที่เพื่อนมองเราเปลี่ยนไป เราเริ่มไม่กล้าสบตาเพื่อน ไม่กล้าเด่นเกินเพื่อน ห้ามคิดมากเรื่องเพื่อนไม่ได้ ไม่กล้าไปสนิทกับใคร ไม่กล้าจะพูดเยอะกับใคร ได้เเค่เพื่อนถามคำเราตอบคำ กลายเป็นคนเงียบ ไร้เพื่อน ไม่มีใครเข้าใจ เวลาเราขี้ลืมเพื่อนก็ทำเหมือนรู้ดี คิดว่าเราไม่ได้ลืมเเต่ตั้งใจเห็นเเก่ตัว เวลามีงานกลุ่มเพื่อนก็จะกังวลเเต่กับเราคนเดียว มันจะซ้อมมามั้ย ตอนอยู่บ้านเราตั้งใจดีค่ะ เเต่มาโรงเรียนก็ขี้ลืมเหมือนเคย ก็มันเป็นอาการสมาธิสั้นนี่นะ จะให้ทำไงล่ะ ตอนป.1 -ป.3 ยิ่งลืมของบ่อยเลย บางอันซื้อมาได้เเค่วันเดียวก็หาย ลืมกระเป๋าไว้หน้าเซเว่น ทำหนังสือเรียนหาย ลืมกล่องดินสอไว้ใต้โต๊ะ ลืมพันผ้าพันคอมา ยุวฯ ใส่ชุดผิดบ่อย ทำอะไรก็ผิดพลาดบ่อย ไม่มีสมาธิเรียนเลยไปเดินเล่นอยู่นอกห้อง ครูก็มาตาม
ที่ผ่านมาตอนป.1-6ยังไม่รู้ตัวเองชัดเจนเท่าไร
เเต่พอมา ม.3 เริ่มรู้ตัวมากขึ้น กำลังจะเเหกนิสัยโรคสมาธิสั้นอยู่ กินยาต่อเนื่องอย่างเดียวไม่พอ
ต้องบำบัดสมาธิด้วย ต้องรู้จักเผชิญหน้ากับสังคม ต้องยอมรับโรคที่เป็น ต้องทำใจกับสิ่งเเวดล้อมบรรยากาศครึมๆใน ร.ร.ให้ได้
อาการสมาธิสั้นมันกลับมาหนักเเย่ลงมากๆในตอนนี้
มันยากจังเลยอ่ะ ทำยังไงถึงจะห้ามความกลัวไปได้
รู้สึกเสียคุณค่าในตัวเองมากๆเลย
ถ้าเรากล้าที่จะทำให้ตัวเองเปลี่ยนไป ถ้าเรากล้าที่จะให้ตัวเองสู้กับคำต่อกรของเพื่อน
เพื่อนจะมองเราเปลี่ยนไปมั้ย มองในทาง มองในทางที่ไม่ดีใช่มั้ย เเละเพื่อนจะยอมรับให้เรามาเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้รึเปล่า