สวัสดีค่ะ หลังจากนอนตกตะกอนความคิดมาหนึ่งคืน จึงตัดสินใจเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อบอกเล่าความเห็นจากแฟนคลับ 48G คนหนึ่งที่มีโอกาสใช้แต้มบุญได้ไปดูการแสดงที่เธียเตอร์ของ BNK48 รอบวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ยอมรับว่าค่อนข้างคิดหนักเพราะฟีดแบ็คจากเราไม่ได้มีแต่คำชมแน่ๆ555 เอาเป็นว่ามาพูดคุยกันเพื่อน้องๆแล้วกันนะ
บอกก่อนว่านี่เป็นการดูการแสดงเธียเตอร์ของ BNK48 ครั้งแรกของเรา (รอบ Founder ไม่ได้ไปดูเพราะติดงาน) สำหรับ 48G อื่นเราไม่เคยได้ดูสดอาศัยดูแต่คลิป ตอนดูเลยค่อนข้างเปิดรับ ไม่ได้หวังการแสดงที่เพอร์เฟ็คแค่แอบหวังเล็กๆว่าอย่างน้อยควรจะรักษามาตรฐานจากการแสดงคอนเสิร์ต Starto ได้เท่านั้นเอง
เนื้อเพลงที่ไม่เข้าปาก และเสียงร้องที่ไม่เข้าใจ
เริ่มจากเนื้อเพลง เราเข้าใจข้อจำกัดทางด้านภาษาและการแปลเพลงให้ถูกต้องตามต้นฉบับซึ่งครูเอ๊ะ ครูแมนเคยบอกว่าแรกๆเคยเกือบถอดใจกับการแปลแบบกูเกิ้ลของทีมงานฝั่งญี่ปุ่นมาก ทำให้เพลงที่ผ่านมาของ BNK48 เพลงที่ถูกแปลในระดับที่ "คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้" นั้นมีค่อนข้างน้อย ทั้งที่จริงๆแล้วความสละสลวย ความเข้าใจได้ของเนื้อเพลงมีผลต่อเพลงนั้นมากๆ ซึ่งเพลงที่ถูกแสดงในเธียเตอร์เกือบทั้งหมดบอกตรงๆว่าต่อให้ตั้งใจฟังก็ยังเข้าใจยากอยู่ดี อาจจะเพราะต้นฉบับแต่งจาก insight ฝั่งญี่ปุ่นซึ่งไม่ hit target คนไทย มองมุมนี้ก็พอเข้าใจข้อจำกัดนั้นได้อยู่ แต่เมื่อบวกกับสกิลการร้องเพลงของน้องๆ BNK48 ที่ค่อยจะไม่พร้อมกันทำให้เสียงแตกฟังยากเข้าไปอีก อรรถรสในการรับชมของเราหายไปกว่าครึ่ง เหมือนมานั่งดูน้องๆเต้นด้วยจังหวะของเพลงที่คุ้นเคยด้วยภาษาที่ฟังไม่เข้าใจ....
แม้ว่าการที่คน16คนจะร้องให้พร้อมกันทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องยาก แต่คิดว่าการร้องให้ชัดถ้อยชัดคำ น่าจะทำให้น้องๆสามารถสื่อสารเพลงออกไปได้ดีขึ้นค่ะ
การแสดงที่ไปไม่ถึงคนดู
"ผมอยากเห็นน้องๆได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ราชมังคลากีฬาสถาน จุคนได้ 65,000 คน ไม่ได้หมายความว่าเราแค่อยากเห็นน้องๆไปยืนอยู่บนคอนเสิร์ตที่นั่นนะครับ ถ้าเราจะจัดคอนเสิร์ตที่นั่นจริงๆก็อาจมีแฟนประมานหนึ่ง แต่ถามว่าน้องสามารถเล่นคอนเสิร์ตที่เอาคนจากหน้าไปถึงหลังสุด จากขวาไปถึงซ้ายสุดได้รึยัง....ผมคิดว่ายัง" (บทสัมภาษณ์ 'จิรัฐ บวรวัฒนะ' จาก Mango Zero)
ตอนฟังสัมภาษณ์นี้เรายังแอบมีค้านในใจ อาจจะเพราะด้วยตอนไปดูคอนเสิร์ต Starto อยู่บัตรยืน Lady Zone ซึ่งค่อนข้างใกล้น้องๆจึงยังไม่ค่อยเห็นปัญหานี้เท่าไหร่ แต่เมื่อวานที่เราได้ดูเธียเตอร์ในโซนกลาง-หลัง เราเห็นปัญหานี้ชัดมากค่ะ ในเธียเตอร์เล็กๆความจุแค่350 คน ระบบแสงสีเสียงถือว่าเพียงพอเหมาะสมแล้ว (ในความคิดเรา) แต่หลายๆส่วนในการแสดงเรากลับไม่รู้สึกสนุกอย่างที่คาดหวังไว้ ไม่เกี่ยวกับการเต้นที่แข็งแรงหรือทักษะการร้องเพลง แต่ความ synchronize ระหว่างน้องๆกับคนดูโดยเฉพาะแถวหลังแทบจะไม่เกิดเลย ถ้าเทียบจากที่คุณจิรัฐพูดก็คงเป็นการ "เอาคนดูไม่อยู่" นั่นแหละค่ะ ถ้าเทียบกับการแสดงในเธียเตอร์ของ 48G วงอื่น (จากที่คุยกับเพื่อนมา) ต่อให้ไม่เข้าใจภาษา เมมเบอร์ก็สามารถสร้าง Energy ให้แฟนๆมีอารมณ์ร่วมกับการแสดงได้ แน่นอนว่านั่นเป็นผลจากการฝึกฝนและแสดงเธียเตอร์มาหลายปี สำหรับ BNK48 ที่เพิ่งเริ่มต้นอาจจะต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์อีกนาน
แต่ในขณะเดียวกันเราก็เห็นแววเมมเบอร์หลายๆคนที่สามารถ Shine ตัวเองออกมาระหว่างการแสดงได้ ถ้าไม่นับอรและมายด์ที่เป็นโอชิ เราคิดว่า
"่ก่อน" เป็นเมมเบอร์ที่สามารถดึงดูดสายตาเราได้บ่อยมาก ทักษะการร้องการเต้นไม่ได้สูงจนโดดเด่น แต่ก่อนสามารถแสดงตัวตนของตัวเองออกมาได้ เป็นเมมเบอร์ที่น่าจับตามองที่สุดสำหรับเราเลยค่ะ เจียระไนดีๆเด็กคนนี้ไปได้ไกลแน่
ช่วง MC กับรอยยิ้มแห้งๆ
แม้น้องๆจะบอกรอบวันอาทิตย์ว่าอย่าได้เขียวรีวิวเลยนะคะ เราก็จะเขียนค่ะ55555 คือสกิล MC เนี่ยไม่ใช่สิ่งที่พัฒนากันได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่คนที่มีเซ้นส์เรื่องนี้อยู่แล้ว (อย่างเช่น อร น้ำใส ตาหวาน) การผ่านช่วง MC ที่ค่อนข้างนานมากไปได้เนี่ยน่าจะลำบากพอสมควร ในการแสดงจะมีช่วง MC หลักๆอยู่ 2 ช่วง คือช่วงคั่นก่อนแสดงเพลงยูนิต และช่วงคั่นก่อนแสดงเพลง Sakura no hanabiratachi ซึ่งแต่ละช่วงก็จะมี Theme และ Topic ที่พูดต่างกันออกไปในแต่ละรอบ อย่างรอบที่เราไปดู ช่วงแรกจะเป็นการแนะนำตัวแบบ Robot ที่บอกเลยว่า...ยิ้มแห้งแรงมาก คือน้องๆน่าจะเขินแหละ ทำไปขำตัวเองไป แต่เราว่ามันมากเกินไปหน่อย เหมือนน้องเล่นไปก็ปล่อยไหลจนกลายเป็นน่าเบื่อ (บางช่วงหนักถึงน่ารำคาญ) บางทีก็หันมาเล่นกันเองปล่อยคนดูนั่งงงไป ส่วนช่วงที่สอง เป็นช่วง Talk ที่ชวนคุยเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในไทย มีสอนมิโอริกับรินะ รำไทยก็สนุกดี ดีขึ้นกว่าช่วงแรก (นิฮงจินสองคนน่ารักมาก) โดยรวมที่เราอยากฝากไว้ก็คือความพอดีในฐานะ MC นั่นแหละค่ะ ตอนนี้บางช่วงก็ Dead air บางช่วงก็แย่งกันพูดจนฟังไม่รู้เรื่อง คิดว่าต้องฝึกกันอีกพักใหญ่เลย
การร้องประสานที่ไม่ประสาน
นี่เป็นส่วนที่คิดหนักมากจริงๆว่าจะพูดถึงดีไหมเพราะค่อนข้างระบุตัว แต่หลังจากนอนคิดมาดีแล้ว เราคิดว่าเราอยากจะพูดเพราะเราหวังดีต่อน้องและ BNK48 จริงๆ นั่นก็คือการแสดงเพลง Anata to Christmas Eve ที่รอบนี้เป็นตาหวานและจิ๊บขึ้นแสดง เราไม่กังขาในความสามารถของน้องทั้งคู่ น้องมีทักษะการร้องเพลงที่ดี แต่การแสดงเมื่อวานกลับทำให้เราอึดอัดมาก เพลงๆนี้เป็นเพลงที่สื่อถึงความคิดถึง ความหวัง แต่รู้สึกว่าน้องจะโฟกัสอยู่ที่เทคนิคการร้องของตัวเองกันไปหน่อยจนทำให้เสน่ห์ตรงนี้หายไปและเราไม่รู้สึกเข้าถึงเพลงนี้เลย (เป็นหนึ่งในเพลงที่เราว่าบอยตรัย แปลออกมาได้ดีมาก) ถ้าจะให้เทียบการแสดงเมื่อวานเหมือน รอบ Battle ที่ต่างคนต่างโชว์เทคนิคการร้องออกมา มีใช้เสียงหลบ มีadlib ซึ่งน้องทำทั้งสองคนทำได้นะ แต่น้องทั้งสองคนไม่ได้เชื่อมต่อกันเลย เหมือนต่างคนต่างมาร้องไม่ได้สื่อถึงอีกคนเท่าที่ควร เราดีใจที่น้องๆพยายามจะแสดงตัวตนออกไปทางบทเพลงแต่เสน่ห์ของ 48G ที่มากกว่าการร้องคือความกลมกล่อมและการสื่ออารมณ์ พยายามเข้านะคะ
สักวันเราจะทำให้ได้แบบนั้นบ้าง
เอาจริงๆโชว์เมื่อวานก็ไม่ถึงขั้นแย่จนรู้สึกเสียดายเงิน เราเข้าใจว่าน้องเพิ่งเริ่มต้นกับเวทีเล็กๆที่เรียกว่า 'เธียเตอร์' ที่เป็นเสน่ห์ที่แท้จริงของ 48G มันยากนะคะ...เราเข้าใจได้เลยว่ามันยาก ซึ่งเราว่าน้องๆเองก็คงรู้ตัวว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ที่จุดไหน ช่วงหนึ่งของ MC มิโอริและซัทจังได้พูดถึงความรู้สึกและสิ่งที่พบเจอจากการไปญี่ปุ่นช่วงเลือกตั้ง world senbatsu ซึ่งซัทจังได้เล่าถึงโอกาสที่ได้ไปดูการแสดงของรุ่นพี่ AKB48 ทีม A เป็นครั้งแรก น้องบอกว่ารุ่นพี่สุดยอดมาก การแสดงก็เข้มแข็งและมีเสน่ห์ พอมีคนถามว่าแล้วเทียบกับ BNK48 ล่ะ น้องก็ได้แต่หัวเราะ (และน้ำหนึ่งก็บอกว่าการแสดงเราอาจจะยังสู้ไม่ได้ แต่เราตลกสู้ได้นะ5555) และสิ่งที่ทำให้เราชื่นใจและตัดสินใจว่าต่อให้โดนปาหินก็จะเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา ก็คือคำพูดของเจนที่บอกว่า "สักวันเราจะทำให้ได้แบบนั้นบ้าง" แค่นั้นเราก็สบายใจแล้วค่ะ
BNK48 แม้จะถูกเรียกว่าดาวรุ่งแต่แท้จริงแล้วก็ยังเป็นวงไอดอลที่ประสบการณ์น้อยนัก น้องๆทุกคนยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก และมีอีกหลายอุปสรรคที่ให้ได้ก้าวผ่านเหมือนที่คุณจิรัฐว่า
'BNK48 มีก้าวแรกที่สวยงาม แต่ยังไม่เรียกว่าประสบความสำเร็จ' เราหวังว่าความรู้สึกของเราจากกระทู้นี้จะสามารถทำให้น้องๆเห็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่และน้องๆจะสามารถก้าวข้ามมันไปได้ด้วยตัวเองในสักวัน
สุดท้ายหากแต้มบุญยังมี จะไปดูน้องๆที่เธียเตอร์อีกแน่นอนค่ะ
BNK48 เธียเตอร์...โรงละครแห่งความฝันที่สะท้อนความจริงหน้าม่านสีแดง
บอกก่อนว่านี่เป็นการดูการแสดงเธียเตอร์ของ BNK48 ครั้งแรกของเรา (รอบ Founder ไม่ได้ไปดูเพราะติดงาน) สำหรับ 48G อื่นเราไม่เคยได้ดูสดอาศัยดูแต่คลิป ตอนดูเลยค่อนข้างเปิดรับ ไม่ได้หวังการแสดงที่เพอร์เฟ็คแค่แอบหวังเล็กๆว่าอย่างน้อยควรจะรักษามาตรฐานจากการแสดงคอนเสิร์ต Starto ได้เท่านั้นเอง
เนื้อเพลงที่ไม่เข้าปาก และเสียงร้องที่ไม่เข้าใจ
เริ่มจากเนื้อเพลง เราเข้าใจข้อจำกัดทางด้านภาษาและการแปลเพลงให้ถูกต้องตามต้นฉบับซึ่งครูเอ๊ะ ครูแมนเคยบอกว่าแรกๆเคยเกือบถอดใจกับการแปลแบบกูเกิ้ลของทีมงานฝั่งญี่ปุ่นมาก ทำให้เพลงที่ผ่านมาของ BNK48 เพลงที่ถูกแปลในระดับที่ "คนทั่วไปสามารถเข้าใจได้" นั้นมีค่อนข้างน้อย ทั้งที่จริงๆแล้วความสละสลวย ความเข้าใจได้ของเนื้อเพลงมีผลต่อเพลงนั้นมากๆ ซึ่งเพลงที่ถูกแสดงในเธียเตอร์เกือบทั้งหมดบอกตรงๆว่าต่อให้ตั้งใจฟังก็ยังเข้าใจยากอยู่ดี อาจจะเพราะต้นฉบับแต่งจาก insight ฝั่งญี่ปุ่นซึ่งไม่ hit target คนไทย มองมุมนี้ก็พอเข้าใจข้อจำกัดนั้นได้อยู่ แต่เมื่อบวกกับสกิลการร้องเพลงของน้องๆ BNK48 ที่ค่อยจะไม่พร้อมกันทำให้เสียงแตกฟังยากเข้าไปอีก อรรถรสในการรับชมของเราหายไปกว่าครึ่ง เหมือนมานั่งดูน้องๆเต้นด้วยจังหวะของเพลงที่คุ้นเคยด้วยภาษาที่ฟังไม่เข้าใจ....
แม้ว่าการที่คน16คนจะร้องให้พร้อมกันทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องยาก แต่คิดว่าการร้องให้ชัดถ้อยชัดคำ น่าจะทำให้น้องๆสามารถสื่อสารเพลงออกไปได้ดีขึ้นค่ะ
การแสดงที่ไปไม่ถึงคนดู
"ผมอยากเห็นน้องๆได้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่ราชมังคลากีฬาสถาน จุคนได้ 65,000 คน ไม่ได้หมายความว่าเราแค่อยากเห็นน้องๆไปยืนอยู่บนคอนเสิร์ตที่นั่นนะครับ ถ้าเราจะจัดคอนเสิร์ตที่นั่นจริงๆก็อาจมีแฟนประมานหนึ่ง แต่ถามว่าน้องสามารถเล่นคอนเสิร์ตที่เอาคนจากหน้าไปถึงหลังสุด จากขวาไปถึงซ้ายสุดได้รึยัง....ผมคิดว่ายัง" (บทสัมภาษณ์ 'จิรัฐ บวรวัฒนะ' จาก Mango Zero)
ตอนฟังสัมภาษณ์นี้เรายังแอบมีค้านในใจ อาจจะเพราะด้วยตอนไปดูคอนเสิร์ต Starto อยู่บัตรยืน Lady Zone ซึ่งค่อนข้างใกล้น้องๆจึงยังไม่ค่อยเห็นปัญหานี้เท่าไหร่ แต่เมื่อวานที่เราได้ดูเธียเตอร์ในโซนกลาง-หลัง เราเห็นปัญหานี้ชัดมากค่ะ ในเธียเตอร์เล็กๆความจุแค่350 คน ระบบแสงสีเสียงถือว่าเพียงพอเหมาะสมแล้ว (ในความคิดเรา) แต่หลายๆส่วนในการแสดงเรากลับไม่รู้สึกสนุกอย่างที่คาดหวังไว้ ไม่เกี่ยวกับการเต้นที่แข็งแรงหรือทักษะการร้องเพลง แต่ความ synchronize ระหว่างน้องๆกับคนดูโดยเฉพาะแถวหลังแทบจะไม่เกิดเลย ถ้าเทียบจากที่คุณจิรัฐพูดก็คงเป็นการ "เอาคนดูไม่อยู่" นั่นแหละค่ะ ถ้าเทียบกับการแสดงในเธียเตอร์ของ 48G วงอื่น (จากที่คุยกับเพื่อนมา) ต่อให้ไม่เข้าใจภาษา เมมเบอร์ก็สามารถสร้าง Energy ให้แฟนๆมีอารมณ์ร่วมกับการแสดงได้ แน่นอนว่านั่นเป็นผลจากการฝึกฝนและแสดงเธียเตอร์มาหลายปี สำหรับ BNK48 ที่เพิ่งเริ่มต้นอาจจะต้องใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์อีกนาน
แต่ในขณะเดียวกันเราก็เห็นแววเมมเบอร์หลายๆคนที่สามารถ Shine ตัวเองออกมาระหว่างการแสดงได้ ถ้าไม่นับอรและมายด์ที่เป็นโอชิ เราคิดว่า "่ก่อน" เป็นเมมเบอร์ที่สามารถดึงดูดสายตาเราได้บ่อยมาก ทักษะการร้องการเต้นไม่ได้สูงจนโดดเด่น แต่ก่อนสามารถแสดงตัวตนของตัวเองออกมาได้ เป็นเมมเบอร์ที่น่าจับตามองที่สุดสำหรับเราเลยค่ะ เจียระไนดีๆเด็กคนนี้ไปได้ไกลแน่
ช่วง MC กับรอยยิ้มแห้งๆ
แม้น้องๆจะบอกรอบวันอาทิตย์ว่าอย่าได้เขียวรีวิวเลยนะคะ เราก็จะเขียนค่ะ55555 คือสกิล MC เนี่ยไม่ใช่สิ่งที่พัฒนากันได้ง่ายๆ ถ้าไม่ใช่คนที่มีเซ้นส์เรื่องนี้อยู่แล้ว (อย่างเช่น อร น้ำใส ตาหวาน) การผ่านช่วง MC ที่ค่อนข้างนานมากไปได้เนี่ยน่าจะลำบากพอสมควร ในการแสดงจะมีช่วง MC หลักๆอยู่ 2 ช่วง คือช่วงคั่นก่อนแสดงเพลงยูนิต และช่วงคั่นก่อนแสดงเพลง Sakura no hanabiratachi ซึ่งแต่ละช่วงก็จะมี Theme และ Topic ที่พูดต่างกันออกไปในแต่ละรอบ อย่างรอบที่เราไปดู ช่วงแรกจะเป็นการแนะนำตัวแบบ Robot ที่บอกเลยว่า...ยิ้มแห้งแรงมาก คือน้องๆน่าจะเขินแหละ ทำไปขำตัวเองไป แต่เราว่ามันมากเกินไปหน่อย เหมือนน้องเล่นไปก็ปล่อยไหลจนกลายเป็นน่าเบื่อ (บางช่วงหนักถึงน่ารำคาญ) บางทีก็หันมาเล่นกันเองปล่อยคนดูนั่งงงไป ส่วนช่วงที่สอง เป็นช่วง Talk ที่ชวนคุยเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในไทย มีสอนมิโอริกับรินะ รำไทยก็สนุกดี ดีขึ้นกว่าช่วงแรก (นิฮงจินสองคนน่ารักมาก) โดยรวมที่เราอยากฝากไว้ก็คือความพอดีในฐานะ MC นั่นแหละค่ะ ตอนนี้บางช่วงก็ Dead air บางช่วงก็แย่งกันพูดจนฟังไม่รู้เรื่อง คิดว่าต้องฝึกกันอีกพักใหญ่เลย
การร้องประสานที่ไม่ประสาน
นี่เป็นส่วนที่คิดหนักมากจริงๆว่าจะพูดถึงดีไหมเพราะค่อนข้างระบุตัว แต่หลังจากนอนคิดมาดีแล้ว เราคิดว่าเราอยากจะพูดเพราะเราหวังดีต่อน้องและ BNK48 จริงๆ นั่นก็คือการแสดงเพลง Anata to Christmas Eve ที่รอบนี้เป็นตาหวานและจิ๊บขึ้นแสดง เราไม่กังขาในความสามารถของน้องทั้งคู่ น้องมีทักษะการร้องเพลงที่ดี แต่การแสดงเมื่อวานกลับทำให้เราอึดอัดมาก เพลงๆนี้เป็นเพลงที่สื่อถึงความคิดถึง ความหวัง แต่รู้สึกว่าน้องจะโฟกัสอยู่ที่เทคนิคการร้องของตัวเองกันไปหน่อยจนทำให้เสน่ห์ตรงนี้หายไปและเราไม่รู้สึกเข้าถึงเพลงนี้เลย (เป็นหนึ่งในเพลงที่เราว่าบอยตรัย แปลออกมาได้ดีมาก) ถ้าจะให้เทียบการแสดงเมื่อวานเหมือน รอบ Battle ที่ต่างคนต่างโชว์เทคนิคการร้องออกมา มีใช้เสียงหลบ มีadlib ซึ่งน้องทำทั้งสองคนทำได้นะ แต่น้องทั้งสองคนไม่ได้เชื่อมต่อกันเลย เหมือนต่างคนต่างมาร้องไม่ได้สื่อถึงอีกคนเท่าที่ควร เราดีใจที่น้องๆพยายามจะแสดงตัวตนออกไปทางบทเพลงแต่เสน่ห์ของ 48G ที่มากกว่าการร้องคือความกลมกล่อมและการสื่ออารมณ์ พยายามเข้านะคะ
สักวันเราจะทำให้ได้แบบนั้นบ้าง
เอาจริงๆโชว์เมื่อวานก็ไม่ถึงขั้นแย่จนรู้สึกเสียดายเงิน เราเข้าใจว่าน้องเพิ่งเริ่มต้นกับเวทีเล็กๆที่เรียกว่า 'เธียเตอร์' ที่เป็นเสน่ห์ที่แท้จริงของ 48G มันยากนะคะ...เราเข้าใจได้เลยว่ามันยาก ซึ่งเราว่าน้องๆเองก็คงรู้ตัวว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ที่จุดไหน ช่วงหนึ่งของ MC มิโอริและซัทจังได้พูดถึงความรู้สึกและสิ่งที่พบเจอจากการไปญี่ปุ่นช่วงเลือกตั้ง world senbatsu ซึ่งซัทจังได้เล่าถึงโอกาสที่ได้ไปดูการแสดงของรุ่นพี่ AKB48 ทีม A เป็นครั้งแรก น้องบอกว่ารุ่นพี่สุดยอดมาก การแสดงก็เข้มแข็งและมีเสน่ห์ พอมีคนถามว่าแล้วเทียบกับ BNK48 ล่ะ น้องก็ได้แต่หัวเราะ (และน้ำหนึ่งก็บอกว่าการแสดงเราอาจจะยังสู้ไม่ได้ แต่เราตลกสู้ได้นะ5555) และสิ่งที่ทำให้เราชื่นใจและตัดสินใจว่าต่อให้โดนปาหินก็จะเขียนกระทู้นี้ขึ้นมา ก็คือคำพูดของเจนที่บอกว่า "สักวันเราจะทำให้ได้แบบนั้นบ้าง" แค่นั้นเราก็สบายใจแล้วค่ะ
BNK48 แม้จะถูกเรียกว่าดาวรุ่งแต่แท้จริงแล้วก็ยังเป็นวงไอดอลที่ประสบการณ์น้อยนัก น้องๆทุกคนยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก และมีอีกหลายอุปสรรคที่ให้ได้ก้าวผ่านเหมือนที่คุณจิรัฐว่า 'BNK48 มีก้าวแรกที่สวยงาม แต่ยังไม่เรียกว่าประสบความสำเร็จ' เราหวังว่าความรู้สึกของเราจากกระทู้นี้จะสามารถทำให้น้องๆเห็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่และน้องๆจะสามารถก้าวข้ามมันไปได้ด้วยตัวเองในสักวัน
สุดท้ายหากแต้มบุญยังมี จะไปดูน้องๆที่เธียเตอร์อีกแน่นอนค่ะ