สิ่งกวนใจจากการลองใช้งาน MacBook Pro มา 3 วัน

สิ่งกวนใจจากการใช้งาน MacBook Pro 13” no Touch Bar มา 3 วัน

1. Keyboard รัว คือกด 1 ทีได้ตัวอักษรติดกัน 2 ตัว ยังไม่แน่ชัดว่าปุ่มไหนบ้าง เพราะกระจายไปหลายปุ่ม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นปุ่มทางด้านขวามือ ไม่แน่ใจว่าเป็นอาการ Keyboard เด้งที่คนเจอกันทั่วโลกหรือเปล่า หรือเพราะผมกดปุ่มแรงไปจากการติดมาจากตอนใช้ ThinkPad X220 ที่ Keyboard พิมพ์ได้ดีกว่ามาก (แต่กดแรงๆ มันก็ไม่น่าจะรัวได้นะ)


2. Shortcut Command + Z, C, V ไม่สามารถใช้มือข้างเดียวกด 2 ปุ่มพร้อมกันได้อย่างถนัด คือนึกภาพตามนะ ปกติบนโลกของ Windows หรือ Linux หากต้องการ Undo, Cut, Copy, Paste, Find, Save หรืออะไรก็ตาม เราสามารถใช้นิ้วก้อยกดปุ่ม Ctrl ไว้ แล้วใช้นิ้วชี้กวาดไปได้ทุกปุ่ม Shortcut ที่ว่ามาทั้งได้โดยไม่ต้องเปลี่ยน Pattern การวางมือ

แต่พอเป็น Mac การใช้ Shortcut ข้างบนต้องกดปุ่ม command ที่อยู่ถัดเข้ามาในตัว Keyboard ค่อนข้างมาก ทำให้การ Undo, Copy, Paste หรืออื่นๆ ไม่สามารถวางนิ้วเป็น Pattern เดียวกันได้

ซึ่งอันนี้ไม่ใช่ปัญหาของ Mac แต่เป็นปัญหาที่การปรับตัว ซึ่งผมคิดว่าคงปรับตัวไม่ได้แน่ๆ ก็เลย Map Key ใหม่ โดยสลับปุ่ม control กับ command ซะ ชีวิตดีขึ้นเยอะ

3. ปุ่ม Return คือ Rename ว้อดดาฟัก ใครมันจะเปลี่ยนชื่อไฟล์เป็นกิจวัตรขนาดนั้น จัดการ Map Key เป็นการ Open Folder/File ซะ จบ

4. Finder ไม่มีการ Merge Folder ให้เวลา Copy มาวางทับกัน อันนี้ผมยังหา Solution ไม่เจอว่าจะทำยังไงหากต้องการจัดการไฟล์เยอะๆ ที่ซ้อนอยู่ในโฟลเดอร์หลายๆ ชั้น

5. ปุ่ม Arrow บน ล่าง ซ้าย ขวา กดพลาดบ่อยมาก ความรู้สึกเวลาเอานิ้วคลำมันเหมือนกันทุกปุ่ม บางทีไปกดเอาตรงที่วางมือ

6. Finder ไม่รองรับการ Open in Terminal จาก Path ท่ีกำลังเปิดอยู่ได้ (ติดมาจาก Nemo ใน Linux Mint) ทำให้ลำบากเวลาต้องการจัดการ File ใน Folder ที่กำลังเปิดอยู่

7. Menu Bar กับ Dock กินพื้นที่หน้าจอไปได้อย่างไร้สาระมาก อันนี้ผมบ่นมาตั้งแต่สมัย Gnome 2  และ Unity บน Linux ละ (เดี่ยวนี้ Gnome Shell ก็เอากับเขาด้วย) การรวบไว้เป็นแถบเดียวอย่าง Windows Taskbar หรือ Cinnamon ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ประหยัดพื้นที่หน้าจอ และ Minimal กว่ามาก

อ้ะ ไหนลองเปิดแบบ Full Screen ซิ โอเคใช้ได้ แต่มันก็บังการแจ้งเตือนอื่นๆ หมดเลย

8. Mac นี่มันเปลี่ยน Theme/Icon เหมือน Linux ไม่ได้ใช่มะ? เอาเถอะ ไม่เป็นไร รอ Dark Theme ละกัน

9. TouchPad (หรือ TrackPad นะ?) ใช้งานได้ดีมาก แต่กลายเป็นปัญหาสำหรับผมซะงั้น คือปวดข้อมือ คงเป็นอาการออฟฟิศซินโดรมที่สะสมมานาน แต่ไม่เคยแสดงออกตอนใช้ TrackPoint ตุ่มแดงบน ThinkPad ที่แค่เอานิ้วคลึงๆ

10. ไม่มีปุ่ม Home/End เขียนโปรแกรมไม่มันส์เลย แต่เดี๋ยวคงชิน

11. เห็นเค้าร่ำลือกันนักหนาว่าการติดตั้งโปรแกรมบน Mac ง่ายกว่า Windows พบว่าก็งั้นๆ อ้ะ ไม่เห็นต่างกันตรงไหน แค่ลดการคลิกลงไม่กี่คลิก บน Linux ง่ายกว่าอีก

ที่บ่นส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเรื่อง Keyboard ส่วนระบบ Mac นั้นดีอยู่แล้ว และไม่ต่างจาก Linux ที่เคยใช้งาน ก็เลยไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไร เพราะเอาจริงๆ หลาย Feature นั้น Linux หลาย DE (ไม่ได้พูดถึงตัว Distro นะ) ทำได้ดีและยืดหยุ่นกว่ามาก แต่อาจไม่ลื่นและเนียนเท่า Mac

จำได้ว่าสมัยเมื่อ 10 กว่าปีก่อนตอนย้ายจาก Windows ไป Linux เต็มตัว (Ubuntu 17.04) เจอปัญหาเยอะกว่านี้มากกกกก ทั้งเรื่องการปรับตัวและปัญหา Driver แต่ตอนนั้นกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ปัญหา เพราะรู้ว่าทุกอย่างที่เห็นตรงหน้าสามารถซิกแซกแก้ปัญหาและปรับแต่งทุกสิ่งอย่างได้ตามใจทั้งหมด แต่กับ Mac นี่มันไม่ใช่ไง อารฒณ์เหมือนติดคุก เอ๊ะ หรือเพราะผมแก่ขึ้นเลยมีปัญหาเรื่องการปรับตัว 555

ถ้าปรับตัวได้ก็เตรียมเจอด่านต่อไป ทั้ง Keyboard พัง จอลอก พอร์ทชาร์จหลวม ไม่รู้จะแจ็กพ็อตเมื่อไหร่ 555 แม้ Apple จะออกมาแจ้งแล้วว่ารับเคลมก็ตาม แต่การต้องส่งเครื่องไปเคลมทีละหลายๆ วัน มันก็กระทบงานไม่ใช่น้อย

แมคสวยรูป แต่จูบยังไม่หอม คงต้องรอให้ชินกลิ่นกันก่อนอาจจะรู้สึกหอมขึ้น แต่ตอนนี้คิดถึงเมียเก่าอย่าง ThinkPad X220 อายุ 7 ปีมาก โถว แม่ยอดขมองอิ่มผู้เด้งรับนิ้วผัวอย่างไม่เคยอิดออด ถึงใจผัวมากแต่ควงไปอวดใครไม่ได้ 555
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
เจ้าของกระทู้มีส่วนที่คล้ายกับผมหลายๆเรื่องเลยครับ ขออนุญาตแชร์เรื่องของผมไปด้วยเลย

ผมทำงานด้านการพัฒนาซอฟแวร์ แล้วก็เพิ่งย้ายจาก Thinkpad X220 Tablet เมื่อไม่นานมานี้ หลังจากอยู่กับตระกูล Thinkpad มานานเป็น 10 ปี ที่ย้ายเนื่องจาก Thinkpad ทั้งสองเครื่องมีปัญหาเรื่องจอ เครื่องแรกใช้ไปนานๆจอเหลือง เป็น X200 เครื่องที่สอง X220 Tablet เป็นจอ IPS ให้สีสวย แต่ไม่คมชอบมีอาการ Ghost บนจอและ Refresh Rate แกว่ง บางทีก็เนียนตา บางทีก็เห็นเหมือนกระพริบเร็วๆ และที่สำคัญสุดคือมันเริ่มช้าครับ ขนาดอัดสเป็คเต็มที่ทั้ง RAM 16GB ทั้ง SSD เกรด Pro ก็ยังรู้สึกว่ายังช้าไปสำหรับงานที่ทำอยู่

หลังจากศึกษาทำการบ้านศึกษามานาน ก็ได้รู้ว่าคนในวงการที่ใช้ Macbook Pro กันจริงๆ หลายคนบอกว่ารุ่นปี 2015 คือรุ่นที่ดีที่สุดตั้งแต่ Apple เคยทำมา โดยมีเหตุผลง่ายๆคือ
- ไม่มี Issues หรือ Defect เลยทั้งรุ่น 13 หรือ 15 นิ้ว ทุกสเป็ค (ต่างจากรุ่นปีอื่นที่มีเรื่องของจอลอก การ์จอเสีย แบตบวม พอร์ตชาร์จหลวม เครื่องร้อน และคีย์บอร์ดเสียเป็นต้น)
- Port ต่างๆมีเพียงพอต่อการใช้งาน ไม่ต้องพกหัวแปลงอะไรมากมาย (สำหรับคนทำงานสาย Server ต้องซื้อตัวแปลง RJ45 เพิ่มอย่างเดียวเท่านั้นครับ)
- เป็นรุ่นสุดท้ายที่สามารถอัพเกรด SSD แบบ M.2 NVMe ได้เอง สามารถจัด 2TB ได้โดยไม่ต้องไปเสียเงินเป็นแสน
- ระบบ สเป็คที่ให้ การออกแบบโดยรวม และส่วนผสมทุกอย่างลงตัว เพียงพอต่อการใช้งาน

สุดท้ายผมเลือกปี 2015 i7 ตามที่กูรูแนะนำมา และมันก็จริงตามนั้นครับมันดีอย่างที่เค้าว่ากันจริงๆ รู้สึกประทับใจครับ โดยเฉพาะเวลาที่ใช้ในการ Build โปรแกรมที่ทำอยู่ เจ้า X220 Tablet i7 RAM 16GB SSD 512GB ของผมใช้เวลา Build หนึ่งรอบที่ประมาณ 25 วินาที แต่เจ้า Macbook Pro ใช้เวลา 3 วินาที เท่านั้น Compiler, IDE ใช้รุ่นเดียวกันกับของ Windows พยายามเซ็ตให้เหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาต่างกันแบบไม่น่าเชื่อ แล้ววันนึงผม Build ร่วมๆ 100 ครั้ง ความรู้สึกเหมือนได้เวลาเพิ่มมาฟรีในแต่ละวันเป็นชั่วโมง รู้สึกดีมากๆครับ

ในส่วนที่เจ้าของกระทู้โพสผมขอแชร์ประสบการณ์ที่เจอมาร่วมด้วยนะครับ

1. Keyboard รัว คือกด 1 ทีได้ตัวอักษรติดกัน 2 ตัว ยังไม่แน่ชัดว่าปุ่มไหนบ้าง เพราะกระจายไปหลายปุ่ม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นปุ่มทางด้านขวามือ ไม่แน่ใจว่าเป็นอาการ Keyboard เด้งที่คนเจอกันทั่วโลกหรือเปล่า หรือเพราะผมกดปุ่มแรงไปจากการติดมาจากตอนใช้ ThinkPad X220 ที่ Keyboard พิมพ์ได้ดีกว่ามาก (แต่กดแรงๆ มันก็ไม่น่าจะรัวได้นะ)

>>>>>>>>>
ต้องบอกว่าการย้ายจาก Thinkpad มา Macbook Pro Gen ล่าสุด ฟีลการกดคีย์บอร์ดจะต่างกันอย่างสุดขั้วมากๆ เพราะคีย์บอร์ดตัวใหม่นั้นแบน และช่วงกดตื้น ทำให้ฟีลการใช้อาจจะไม่สนุกเหมือน Thinkpad และเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาด้านเทคนิค จนเป็นต้นเหตุที่ทำให้ Apple ต้องเรียกให้ไปเปลี่ยนคีย์บอร์ดได้ฟรี หากพบว่าคีย์บอร์ดมีปัญหา
https://www.apple.com/th/support/keyboard-service-program-for-macbook-and-macbook-pro

โดยเฉพาะรุ่นปี 2016-2017 non-touchbar อาจจะเจอปัญหากับ Battery บวมด้วย อย่าลืมสังเกตในข้อนี้ดีๆนะครับ
https://www.apple.com/th/support/13inch-macbookpro-battery-replacement

2. Shortcut Command + Z, C, V ไม่สามารถใช้มือข้างเดียวกด 2 ปุ่มพร้อมกันได้อย่างถนัด คือนึกภาพตามนะ ปกติบนโลกของ Windows หรือ Linux หากต้องการ Undo, Cut, Copy, Paste, Find, Save หรืออะไรก็ตาม เราสามารถใช้นิ้วก้อยกดปุ่ม Ctrl ไว้ แล้วใช้นิ้วชี้กวาดไปได้ทุกปุ่ม Shortcut ที่ว่ามาทั้งได้โดยไม่ต้องเปลี่ยน Pattern การวางมือ

แต่พอเป็น Mac การใช้ Shortcut ข้างบนต้องกดปุ่ม command ที่อยู่ถัดเข้ามาในตัว Keyboard ค่อนข้างมาก ทำให้การ Undo, Copy, Paste หรืออื่นๆ ไม่สามารถวางนิ้วเป็น Pattern เดียวกันได้

ซึ่งอันนี้ไม่ใช่ปัญหาของ Mac แต่เป็นปัญหาที่การปรับตัว ซึ่งผมคิดว่าคงปรับตัวไม่ได้แน่ๆ ก็เลย Map Key ใหม่ โดยสลับปุ่ม control กับ command ซะ ชีวิตดีขึ้นเยอะ
>>>>>>>>>
การปรับปุ่มใหม่ความจริงไม่อยากจะแนะนำให้ทำแบบนั้น
ข้อแรกคืออย่างที่หลายท่านได้บอกมา ถ้าไปเล่น Mac เครื่องอื่นๆ อาจจะต้องปรับกันใหม่หมด และอาจจะกระทบกับคนอื่นด้วยหากเครื่องนั้นมีการใช้งานกันหลายคน
ข้อสองคือในบางโปรแกรมก็จะมี Config ปุ่ม Keyboard ของตัวเองแยกออกมาอีก โดย Default จะยึดตามแบบดั้งเดิมนั่นหมายความว่า ถ้าเรามีโปรแกรมที่ใช้งานลักษณะนี้ เราก็จะต้องไปตั้งคีย์บอร์ดใหม่ในทุกๆโปรแกรม วุ่นวายมากๆครับ เพราะบางครั้งพอเปลี่ยนคีย์ของเราเข้าไปก็ไปกระทบกับคีย์ที่มีอยู่แล้วอีก

อยากให้พยายามศึกษาคีย์ลัดที่มีทั้งหมดอยู่ก่อนจะดีกว่าครับ ผมเองก็เจอปัญหาลักษณะนี้กับตัวเองเหมือนกัน วิธีแก้ของผมคือให้ท่องไว้ว่าจะคำสั่งพวกนี้ให้เริ่มที่นิ้วโป้ง ไม่ใช่นิ้วก้อย แรกๆอาจจะทุลักทุเลอยู่บ้าง แต่ใช้ไปก็เริ่มชินครับ ส่วนตัวผมที่พี้คสุดคือตอน Scroll เมาส์ครับ กลับด้านกัน ตอนแรกนึกในใจ (เชี่ย) พยายามปรับให้เหมือนวินโดว์ในช่วงแรกสุดท้ายไม่รอดครับติดปัญหาหลายอย่าง เลยต้องมาปรับตัวกันใหม่ แต่ใช้เวลาไม่นานก็เข้าที่ครับ ตอนนี้ผมเลยใช้คีย์ Default แทบทั้งหมดเลย

3. ปุ่ม Return คือ Rename ว้อดดาฟัก ใครมันจะเปลี่ยนชื่อไฟล์เป็นกิจวัตรขนาดนั้น จัดการ Map Key เป็นการ Open Folder/File ซะ จบ
>>>>>>>>>
ผมเองก็สงสัยเหมือนกันครับ ว่าทำไมต้องเป็น Rename แต่ก็ไม่ได้ไปเปลี่ยนอะไรมันครับ กลัวจะกระทบกับโปรแกรมอื่น

4. Finder ไม่มีการ Merge Folder ให้เวลา Copy มาวางทับกัน อันนี้ผมยังหา Solution ไม่เจอว่าจะทำยังไงหากต้องการจัดการไฟล์เยอะๆ ที่ซ้อนอยู่ในโฟลเดอร์หลายๆ ชั้น
>>>>>>>>>
อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันครับ แต่เห็นแว้บๆว่ามีคนสอนอยู่ใน Youtube นะ

5. ปุ่ม Arrow บน ล่าง ซ้าย ขวา กดพลาดบ่อยมาก ความรู้สึกเวลาเอานิ้วคลำมันเหมือนกันทุกปุ่ม บางทีไปกดเอาตรงที่วางมือ
>>>>>>>>>
ผมมักจะพลาดตัวบนล่างอยู่บ่อยๆครับ ปุ่มมันเล็กไปหน่อย ถ้าเทียบกับ Thinkpad X220 Tablet

6. Finder ไม่รองรับการ Open in Terminal จาก Path ท่ีกำลังเปิดอยู่ได้ (ติดมาจาก Nemo ใน Linux Mint) ทำให้ลำบากเวลาต้องการจัดการ File ใน Folder ที่กำลังเปิดอยู่
>>>>>>>>>
ตามค.ห.12 เลยครับ เน้นข้อ 3. คือต้องคลิกไฮไลท์ที่ Folder ก่อนนะครับ ถึงจะมีเมนู Services โผล่ออกมา (ยุ่งหน่อยแต่ก็พอไปได้อยู่นะ)

8. Mac นี่มันเปลี่ยน Theme/Icon เหมือน Linux ไม่ได้ใช่มะ? เอาเถอะ ไม่เป็นไร รอ Dark Theme ละกัน
>>>>>>>>>
Mojave มา 25 ก.ย. นี้ อาจจะทำให้มีสีสันมากขึ้น ลองดู Feature ใหม่ตามนี้ได้เลยครับ
https://www.apple.com/th/macos/mojave/

9. TouchPad (หรือ TrackPad นะ?) ใช้งานได้ดีมาก แต่กลายเป็นปัญหาสำหรับผมซะงั้น คือปวดข้อมือ คงเป็นอาการออฟฟิศซินโดรมที่สะสมมานาน แต่ไม่เคยแสดงออกตอนใช้ TrackPoint ตุ่มแดงบน ThinkPad ที่แค่เอานิ้วคลึงๆ
>>>>>>>>>
Track Pad สามารถใช้งานร่วมกับเมาส์ได้ดีเลยนะครับ (ถ้าใช้ Track Pad อย่างเดียว ผมก็รู้สึกเมื่อยแขน เจ็บนิ้วด้วยครับ) ผมมักจะใช้เมาส์ในการชี้จุดที่เล็กๆ แล้วใช้ Track Pad เลื่อนเปลี่ยนหน้าต่างเอา ไวมากๆครับ ใช้พร้อมกันสองมือได้เลย (ตอนนี้ผมใช้เมาส์มีสาย Thinkpad ธรรมดาๆอายุ 10 ปี+ กับ Track Pad มันก็ไปกันได้อยู่นะ 55)

10. ไม่มีปุ่ม Home/End เขียนโปรแกรมไม่มันส์เลย แต่เดี๋ยวคงชิน
>>>>>>>>>
เสียดายตรงนี้เหมือนกันครับ ตอนใช้ Thinkpad ปุ่มนี้ใช้บ่อยมากๆ แต่ก็แก้ขัดไปได้โดยการกด command + [ซ้าย, ขวา, บน, ล่าง] เอา

11. เห็นเค้าร่ำลือกันนักหนาว่าการติดตั้งโปรแกรมบน Mac ง่ายกว่า Windows พบว่าก็งั้นๆ อ้ะ ไม่เห็นต่างกันตรงไหน แค่ลดการคลิกลงไม่กี่คลิก บน Linux ง่ายกว่าอีก
>>>>>>>>>
ถ้าเอาเฉพาะการติดตั้งและการถอนการติดตั้งผ่าน GUI ผมคิดว่า macOS ง่ายมากๆเลยนะครับ และที่ชอบคือเวลาถอนการติดตั้ง ไม่แอบทิ้ง Registry ไว้เหมือนของ Windows (แต่ก็ยังมีไฟล์ที่เป็น Profile ของ App นั้นหลงเหลืออยู่บ้าง)

แต่หากชอบติดตั้งผ่าน Terminal (ความจริง Lib ในการพัฒนาหลายตัวก็บังคับติดตั้งทางนี้เท่านั้น) ก็สามารถที่จะลงผ่าน Homebrew ได้ครับ https://brew.sh พิมพ์คำสั่งเดียวก็สามารถติดตั้งได้เหมือนกับ Linux ครับ



ที่บ่นส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาเรื่อง Keyboard ส่วนระบบ Mac นั้นดีอยู่แล้ว และไม่ต่างจาก Linux ที่เคยใช้งาน ก็เลยไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว้าวอะไร เพราะเอาจริงๆ หลาย Feature นั้น Linux หลาย DE (ไม่ได้พูดถึงตัว Distro นะ) ทำได้ดีและยืดหยุ่นกว่ามาก แต่อาจไม่ลื่นและเนียนเท่า Mac

จำได้ว่าสมัยเมื่อ 10 กว่าปีก่อนตอนย้ายจาก Windows ไป Linux เต็มตัว (Ubuntu 17.04) เจอปัญหาเยอะกว่านี้มากกกกก ทั้งเรื่องการปรับตัวและปัญหา Driver แต่ตอนนั้นกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ปัญหา เพราะรู้ว่าทุกอย่างที่เห็นตรงหน้าสามารถซิกแซกแก้ปัญหาและปรับแต่งทุกสิ่งอย่างได้ตามใจทั้งหมด แต่กับ Mac นี่มันไม่ใช่ไง อารฒณ์เหมือนติดคุก เอ๊ะ หรือเพราะผมแก่ขึ้นเลยมีปัญหาเรื่องการปรับตัว 555

ถ้าปรับตัวได้ก็เตรียมเจอด่านต่อไป ทั้ง Keyboard พัง จอลอก พอร์ทชาร์จหลวม ไม่รู้จะแจ็กพ็อตเมื่อไหร่ 555 แม้ Apple จะออกมาแจ้งแล้วว่ารับเคลมก็ตาม แต่การต้องส่งเครื่องไปเคลมทีละหลายๆ วัน มันก็กระทบงานไม่ใช่น้อย

แมคสวยรูป แต่จูบยังไม่หอม คงต้องรอให้ชินกลิ่นกันก่อนอาจจะรู้สึกหอมขึ้น แต่ตอนนี้คิดถึงเมียเก่าอย่าง ThinkPad X220 อายุ 7 ปีมาก โถว แม่ยอดขมองอิ่มผู้เด้งรับนิ้วผัวอย่างไม่เคยอิดออด ถึงใจผัวมากแต่ควงไปอวดใครไม่ได้ 555

>>>>>>>>>

เห็นด้วยว่า คีย์บอร์ด Macbook Pro Gen ล่าสุดนี่นอกจากพิมพ์ไม่ถนัด แล้วยังจะมีปัญหาอีก แต่ยังดีขึ้นมาหน่อยสำหรับปี 2018 ที่ได้มีการปรับปรุงเรื่องการนำซิลิโคนมากันฝุ่น ความจริงอยากให้เจ้าของกระทู้มาลองดูตัว 2015 ครับ คีย์บอร์ดกดมันไม่แพ้ Thinkpad เลย

ส่วนเรื่องปัญหารุ่นของเจ้าของกระทู้ที่มีความเสี่ยงอันดับต้นๆเลยคือเรื่องคีย์บอร์ดครับ รองลงมาก็คือเรื่องแบตบวม หรือแบตหมดไวผิดปรกติ ส่วนเรื่องที่ชาร์จหลวมนี่นานๆทีเจอนะ แต่ก็ไม่ต้องห่วงครับ Apple รับประกันในส่วนของคีย์บอร์ดให้ 4 ปี และแบตให้ถึง 5 ปี นับจากวันที่วางขายเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่