feature film, drama
เรื่อง: Be With You (Lee Jang-hoon, 2018)
คะแนน: 8.5/10
หนังเล่าเรื่องราวเกี่วกับชีวิตของชายหนุ่มที่สูญเสียภรรยาไป แต่ก่อนจะเสียชีวิต ภรรยาของเขากลับทิ้งคำสัญญาเอาไว้ว่าเธอจะกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน และสุดท้ายปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริง เมื่อเธอได้กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ แต่กลับไม่หลงเหลือความทรงจำใดๆ ตอนที่ทั้งสองเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเลย
การเล่าเรื่องสำหรับเราไม่ได้แปลกใหม่อะไร เรารู้สึกว่าในการลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ได้แปลกใหม่ ไม่ได้หวือหวา แต่เต็มไปด้วยความโรแมนติกในบรรยากาศของสายฝน ที่ชวนให้สุข ซึ้ง และอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน สามารถดึงเราให้ร่วมสนุกไปกันตัวหนังได้ตลอดระยะเวลาของหนังจริงๆ
ความรัก ความทรงจำ และช่วงเวลาวัยรุ่น คืออีกสิ่งที่ตัวหนังต้องการจะนำเสนอ หนังเลือกเล่าความทรงจำที่เริ่มต้นจากคนแปลกหน้า ไปจนถึงคนรัก ความรักที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามเพื่อให้ได้มา ซึ่งตรงจุดนี้หนังทำได้ดีมากๆ มันคือพาร์ทที่น่ารักสดใสสุดๆ ซึ่งกาลเวลามีผลกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมากจริงๆ
สไตล์ของหนังเกาหลีที่เด่นชัด และเรามองว่าทำได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก คือการทำ scene emotion หรือ drama ออกมาได้ทรงพลัง และเรียกน้ำตาคนดูได้อยู่ โดยเฉพาะในหนังเรื่องนี้ ซึ่งเมื่อตัวหนังเล่าเรื่องเข้าองก์สองเมื่อไหร่ คุณจะพบกับความจริงที่ว่า อย่าพยายายามกลั้นน้ำตาที่จะไหลเลย มันไม่หมดไปง่ายๆ หรอก ตัวหนังค่อยๆ ให้เราซึมซับไปกับบรรยากาศชวนซึ้งในองก์สอง และพาเราไปสู่เหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ที่รุนแรงและหนักหน่วงในช่วงองก์สาม จากน้ำตาแห่งความซึ้ง แปรเปลี่ยนไปสู่ น้ำตาแห่งความเศร้า และจบลงที่น้ำตาแห่งความประทับใจ สายหนัง emotion แบบเรา ต้องชอบเรื่องนี้มากแน่ๆ
ในพาร์ทสุดท้ายของหนัง หนังเลือกเล่าด้วยการขยี้แล้วขยี้อีก ขยี้รัวๆ แบบไม่มีเบรก ร้องแล้วร้องอีก ร้องจนตาบวมกันไปเลย แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็แล้วแต่คนดูด้วยแหละ ว่าจะ touch กับตัวเรื่องได้มากแค่ไหน ซึ่งถึงแม้จะไม่ร้องไห้ให้กับเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง คุณก็จะซึมซับกับบรรยากาศอบอุ่นหัวใจและชวนอมยิ้มของเรื่องได้อย่างแน่นอน แต่เราก็อยากให้คุณพกทิชชู่ไปเผื่อได้ใช้นะ
นอกจากพาร์ทความรักแบบวัยรุ่น อีกสิ่งที่ดีมากๆ คือพาร์ทครอบครัว ที่ว่าด้วยการก้าวข้ามผ่านบาดแผลภายในจิตใจของตัวละคร หากการกลับมาของผู้เป็นแม่จะช่วยเยียวยาและพาทั้งพ่อและลูกให้ก้าวผ่านบาดแผลต่างๆ นั่นจึงเป็นการกลับมาที่มีความหมาย และมีความสำคัญต่อครอบครัวนี้มากๆ
องก์สุดท้ายของหนังถือว่าจบได้อย่างสวยงามมากๆ มีการเฉลยที่ชัดเจนว่าตัวละครแม่กลับมาได้ยังไง และหายไปได้ยังไง แต่แอบรู้สึกว่าตัวหนังมันฟีลกู๊ดเกินไปนิดนึง คือปูเรื่องมาแฟนตาซีแล้ว น่าจะไปให้สุดกว่านี้ ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างน่าเสียดาย
อีกสิ่งที่ประทับใจเรามากๆ คือ ตัวนักแสดงในเรื่อง ที่แสดงได้ดีทุกคน และเข้าถึงอารมณ์มากๆ แต่สำหรับนักแสดงที่เราชอบมากเป็นพิเศษก็คือ Son Ye-jin ซึ่งรับบทเป็นแม่ แสดงได้น่ารักและสดใสมากๆ ในพาร์ทดราม่าก็แสดงได้ทรงพลังและโดดเด่นสุดๆ หลงรักนักแสดงคนนี้เลย
ประเด็นในหนังพูดถึงเรื่องการใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด เราไม่มีทางรู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ชีวิตเราอาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวังไว้ หากกาลเวลาทำให้เราได้พบรักแท้ กาลเวลาก็อาจพาเราให้ไกลห่างได้เช่นเดียวกัน การใช้เวลาอยู่กับคนรักให้คุ่มค่าที่สุด จึงเป็นสิ่งที่มีความหมาย และการใช้เวลาในแต่ละวันให้คุ้มค่าที่สุด มีความสุขกับชีวิตให้มากที่สุด ก็เป็นอีกสิ่งที่มีค่า หากวันหนึ่งที่เราไม่มีเขาแล้ว เราจะได้ไม่มานึกเสียใจทีหลัง ที่ตอนนั้นไม่อยู่กับเค้าให้เต็มที่ ไม่ใช้เวลาร่วมกับเค้าให้มากที่สุด
โดยรวมหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่เล่าเรื่องแปลกใหม่อะไร ตัวหนังไม่ได้เล่าเรื่องหวือหวาอะไรมากมาย แต่กลับสามารถดึงคนดูให้ร่วมสนุกและซาบซึ้งไปกับเหตุการณ์ต่างๆ ภายในหนังได้ เราจะได้พบกับความน่ารัก ความสดใส จากพาร์ทวัยรุ่น ความซาบซึ้งในพาร์ทครอบครัว และความเศร้าปนยิ้มในช่วงองก์ที่สามของเรื่อง สำหรับเรา Be With You เป็นหนังที่เหมาะจะพาคนรัก หรือครอบครัว ไปดูมากๆ เป็นหนังที่อบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน
FB Page:
https://www.Facebook.com/23SCENES
[SR] Movie Review : Be With You - ปาฏิหาริย์ สัญญารัก ฤดูฝน [8.5/10]
feature film, drama
เรื่อง: Be With You (Lee Jang-hoon, 2018)
คะแนน: 8.5/10
หนังเล่าเรื่องราวเกี่วกับชีวิตของชายหนุ่มที่สูญเสียภรรยาไป แต่ก่อนจะเสียชีวิต ภรรยาของเขากลับทิ้งคำสัญญาเอาไว้ว่าเธอจะกลับมาหาเขาอย่างแน่นอน และสุดท้ายปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริง เมื่อเธอได้กลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ แต่กลับไม่หลงเหลือความทรงจำใดๆ ตอนที่ทั้งสองเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเลย
การเล่าเรื่องสำหรับเราไม่ได้แปลกใหม่อะไร เรารู้สึกว่าในการลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ได้แปลกใหม่ ไม่ได้หวือหวา แต่เต็มไปด้วยความโรแมนติกในบรรยากาศของสายฝน ที่ชวนให้สุข ซึ้ง และอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน สามารถดึงเราให้ร่วมสนุกไปกันตัวหนังได้ตลอดระยะเวลาของหนังจริงๆ
ความรัก ความทรงจำ และช่วงเวลาวัยรุ่น คืออีกสิ่งที่ตัวหนังต้องการจะนำเสนอ หนังเลือกเล่าความทรงจำที่เริ่มต้นจากคนแปลกหน้า ไปจนถึงคนรัก ความรักที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แต่ต้องใช้เวลาและความพยายามเพื่อให้ได้มา ซึ่งตรงจุดนี้หนังทำได้ดีมากๆ มันคือพาร์ทที่น่ารักสดใสสุดๆ ซึ่งกาลเวลามีผลกับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมากจริงๆ
สไตล์ของหนังเกาหลีที่เด่นชัด และเรามองว่าทำได้ดีเป็นอันดับต้นๆ ของโลก คือการทำ scene emotion หรือ drama ออกมาได้ทรงพลัง และเรียกน้ำตาคนดูได้อยู่ โดยเฉพาะในหนังเรื่องนี้ ซึ่งเมื่อตัวหนังเล่าเรื่องเข้าองก์สองเมื่อไหร่ คุณจะพบกับความจริงที่ว่า อย่าพยายายามกลั้นน้ำตาที่จะไหลเลย มันไม่หมดไปง่ายๆ หรอก ตัวหนังค่อยๆ ให้เราซึมซับไปกับบรรยากาศชวนซึ้งในองก์สอง และพาเราไปสู่เหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ที่รุนแรงและหนักหน่วงในช่วงองก์สาม จากน้ำตาแห่งความซึ้ง แปรเปลี่ยนไปสู่ น้ำตาแห่งความเศร้า และจบลงที่น้ำตาแห่งความประทับใจ สายหนัง emotion แบบเรา ต้องชอบเรื่องนี้มากแน่ๆ
ในพาร์ทสุดท้ายของหนัง หนังเลือกเล่าด้วยการขยี้แล้วขยี้อีก ขยี้รัวๆ แบบไม่มีเบรก ร้องแล้วร้องอีก ร้องจนตาบวมกันไปเลย แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็แล้วแต่คนดูด้วยแหละ ว่าจะ touch กับตัวเรื่องได้มากแค่ไหน ซึ่งถึงแม้จะไม่ร้องไห้ให้กับเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง คุณก็จะซึมซับกับบรรยากาศอบอุ่นหัวใจและชวนอมยิ้มของเรื่องได้อย่างแน่นอน แต่เราก็อยากให้คุณพกทิชชู่ไปเผื่อได้ใช้นะ
นอกจากพาร์ทความรักแบบวัยรุ่น อีกสิ่งที่ดีมากๆ คือพาร์ทครอบครัว ที่ว่าด้วยการก้าวข้ามผ่านบาดแผลภายในจิตใจของตัวละคร หากการกลับมาของผู้เป็นแม่จะช่วยเยียวยาและพาทั้งพ่อและลูกให้ก้าวผ่านบาดแผลต่างๆ นั่นจึงเป็นการกลับมาที่มีความหมาย และมีความสำคัญต่อครอบครัวนี้มากๆ
องก์สุดท้ายของหนังถือว่าจบได้อย่างสวยงามมากๆ มีการเฉลยที่ชัดเจนว่าตัวละครแม่กลับมาได้ยังไง และหายไปได้ยังไง แต่แอบรู้สึกว่าตัวหนังมันฟีลกู๊ดเกินไปนิดนึง คือปูเรื่องมาแฟนตาซีแล้ว น่าจะไปให้สุดกว่านี้ ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างน่าเสียดาย
อีกสิ่งที่ประทับใจเรามากๆ คือ ตัวนักแสดงในเรื่อง ที่แสดงได้ดีทุกคน และเข้าถึงอารมณ์มากๆ แต่สำหรับนักแสดงที่เราชอบมากเป็นพิเศษก็คือ Son Ye-jin ซึ่งรับบทเป็นแม่ แสดงได้น่ารักและสดใสมากๆ ในพาร์ทดราม่าก็แสดงได้ทรงพลังและโดดเด่นสุดๆ หลงรักนักแสดงคนนี้เลย
ประเด็นในหนังพูดถึงเรื่องการใช้เวลาที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด เราไม่มีทางรู้เลยว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ชีวิตเราอาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวังไว้ หากกาลเวลาทำให้เราได้พบรักแท้ กาลเวลาก็อาจพาเราให้ไกลห่างได้เช่นเดียวกัน การใช้เวลาอยู่กับคนรักให้คุ่มค่าที่สุด จึงเป็นสิ่งที่มีความหมาย และการใช้เวลาในแต่ละวันให้คุ้มค่าที่สุด มีความสุขกับชีวิตให้มากที่สุด ก็เป็นอีกสิ่งที่มีค่า หากวันหนึ่งที่เราไม่มีเขาแล้ว เราจะได้ไม่มานึกเสียใจทีหลัง ที่ตอนนั้นไม่อยู่กับเค้าให้เต็มที่ ไม่ใช้เวลาร่วมกับเค้าให้มากที่สุด
โดยรวมหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่เล่าเรื่องแปลกใหม่อะไร ตัวหนังไม่ได้เล่าเรื่องหวือหวาอะไรมากมาย แต่กลับสามารถดึงคนดูให้ร่วมสนุกและซาบซึ้งไปกับเหตุการณ์ต่างๆ ภายในหนังได้ เราจะได้พบกับความน่ารัก ความสดใส จากพาร์ทวัยรุ่น ความซาบซึ้งในพาร์ทครอบครัว และความเศร้าปนยิ้มในช่วงองก์ที่สามของเรื่อง สำหรับเรา Be With You เป็นหนังที่เหมาะจะพาคนรัก หรือครอบครัว ไปดูมากๆ เป็นหนังที่อบอุ่นหัวใจดีเหลือเกิน
FB Page: https://www.Facebook.com/23SCENES
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้