เมื่อวันที่15/6/61 มีคนติดต่อขอเข้ามาดูบ้านที่เช่า ซึ่งเราได้บอกเขาไปแล้วว่ามีนัดเข้ามาดูตอนเย็นรายนึงนะคะ ซึ่งเขาก็บอกว่าแต่พี่จะเข้ามาดูเที่ยงนี้เลยนะคะ สอบถามดูคร่าวๆอยู่คนเดียวมีรถคันนึง เราก็คิดดีเหมือนกันบ้านได้ไม่ช้ำมาก เราลงประกาศไว้คือค่าเช่าเดือนละ7000บาท.แล้วจะเข้าอยู่คือต้องจ่ายล่วงหน้า1เดือน มัดจำ2เดือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น21,000 ซึ่งต้องจ่ายก่อนเข้าอยู่

พอถึงเวลาเที่ยง เขาก็มาตามนัด มาดูบ้าน แล้วบอกสนใจจะเข้าอยู่ แต่เขาขอจ่ายแค่ล่วงหน้า1เดือน มัดจำ1เดือน เพราะเขาจะต้องกันเงินไว้ติดแอร์ด้วย (บ้านที่ให้เช่าไม่มีแอร์ค่ะ ราคาที่ลงเช่าคือไม่มีแอร์) หรืออีกทางคือให้เราติดแอร์ให้ แล้วเขาจะจ่ายให้แบบล่วงหน้า1มัดจำ2  ซึ่งเราปรึกษากับแฟนแล้วก็คือโอเค ซึ่งทางคนเช่าเขาขอให้เราติดแอร์ให้ค่ะ. เนื่องจากเขาก็ไม่มีเวลาติดต่อช่างหรือมาดูตอนช่างติดแอร์ ก็สรุปกันตามนั้น กับที่เขาให้ช่วยเปลี่ยนมุ้งลวด ล้างระเบียงให้อีกรอบ แล้วเขาก็ไปกดเงินมาจ่ายให้เราก่อนจำนวน5000 ที่เหลือจะจ่ายก่อนเข้าอยู่ในช่วงต้นเดือนกรกฎา

จากนั้นเช้าวันที่18เราก็ให้ช่างมาติดแอร์ (หมื่นกว่าบาท) ซึ่งก่อนหน้าวันที่ช่างจะเข้าติด เราก็ไลน์แจ้งเขาไปเหมือนย้ำอีกทีว่าเราจะติดแอร์นะคะ ซึ่งเขาก็ยังแจ้งมาว่าขอให้ติดห้องด้านหลังนะ เพราะเขาจะนอนห้องด้านหลัง  แล้วก็อย่าลืมดูมุ้งลวดกับระเบียงให้เขาด้วย เราก็โอเค ติดแอร์เสร็จเราก็แจ้งเขาไปอีกที  ระหว่างนี้ก็มีคนโทรเข้ามาขอเช่าขอดูอีก4-5ราย. ซึ่งเราก็ปฏิเสธไปเพราะรับเงินมัดจำบางส่วนมาแล้ว อีกทั้งยังคุยตกลงกันหมั่นเหมาะ

พอมาว้นนี้วันที่20 เขาไลน์แจ้งมาว่า เพื่อนเขาให้ไปอยู่ด้วยฟรีๆขอยกเลิกไม่เช่าแล้ว และขอคืนเงินมัดจำ. ซึ่งเราได้ปฏิเสธไป ขอยึดเงินมัดจำทั้งหมด โดยให้เหตุผลไปว่าถ้าเราแค่เสียโอกาสในการให้คนอื่นเช่า เราจะคืนมัดจำให้ครึ่งนึง แต่นี่เราได้ลงทุนติดแอร์ไปให้ด้วยหมื่นกว่าบาทถึงมันจะเป็นกรรมสิทธิ์ของเราก็เถอะ แต่จริงๆเราไม่จำเป็นต้องติดก็ได้เพราะบ้านเช่านี้เราให้เช่าแบบไม่มีแอร์อยู่แล้ว


ไม่ทราบว่ามีความคิดเห็นยังไงกันบ้างคะ ในกรณีนี้เราโหดไปหรือเปล่า