เราไปเรียนอเมริกาทุกอย่างผ่านภายในครั้งเดียว ง่ายดาย มีคำถามจากสถานฑูตแบบถามไปงั้นๆ 3-4 ข้อค่ะเพราะ
1.เราเตรียมตัวมาดี มี research ก่อนตัดสินใจไปเรียนเราศึกษาหาข้อมูลเป็นปีๆค่ะทั้งวิชาที่เราต้องการลงเรียนจำเป็นไหมที่จะต้องไปเรียนที่นั่นเเละเสียเงินหลักแสน-ล้าน สถานบันไหน เมืองไหน รัฐไหน ที่เราต้องการจะไปใช้ชีวิตอยู่ สรุปเราเลือก ชิคาโก ค่ะ เพราะมีมหาลัยที่มีชื่อเสียงที่เราต้องการลงเรียนอยู่ เเละเมืองทันสมัย เราไม่ต้องการอยู่ห่างไกลผู้คนค่ะเราต้องการความสะดวกสบายทันสมัย
2.ดูเกรดการศึกษาต่างๆของตนเองค่ะ เรามีผลการเรีนที่ค่อนข้างดีมาก + พื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีอยู่เเล้ว ภาษาไม่ใช่ปัญหาของเราค่ะ ส่วนมากคนขอวีซ่านักเรียนมักโดนปฏิเสธเพราะบอกว่าภาษาไม่ดีอยากเรียนภาษาซึ่งถ้าคิดดูดีๆ ทำใมไม่ศึกษาในประเทศจนเข้าใจหรือมีพื้นฐานไปก่อนเเล้วค่อยไปศึกษาเพิ่มเติมให้มัน advance มากขึ้นคะ คุณภาษาไม่ดีจะไปเรียนจะไปใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไง การเรียนในห้อง เพื่อนร่วมคลาสที่เป็นต่างชาติทั้งหมดมันไม่ง่ายนะคะ อันนี้เราเข้าใจท่านกงที่ไม่ให้ผ่านเพราะเหตุผลการขอไปเรียนไม่ make sense ค่ะ
3.ลิสต์สถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงในระดับดี มีเว็บไซต์สำหรับเช็คอยู่ลองเข้าไปดูนะคะ บางสถาบันโดยเฉพาะสถาบัยสอนภาษามักจะติดแบล็ดลิสต์เป็นส่วนใหญ่ค่ะ
4.สถานะทางการเงินค่อนข้างสำคัญสำหรับวีซ่านักเรียนเพราะวีซ่านี้ทำงานไม่ได้ตามกฏหมาย ดังนั้นการเงินที่ดีเเละมีแนวโน้มว่าจะสามารถ support เราได้ไปตลอดรอดฝั่งจนจบการศึกษาจึงสำคัญมากค่ะ
5.การเตรียมตัวไปสัมภาษณ์ กรอก DS เรากรอกเองอย่างตั้งใจ มีรายละเอียดชัดเจน  และเป็นความจริงทุกประการ พอไปถึงวันนัดสัมภาษณ์การแต่งกาย ท่าทาง บุคลิค การตอบคำถามก็ต้องดูมีแววนิดนึงไหมคะ ไม่ใช่จะไปศึกาาต่อ ป.โท แต่การตอบคำถาม การใช้ภาษายังอ่อนแอ ไม่ชัดเจน แล้วจะไปเรียนกับเค้ารู้เรื่องได้ยังไง ขนาดท่านกงถามคำถามเกี่ยวกับตัวเองแท้ๆ ยังมีความลังเลสงสัย ตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง แล้วจะผ่านได้อย่างไรคะ (อันนี้ยกตัวอย่างนะคะไม่ได้พาดพิงถึง จขกท) เราต้องเข้าใจในวิชาที่เราเรียน รู้เรื่องมหาลัยที่เราเลือกบ้าง รายละเอียดนิดๆหน่อยๆเผื่อเค้าถาม จะไปเรียนอะไร ทำใมสนใจวิชานี้ เค้าสอนเกี่ยวกับอะไร ทำใมต้องเลือกมหาลัยนี้ etc.
6.เราเชื่อว่าถ้าทำการบ้านมาดีพอ การผ่านวีซ่าไม่ใช่เรื่องยากค่ะ ลองกลับไปทบทวนดูว่าคุณขาดหรือมีจุดไหนที่ต้องเพิ่มเติมบ้างค่ะ