ช่วงนี้มีแต่กระทู้ไซโค...เม่ามือใหม่อาจจะขวัญผวา...กับตลาดที่มืดตึ๊บไม่รู้จะเอาไงดีกับชีวิต
ทายผลบอลกับพันทิพย์ก็เดี้ยงเพราะเทใจแทงหมดใจให้กับ เยอรมันและบราซิล แทงทีมละ 500่,000 เครดิต
เหมือนเทใจให้ PTT และ SCC การเล่นหุ้นการเอาตัวรอดสำคัญที่สุด ก่อนคิดจะรวยเราต้องเอาตัวให้รอดก่อนครับ
วิชามโนศาสตร์เสนอทางรอดให้มือใหม่เอาไปเสพ เพื่อการดำรงชีพและเอารอดชีวิตในตลาดที่โหดร้าย
มาลำปางแวะเที่ยว อุทยานแห่งชาติขุนตาล รอยต่อจังหวัดลำปางและลำพูน
เครดิต ภาพ www.touronthai.com
ตัดเข้ามาเนื้อหาวิชาการ...การเอาตัวรอดในตลาดหุ้นในสภาวะตลาดฝุ่นตลบ...อาการแบบ ไม่รู้จะยะจะใด๋ดี
>>>> ปรับ mind set ก่อน (ยืมคำพูด เทพสายหล่อ พิดพาวะแวดมาใช้) คนอื่นแนะนำมาหลายวิธีลองหาดูได้
พี่แจ้ขอแนะเพิ่มเติมจากคนอื่นๆ ดังนี้ เพื่อเป็นทางเลือก
1.ให้คิดว่าการลงทุนในหุ้นเป็นการวิ่งมาราธอน หรือ ไตรกีฬา ไม่ใช่วิ่ง 100 เมตร
คนร่วมแข่งเป็นหมื่น คนเข้าเส้นชัยหลีกพัน (เข้าเส้นชัยเฉพาะคนอึดเท่านั้น)
2.ให้ดูหนังเกี่ยวกับหุ้นทั้งหลาย เช่น มาร์จิ้นคอลแล้ว พี่แจ้ฝากดูเรื่องนี้ด้วยประกอบด้วยจะสมบูรณ์
คนอึด..ตายยาก ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร
3.ถ้าจะฟังเพลงก็ฟังเพลงแนวนี้
4.ถ้าติดดอยก็ไม่ต้องคัทก็ให้คิดเสียว่า....เอาเงินซ่อนเมียได้ลุ้นว่าเมียจะหาเจอหรือเปล่า
5.ถ้าไม่ไหวจริงๆ คัทลอสทำใจว่าเมียหาเงินที่ซ่อนเจอ...ให้ตั้งเป็นหนี้สงสัยจะสูญ
>>>> สิ่งที่ต้องมีเมื่อตลาดช่วงตะลุมบอน ฝุ่นยังไม่จางหาย
1.สติยั้งคิด....อันนี้จำเป็นมาก เพราะสติมาปัญญาเกิด สติเตลิดเกิดปัญหา
2.ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ อย่าคิดเอาชนะตลาด(อันนี้พี่แจ้พูดบ่อย) เอาแบบที่พอเป็นกษัยถ้าอดไม่ได้
3.หาความรู้ มากกว่า เทรด ช่วงตลาดแบบนี้ อันนี้ท่านประทานกล่าวไว้ว่า
หุ้นขึ้น >>>หาความรู้
หุ้นไซด์เวร >>>หาความรู้
หุ้นลง>>>>ยิ่งต้องหาความรู้
@@@@@@@ แต่พี่แจ้ว่า สำหรับหุ้นแล้ว...ความรู้ท่วมหัว ยิ่งถัวยิ่งดอย 55555555555 @@@@@@
4. ทำตัวดีต่อคนรอบข้าง เช่น กับเจ้านายตอนหุ้นขึ้นเคยเถียงเจ้านายเพราะ
คิดว่าใกล้จะมีอิสระภาพทางการเงินแล้วเรา ช่วงนี้ให้กล่าวสั้นๆว่า
" ครับ ได้ครับ พี่จะรับไส้กรอกกับซาลาเปาเพิ่มอีกไหมตรับพี่"
บทเรียนนี้มี อัตชีวะประวัติพี่แจ้ ที่โต้คลื่นในตลาดหุ้นไทย มาเล่าพอสังเขป เหมือนทหารผ่านศึกทางเศรษฐกิจมาหลายสมรภมิ
ยุคละอ่อน >>> วิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 เพิ่งเริ่มทำงาน ได้ซึมซับบรรยากาศคนเคยรวยเปิดท้ายขายของ
ขายแซนวิช คนตกงาน สถาบันการเงินปิด เงินบาทลอยตัว ตอนนั้นยังไม่เล่นหุ้น แต่ก็คิดว่าตลาดหุ้นมีอานุภาพ
เปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ขนาดนี้ น่ากลัวมากเราจะไม่ลงทุนหุ้นเด็ดขาด นึกแล้วสยองตอนนั้นมีหนี้ซื้อบ้าน 1 ล้านบาท
แต่ก็รอดเพราะทำงานฝ่ายขาย พอทำยอดขายได้ และฝ่ายขายจะถูกปลดเป็นลำดับท้ายๆ เพราะหาเงินเข้าบริษัท
ยุคเข้าวงการ >>>วิกฤติซับไฟร์ม หรือแฮมเบอร์เกอร์ไครซิส ผมเรียกว่าวิกฤติกรรมติดจรวดเกิดกับอเมริกา
ที่มาทำกับเอเชียไว้ กรรมเลยตามสนอง เกิดจากการเก็งกำไรอสังหาของไอ้กัน วิศวกรรมทางการเงินที่โลดโผน
ช่วงนั้นั้นได้ Ejib ของบริษัทมา เลยได้เปิดพอร์ทโดยอัตโนมัติ และการซื้อขายผ่านสตรีมมิ่งสะดวกเลยยาวมา
เป็นช่วงที่หาประสบการณ์ลงเดือนละ 5,000 บาท ตลาดผันผวนมาก เริ่มตรง 700 กว่าจุด ตลาดเหวี่ยงมาก
ดอยทุกครั้งที่ซื้อ พอร์ท บวก สลับ ลบ เซดลงวันละ 30-50 จุดก็มี แต่เอาตัวรอดมาได้เพราะลงทุนน้อยๆ เอาระบบ กรูทนกว่ามาใช้
กราฟเทคนิคเป็นสิ่งหายากยิ่งกว่า เห็ดโคน ตอนนั้นเสพหนังสือ VI เป็นหลัก สวนเทคนิคก็งูๆปลาๆ
ยุคแห่งการเอาตัวรอด >>>>อันนี้ช่วงปี 2552 ยาวมา
เจอวิกฤติประชานิยมกรีซ
วิกฤติพิมพ์แบงค์กงเต๊ก QE
วิกฤติอังกฤษนอกใจตีตัวออกห่าง เบรคซิส
วิกฤติชีเรีย เกาหลี
จนถึง.....วิกฤติทรัมป์ ถังแตก พยายามดึงเงินกลับอเมริกาด้วยสารพัดวิธี
สรุปหลักการเอาตัวรอดแบบบ้านๆของชาวสวนสายมโน
1.เล่นหุ้นมีพื้นฐานมีปันผล และมโนเอาว่าถ้าเกิดวิกฤติ แล้วเขายังขายของได้ถึงแม้จะขายลดลงเพราะตลาดหดตัวก็ตาม
หุ้นที่เอาตัวรอดจากวิกฤติต่างๆอย่างโชกโชน จะพิจารณาเป็นพิเศษถือว่าผู้บริหารมีประสบการณ์รับมือวิกฤติได้แน่นอน
แต่จะมีธรรมมาภิบาลหรือไม่ก็ต้องดูอีกที
2. กระจายความเสี่ยงไปในหุ้นหลายตัว ถึงแม้ไม่รวยเร็วแต่เป้าหมายคือ เอาตัวรอดก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน
ตัวไหนที่เข้าท่าก็จะเพิ่มน้ำหนักให้มากแต่ไม่เกิน 2 ตัวในพอร์ท ถ้ามันใช่ มันจะพยุงทั้งพอร์ทเลยทีเดียว
3.ผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องจะช่วยพยุงราคา ถ้าบางครั้งผลประกอบการแย่ชั่วคราว ให้โอกาสไม่เกิน 2 ไตรมาส
ต้องดีขึ้น ถึงแม้โดนทุบติดพื้นพอผลประกอบการดี ก็เด้งคืน
4. งดเสพหุ้นที่ราคาเด้งนำหน้าผลประกอบการ โดยเฉพาะหุ้นใหม่ๆที่หวือหวาราคาวิ่งพรวดพลาด เกิน 50% ในระยะสั้นๆ
แบบไม่น่าเชื่อเหมือนการจุดบั้งไฟ สุดท้ายก็ตกลงมา ปีที่แล้วมีเกิน 5 ตัว ทำเอาเม่าบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก
5. อย่าเชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือบุคคลใดคนหนึ่งจนเกินเหตุ เพราะการเดินทางสู่จุดหมายมีหลายวิธี พร้อมเปลี่ยนวิธีเสมอถ้าคิดว่าวิธีใหม่ดีกว่า
>>>สุดท้ายการเล่นหุ้นเหมือนการวิ่งมาราธอน ที่กำลังฮิตในปัจจุบัน ได้เหรียญกันทุกคนที่เข้าเส้นชัย ไม่จำเป็นต้องที่ 1
ส่วนคนที่อัดเต็มเหนียวตะคริวกินถึงกับหามออก ไม่เข้าเส้นชัย ไม่ได้เหรียญ เพลานี้เอาตัวรอดกันก่อนครับ ชาวสินธร <<<<<
คุณเลือกได้ว่าจะ...........
๑๑๑๑๑ ใครมีวิธีเอาตัวรอดในตลาดหุ้น แบบเท่ห์ๆ เอามาแชร์กันครับ ๑๑๑๑๑๑
#ที่สุดของแจ้# มโนศาสตร์กับตลาดหุ้น....บทที่6 วิธีเอาตัวรอดในตลาดหุ้นด้วยหลักมโนศาสตร์
ทายผลบอลกับพันทิพย์ก็เดี้ยงเพราะเทใจแทงหมดใจให้กับ เยอรมันและบราซิล แทงทีมละ 500่,000 เครดิต
เหมือนเทใจให้ PTT และ SCC การเล่นหุ้นการเอาตัวรอดสำคัญที่สุด ก่อนคิดจะรวยเราต้องเอาตัวให้รอดก่อนครับ
วิชามโนศาสตร์เสนอทางรอดให้มือใหม่เอาไปเสพ เพื่อการดำรงชีพและเอารอดชีวิตในตลาดที่โหดร้าย
มาลำปางแวะเที่ยว อุทยานแห่งชาติขุนตาล รอยต่อจังหวัดลำปางและลำพูน
เครดิต ภาพ www.touronthai.com
ตัดเข้ามาเนื้อหาวิชาการ...การเอาตัวรอดในตลาดหุ้นในสภาวะตลาดฝุ่นตลบ...อาการแบบ ไม่รู้จะยะจะใด๋ดี
>>>> ปรับ mind set ก่อน (ยืมคำพูด เทพสายหล่อ พิดพาวะแวดมาใช้) คนอื่นแนะนำมาหลายวิธีลองหาดูได้
พี่แจ้ขอแนะเพิ่มเติมจากคนอื่นๆ ดังนี้ เพื่อเป็นทางเลือก
1.ให้คิดว่าการลงทุนในหุ้นเป็นการวิ่งมาราธอน หรือ ไตรกีฬา ไม่ใช่วิ่ง 100 เมตร
คนร่วมแข่งเป็นหมื่น คนเข้าเส้นชัยหลีกพัน (เข้าเส้นชัยเฉพาะคนอึดเท่านั้น)
2.ให้ดูหนังเกี่ยวกับหุ้นทั้งหลาย เช่น มาร์จิ้นคอลแล้ว พี่แจ้ฝากดูเรื่องนี้ด้วยประกอบด้วยจะสมบูรณ์
คนอึด..ตายยาก ให้เสียงภาษาไทยโดยพันธมิตร
3.ถ้าจะฟังเพลงก็ฟังเพลงแนวนี้
4.ถ้าติดดอยก็ไม่ต้องคัทก็ให้คิดเสียว่า....เอาเงินซ่อนเมียได้ลุ้นว่าเมียจะหาเจอหรือเปล่า
5.ถ้าไม่ไหวจริงๆ คัทลอสทำใจว่าเมียหาเงินที่ซ่อนเจอ...ให้ตั้งเป็นหนี้สงสัยจะสูญ
>>>> สิ่งที่ต้องมีเมื่อตลาดช่วงตะลุมบอน ฝุ่นยังไม่จางหาย
1.สติยั้งคิด....อันนี้จำเป็นมาก เพราะสติมาปัญญาเกิด สติเตลิดเกิดปัญหา
2.ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ อย่าคิดเอาชนะตลาด(อันนี้พี่แจ้พูดบ่อย) เอาแบบที่พอเป็นกษัยถ้าอดไม่ได้
3.หาความรู้ มากกว่า เทรด ช่วงตลาดแบบนี้ อันนี้ท่านประทานกล่าวไว้ว่า
หุ้นขึ้น >>>หาความรู้
หุ้นไซด์เวร >>>หาความรู้
หุ้นลง>>>>ยิ่งต้องหาความรู้
@@@@@@@ แต่พี่แจ้ว่า สำหรับหุ้นแล้ว...ความรู้ท่วมหัว ยิ่งถัวยิ่งดอย 55555555555 @@@@@@
4. ทำตัวดีต่อคนรอบข้าง เช่น กับเจ้านายตอนหุ้นขึ้นเคยเถียงเจ้านายเพราะ
คิดว่าใกล้จะมีอิสระภาพทางการเงินแล้วเรา ช่วงนี้ให้กล่าวสั้นๆว่า
" ครับ ได้ครับ พี่จะรับไส้กรอกกับซาลาเปาเพิ่มอีกไหมตรับพี่"
บทเรียนนี้มี อัตชีวะประวัติพี่แจ้ ที่โต้คลื่นในตลาดหุ้นไทย มาเล่าพอสังเขป เหมือนทหารผ่านศึกทางเศรษฐกิจมาหลายสมรภมิ
ยุคละอ่อน >>> วิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 เพิ่งเริ่มทำงาน ได้ซึมซับบรรยากาศคนเคยรวยเปิดท้ายขายของ
ขายแซนวิช คนตกงาน สถาบันการเงินปิด เงินบาทลอยตัว ตอนนั้นยังไม่เล่นหุ้น แต่ก็คิดว่าตลาดหุ้นมีอานุภาพ
เปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ขนาดนี้ น่ากลัวมากเราจะไม่ลงทุนหุ้นเด็ดขาด นึกแล้วสยองตอนนั้นมีหนี้ซื้อบ้าน 1 ล้านบาท
แต่ก็รอดเพราะทำงานฝ่ายขาย พอทำยอดขายได้ และฝ่ายขายจะถูกปลดเป็นลำดับท้ายๆ เพราะหาเงินเข้าบริษัท
ยุคเข้าวงการ >>>วิกฤติซับไฟร์ม หรือแฮมเบอร์เกอร์ไครซิส ผมเรียกว่าวิกฤติกรรมติดจรวดเกิดกับอเมริกา
ที่มาทำกับเอเชียไว้ กรรมเลยตามสนอง เกิดจากการเก็งกำไรอสังหาของไอ้กัน วิศวกรรมทางการเงินที่โลดโผน
ช่วงนั้นั้นได้ Ejib ของบริษัทมา เลยได้เปิดพอร์ทโดยอัตโนมัติ และการซื้อขายผ่านสตรีมมิ่งสะดวกเลยยาวมา
เป็นช่วงที่หาประสบการณ์ลงเดือนละ 5,000 บาท ตลาดผันผวนมาก เริ่มตรง 700 กว่าจุด ตลาดเหวี่ยงมาก
ดอยทุกครั้งที่ซื้อ พอร์ท บวก สลับ ลบ เซดลงวันละ 30-50 จุดก็มี แต่เอาตัวรอดมาได้เพราะลงทุนน้อยๆ เอาระบบ กรูทนกว่ามาใช้
กราฟเทคนิคเป็นสิ่งหายากยิ่งกว่า เห็ดโคน ตอนนั้นเสพหนังสือ VI เป็นหลัก สวนเทคนิคก็งูๆปลาๆ
ยุคแห่งการเอาตัวรอด >>>>อันนี้ช่วงปี 2552 ยาวมา
เจอวิกฤติประชานิยมกรีซ
วิกฤติพิมพ์แบงค์กงเต๊ก QE
วิกฤติอังกฤษนอกใจตีตัวออกห่าง เบรคซิส
วิกฤติชีเรีย เกาหลี
จนถึง.....วิกฤติทรัมป์ ถังแตก พยายามดึงเงินกลับอเมริกาด้วยสารพัดวิธี
สรุปหลักการเอาตัวรอดแบบบ้านๆของชาวสวนสายมโน
1.เล่นหุ้นมีพื้นฐานมีปันผล และมโนเอาว่าถ้าเกิดวิกฤติ แล้วเขายังขายของได้ถึงแม้จะขายลดลงเพราะตลาดหดตัวก็ตาม
หุ้นที่เอาตัวรอดจากวิกฤติต่างๆอย่างโชกโชน จะพิจารณาเป็นพิเศษถือว่าผู้บริหารมีประสบการณ์รับมือวิกฤติได้แน่นอน
แต่จะมีธรรมมาภิบาลหรือไม่ก็ต้องดูอีกที
2. กระจายความเสี่ยงไปในหุ้นหลายตัว ถึงแม้ไม่รวยเร็วแต่เป้าหมายคือ เอาตัวรอดก่อนอย่างอื่นค่อยว่ากัน
ตัวไหนที่เข้าท่าก็จะเพิ่มน้ำหนักให้มากแต่ไม่เกิน 2 ตัวในพอร์ท ถ้ามันใช่ มันจะพยุงทั้งพอร์ทเลยทีเดียว
3.ผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องจะช่วยพยุงราคา ถ้าบางครั้งผลประกอบการแย่ชั่วคราว ให้โอกาสไม่เกิน 2 ไตรมาส
ต้องดีขึ้น ถึงแม้โดนทุบติดพื้นพอผลประกอบการดี ก็เด้งคืน
4. งดเสพหุ้นที่ราคาเด้งนำหน้าผลประกอบการ โดยเฉพาะหุ้นใหม่ๆที่หวือหวาราคาวิ่งพรวดพลาด เกิน 50% ในระยะสั้นๆ
แบบไม่น่าเชื่อเหมือนการจุดบั้งไฟ สุดท้ายก็ตกลงมา ปีที่แล้วมีเกิน 5 ตัว ทำเอาเม่าบาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก
5. อย่าเชื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือบุคคลใดคนหนึ่งจนเกินเหตุ เพราะการเดินทางสู่จุดหมายมีหลายวิธี พร้อมเปลี่ยนวิธีเสมอถ้าคิดว่าวิธีใหม่ดีกว่า
>>>สุดท้ายการเล่นหุ้นเหมือนการวิ่งมาราธอน ที่กำลังฮิตในปัจจุบัน ได้เหรียญกันทุกคนที่เข้าเส้นชัย ไม่จำเป็นต้องที่ 1
ส่วนคนที่อัดเต็มเหนียวตะคริวกินถึงกับหามออก ไม่เข้าเส้นชัย ไม่ได้เหรียญ เพลานี้เอาตัวรอดกันก่อนครับ ชาวสินธร <<<<<
คุณเลือกได้ว่าจะ...........
๑๑๑๑๑ ใครมีวิธีเอาตัวรอดในตลาดหุ้น แบบเท่ห์ๆ เอามาแชร์กันครับ ๑๑๑๑๑๑