ข้าพเจ้าเป็นคนดื้อ ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ โดยเฉพาะคำเล่าลือต่างๆ นาๆ ถ้าหากไม่ได้ประสบพบเจอกับตัวเองแล้วจะฟังหูไว้หู จนกว่าจะพิสูจน์แน่ชัดแล้วถึงจะปักใจเชื่อไปตามเหตุตามผล
ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง ทำให้ฉงน หรือออกแนวแปลกชวนให้คิดอยู่เรื่อย จึงอยากเอามาเล่าสู่กันฟังครับ เรื่องแรกมีอยู่ว่า – ปกติผมกับภรรยาในวันหยุดเราชอบออกท่องเที่ยวแนวลุยนิดๆ เช่นกางเต้นท์ เดินป่าในเส้นทางที่ไม่ทรหดมาก สนามเด็กเล่นของเราแห่งหนึ่งที่แวะเวียนไปบ่อยคือ แก่งกระจาน (จ.เพชรบุรี) เมื่อหลายปีก่อนบริเวณขอบของเขื่อนที่อยู่ด้านล่างลึกลงไปจากลานจอด ฮ. ในปัจจุบัน เป็นลักษณะดินโคลน เนื่องจากน้ำแห้ง เราและกลุ่มเพื่อนได้ขับรถลงไปถึงขอบน้ำในบริเวณนี้ เนื่องจากเราใช้รถ 4WD จึงสามารถลุยโคลนเป็นแอ่งๆ ลงไปยังจุดที่ใกล้น้ำที่สุดเพื่อปักเต้นท์และตกปลาไปในตัว
บริเวณขอบน้ำที่พวกเราปักเต้นท์อยู่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวหลายคน ช่วงเวลากลางวัน จะมีรถเล็กๆ พยายามลงไปจุดนั้น พื้นดินบริเวณขอบน้ำเป็นโคลนและยุบตัวง่าย ทำให้รถเล็กทั้งหลายมาหมุนฟรีล้อสิ้นฤทธิ์อยู่เรื่อย ผมจึงได้ทำหน้าที่ใช้โซ่คอยดึงรถเหล่านี้ออกไปหาพื้นดินที่แข็งและพอที่จะเอาตัวรอดขับกลับออกไป แต่ละวันก็จะคอยช่วยเหลือรถเล็กแบบนี้วันละ 2-3 คัน เพราะรู้สึกว่าเราได้ให้ความช่วยเหลือแล้วมีความสุขอิ่มใจ บางครั้งนึกสนุก ก็จะออกแนวว่า “ถ้าไม่ยกเหล้าเพียวแก้วนี้ พี่ไม่ลากออกให้นะ” ต้องไปหารถไถมาลากเอง คนขับรถคว้าแก้วเหล้าหมับ ไม่รู้ว่าด้วยความอยากจะกินอยู่แล้ว หรือกลัวได้ว่าจ้างรถไถมากันแน่
เวลาผ่านไปหลายเดือน ครั้งนี้ผมกับภรรยาไปกันเองสองคน ไม่มีเพื่อนกลุ่มก๊วนไปด้วย แพลนในตอนนั้นคือ ขับรถไปริมขอบน้ำใกล้กับบริเวณที่มีสะพานสายสลิง ยกเรือลงจากหลังกระบะและประกอบเรือในน้ำ เก็บข้าวของใส่เรือ ขับรถไปจอดไว้ในที่จอดของอุทยาน และแล่นเรือข้ามไปปักเต้นท์ที่เกาะกลางน้ำนอนที่นั่นซัก 2 คืน (เรือผมสร้างเองมีลักษณะสองท่อน ขนย้ายโดยซ้อนกันอยู่ในกระบะท้าย) เวลานั้นใกล้ค่ำแล้ว เมื่อยกเรือทีละท่อนลงน้ำได้ผมก็ลงมือประกอบเรือเข้าต่อกัน ส่วนภรรยาอาสาขับรถขึ้นไปจอดในที่จอดรถข้างบน
และแล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิด ภรรยาข้าพเจ้าขับรถลงบ่อโคลนอย่างไม่น่าให้อภัย คือมันเป็นบ่อเบ้อเร่อ ไม่รู้ว่าหล่อนยังขับลงไปได้ยังไง 4WD ก็เหอะ ผมลองปั่นทั้งเกียร์ Lo พยายามใช้เทคนิคหลายอย่าง ยิ่งปั่นล้อทั้งสี่ก็ยิ่งจม ปั่นล้อฟรีไปมากกว่านี้เกรงว่าเพลาจะร้อน ขาดสะบั้นก็เป็นได้ กระบะ 4WD คู่ใจเลยสิ้นฤทธิ์อยู่ตรงนั้น – ผมต่อว่า(ด่า)ภรรยาไปหลายช็อตอยู่เหมือนกัน ว่าเนี่ย กฏเหล็กเลยนะของการขับ 4WD ในพื้นที่ๆ ไม่ใช่ทางรถ ถ้าไม่แน่ใจต้องเดินลงไปดูก่อน ไม่ใช่สุ่มเสี่ยงเอา บลาๆๆๆ ...(รู้สึกจะมีคำว่าโง่ติดไปด้วยถ้าจำไม่ผิด)
พลบค่ำแล้ว เป็นอันว่าไม่ต้องเอารถไปจอดในที่จอดรถกันแล้ว ในเมื่อเอารถขึ้นไม่ได้ ก็ให้มันจอดจมโคลนไปก่อน ขนาดเรายังเอาขึ้นไม่ได้ ขโมยมันจะมีปัญญาเอาขึ้นรึ นั่นคือตรรกะของผมเอง -- แล้วเราก็ดำเนินตามแผนต่อไป คือขนข้าวของใส่เรือและข้ามไปปักเต้นท์นอนที่เกาะกลางน้ำ ห่างจากจุดที่รถตกบ่อโคลนประมาณ 3 กม. ได้ คืนนั้นตกปลา นอนในเต้นท์ปกติสุขดี คิดถึงรถบ้างนิดหน่อย แพลนไปล่วงหน้าว่าพรุ่งนี้ไปหารถไถมาลากออกก็ได้(ว่ะ)
รุ่งเช้าหลังจากที่เราได้กาแฟกันแล้ว ผมขับเรือส่งภรรยามาบนฝั่งเพื่อเข้าห้องน้ำ หล่อนเป็นผู้จัดการในออฟฟิศก็จริง บทจะลุยก็ลุยทรหดได้ไม่แพ้ผู้หญิงทั้งหลายที่ แบร์ กริลซ์ เอาไปปล่อยเกาะทำรายการ Survival -- แต่เวลาขับถ่ายต้องไปห้องน้ำสะอาดเท่านั้น ห้องน้ำของอุทยานแก่งกระจานนี่สะอาดได้โล่ห์เลยแหล่ะครับ มีร้องเท้าแตะให้สับเปลี่ยนใส่เข้าไปด้วย เราจึงแล่นเรือตรงมาที่ใกล้ห้องน้ำและหลังจากนั้นจึงไปดูรถที่ติดหล่มโคลน
เมื่อมาถึงเราสังเกตุเห็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง นั่งจิบชาหรือกาแฟบนเก้าอี้พับ อยู่ใกล้ๆ รถตู้ ท่าทางจะเอ็นจอยกับธรรมชาติไม่น้อย เมื่อทางผู้เป็นสามีมองเห็นข้าพเจ้าเอาของบางอย่างไปเก็บในรถ จึงเอ่ยปากถามข้าพเจ้าว่า “รถพี่หรือครับ” ผมตอบรับและเล่าถึงเหตุการณ์ว่าทำไมมันถึงได้มาจมบ่อโคลนอยู่อย่างนี้ – เขาจึงบอกว่า เขาเองกับแฟนท่องเที่ยวไปเรื่อยไปกับรถตู้ 4WD ค่ำไหนนอนนั่น เขามี Winch (รอกทดเกียร์สายสลิง) ติดหน้ารถ เขาสงสัยอยู่ว่ารถใครกันนะมาจอดทิ้งตรงนี้ จึงนั่งรอได้สักพัก เผื่อเจอเจ้าของแล้วจะช่วยดึงขึ้นให้
เขาลากสายสลิงเอาตะขอมาเกี่ยวกับตะขอแชสซีรถผม ใช้ความพยายามพอควร แต่ไม่ถึงกับทุลักทุเล เห็น Winch ทำงานแล้วมันช่างเป็นศิลปะเสียเหลือเกิน ภรรยามองตาข้าพเจ้าเหมือนกับจะรู้ความในใจ – หล่อนพูดดักคอไว้ก่อนเลย ฝันไปเถอะจะซื้อรอกวินช์ติดหน้ารถให้ นึกถึงคำด่าเมื่อวานเธอไม่ควรได้อะไรซักอย่าง... รถกระบะ 4WD วันนี้เชื่องเหลือเกินขึ้นมาจากบ่อโคลนถึงพื้นดินที่แข็งปลอดภัย --- ผมกล่าวขอบคุณสองสามีภรรยาอย่างเหลือหลาย ซึ่งถ้าหากไม่มีเขาแล้ว เราคงลำบากไม่น้อย
เมื่อสบายใจแล้วก็ฉุกคิดถึงธรรมะ รึกฏแห่งกรรมมัน apply เข้ากับทุกคนไม่เลือกผู้เลือกนาม และก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยว่ากรรมดีนั้นบางทีก็ให้ผลตอบสนองเร็วกว่าที่คิด ในสถานการณ์ที่ควรจะลำบาก ก็ลำบากไม่มาก --- นึกถึงคำของหลวงพ่อโตขึ้นมาทันที ในประโยคที่ว่า
" จงจำไว้นะ... เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้... ครั้นถึงเวลา... ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่... จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า "
ในภาพคือเรือที่เราใช้ผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ ครับ -- ถ้าบางท่านอยากรู้ว่าสร้างมาอย่างไร ผมมีรายละเอียดอยู่ตามลิ้งค์ข้างล่างครับ
http://www.weekendhobby.com/board/boat/question.asp?id=27463
เรื่องแรกที่ประสบพบเจอขอเล่าเพียงเท่านี้นะครับ เรื่องถัดไปเดี๋ยวมาเล่าต่อครับ...
(เล่าสู่กันฟัง) เหตุการณ์ที่มากกว่าความบังเอิญ จนอดคิดไม่ได้ว่า “กฏแห่งกรรมทำงานแบบนี้หรือ”
ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง ทำให้ฉงน หรือออกแนวแปลกชวนให้คิดอยู่เรื่อย จึงอยากเอามาเล่าสู่กันฟังครับ เรื่องแรกมีอยู่ว่า – ปกติผมกับภรรยาในวันหยุดเราชอบออกท่องเที่ยวแนวลุยนิดๆ เช่นกางเต้นท์ เดินป่าในเส้นทางที่ไม่ทรหดมาก สนามเด็กเล่นของเราแห่งหนึ่งที่แวะเวียนไปบ่อยคือ แก่งกระจาน (จ.เพชรบุรี) เมื่อหลายปีก่อนบริเวณขอบของเขื่อนที่อยู่ด้านล่างลึกลงไปจากลานจอด ฮ. ในปัจจุบัน เป็นลักษณะดินโคลน เนื่องจากน้ำแห้ง เราและกลุ่มเพื่อนได้ขับรถลงไปถึงขอบน้ำในบริเวณนี้ เนื่องจากเราใช้รถ 4WD จึงสามารถลุยโคลนเป็นแอ่งๆ ลงไปยังจุดที่ใกล้น้ำที่สุดเพื่อปักเต้นท์และตกปลาไปในตัว
บริเวณขอบน้ำที่พวกเราปักเต้นท์อยู่เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวหลายคน ช่วงเวลากลางวัน จะมีรถเล็กๆ พยายามลงไปจุดนั้น พื้นดินบริเวณขอบน้ำเป็นโคลนและยุบตัวง่าย ทำให้รถเล็กทั้งหลายมาหมุนฟรีล้อสิ้นฤทธิ์อยู่เรื่อย ผมจึงได้ทำหน้าที่ใช้โซ่คอยดึงรถเหล่านี้ออกไปหาพื้นดินที่แข็งและพอที่จะเอาตัวรอดขับกลับออกไป แต่ละวันก็จะคอยช่วยเหลือรถเล็กแบบนี้วันละ 2-3 คัน เพราะรู้สึกว่าเราได้ให้ความช่วยเหลือแล้วมีความสุขอิ่มใจ บางครั้งนึกสนุก ก็จะออกแนวว่า “ถ้าไม่ยกเหล้าเพียวแก้วนี้ พี่ไม่ลากออกให้นะ” ต้องไปหารถไถมาลากเอง คนขับรถคว้าแก้วเหล้าหมับ ไม่รู้ว่าด้วยความอยากจะกินอยู่แล้ว หรือกลัวได้ว่าจ้างรถไถมากันแน่
เวลาผ่านไปหลายเดือน ครั้งนี้ผมกับภรรยาไปกันเองสองคน ไม่มีเพื่อนกลุ่มก๊วนไปด้วย แพลนในตอนนั้นคือ ขับรถไปริมขอบน้ำใกล้กับบริเวณที่มีสะพานสายสลิง ยกเรือลงจากหลังกระบะและประกอบเรือในน้ำ เก็บข้าวของใส่เรือ ขับรถไปจอดไว้ในที่จอดของอุทยาน และแล่นเรือข้ามไปปักเต้นท์ที่เกาะกลางน้ำนอนที่นั่นซัก 2 คืน (เรือผมสร้างเองมีลักษณะสองท่อน ขนย้ายโดยซ้อนกันอยู่ในกระบะท้าย) เวลานั้นใกล้ค่ำแล้ว เมื่อยกเรือทีละท่อนลงน้ำได้ผมก็ลงมือประกอบเรือเข้าต่อกัน ส่วนภรรยาอาสาขับรถขึ้นไปจอดในที่จอดรถข้างบน
และแล้วเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิด ภรรยาข้าพเจ้าขับรถลงบ่อโคลนอย่างไม่น่าให้อภัย คือมันเป็นบ่อเบ้อเร่อ ไม่รู้ว่าหล่อนยังขับลงไปได้ยังไง 4WD ก็เหอะ ผมลองปั่นทั้งเกียร์ Lo พยายามใช้เทคนิคหลายอย่าง ยิ่งปั่นล้อทั้งสี่ก็ยิ่งจม ปั่นล้อฟรีไปมากกว่านี้เกรงว่าเพลาจะร้อน ขาดสะบั้นก็เป็นได้ กระบะ 4WD คู่ใจเลยสิ้นฤทธิ์อยู่ตรงนั้น – ผมต่อว่า(ด่า)ภรรยาไปหลายช็อตอยู่เหมือนกัน ว่าเนี่ย กฏเหล็กเลยนะของการขับ 4WD ในพื้นที่ๆ ไม่ใช่ทางรถ ถ้าไม่แน่ใจต้องเดินลงไปดูก่อน ไม่ใช่สุ่มเสี่ยงเอา บลาๆๆๆ ...(รู้สึกจะมีคำว่าโง่ติดไปด้วยถ้าจำไม่ผิด)
พลบค่ำแล้ว เป็นอันว่าไม่ต้องเอารถไปจอดในที่จอดรถกันแล้ว ในเมื่อเอารถขึ้นไม่ได้ ก็ให้มันจอดจมโคลนไปก่อน ขนาดเรายังเอาขึ้นไม่ได้ ขโมยมันจะมีปัญญาเอาขึ้นรึ นั่นคือตรรกะของผมเอง -- แล้วเราก็ดำเนินตามแผนต่อไป คือขนข้าวของใส่เรือและข้ามไปปักเต้นท์นอนที่เกาะกลางน้ำ ห่างจากจุดที่รถตกบ่อโคลนประมาณ 3 กม. ได้ คืนนั้นตกปลา นอนในเต้นท์ปกติสุขดี คิดถึงรถบ้างนิดหน่อย แพลนไปล่วงหน้าว่าพรุ่งนี้ไปหารถไถมาลากออกก็ได้(ว่ะ)
รุ่งเช้าหลังจากที่เราได้กาแฟกันแล้ว ผมขับเรือส่งภรรยามาบนฝั่งเพื่อเข้าห้องน้ำ หล่อนเป็นผู้จัดการในออฟฟิศก็จริง บทจะลุยก็ลุยทรหดได้ไม่แพ้ผู้หญิงทั้งหลายที่ แบร์ กริลซ์ เอาไปปล่อยเกาะทำรายการ Survival -- แต่เวลาขับถ่ายต้องไปห้องน้ำสะอาดเท่านั้น ห้องน้ำของอุทยานแก่งกระจานนี่สะอาดได้โล่ห์เลยแหล่ะครับ มีร้องเท้าแตะให้สับเปลี่ยนใส่เข้าไปด้วย เราจึงแล่นเรือตรงมาที่ใกล้ห้องน้ำและหลังจากนั้นจึงไปดูรถที่ติดหล่มโคลน
เมื่อมาถึงเราสังเกตุเห็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง นั่งจิบชาหรือกาแฟบนเก้าอี้พับ อยู่ใกล้ๆ รถตู้ ท่าทางจะเอ็นจอยกับธรรมชาติไม่น้อย เมื่อทางผู้เป็นสามีมองเห็นข้าพเจ้าเอาของบางอย่างไปเก็บในรถ จึงเอ่ยปากถามข้าพเจ้าว่า “รถพี่หรือครับ” ผมตอบรับและเล่าถึงเหตุการณ์ว่าทำไมมันถึงได้มาจมบ่อโคลนอยู่อย่างนี้ – เขาจึงบอกว่า เขาเองกับแฟนท่องเที่ยวไปเรื่อยไปกับรถตู้ 4WD ค่ำไหนนอนนั่น เขามี Winch (รอกทดเกียร์สายสลิง) ติดหน้ารถ เขาสงสัยอยู่ว่ารถใครกันนะมาจอดทิ้งตรงนี้ จึงนั่งรอได้สักพัก เผื่อเจอเจ้าของแล้วจะช่วยดึงขึ้นให้
เขาลากสายสลิงเอาตะขอมาเกี่ยวกับตะขอแชสซีรถผม ใช้ความพยายามพอควร แต่ไม่ถึงกับทุลักทุเล เห็น Winch ทำงานแล้วมันช่างเป็นศิลปะเสียเหลือเกิน ภรรยามองตาข้าพเจ้าเหมือนกับจะรู้ความในใจ – หล่อนพูดดักคอไว้ก่อนเลย ฝันไปเถอะจะซื้อรอกวินช์ติดหน้ารถให้ นึกถึงคำด่าเมื่อวานเธอไม่ควรได้อะไรซักอย่าง... รถกระบะ 4WD วันนี้เชื่องเหลือเกินขึ้นมาจากบ่อโคลนถึงพื้นดินที่แข็งปลอดภัย --- ผมกล่าวขอบคุณสองสามีภรรยาอย่างเหลือหลาย ซึ่งถ้าหากไม่มีเขาแล้ว เราคงลำบากไม่น้อย
เมื่อสบายใจแล้วก็ฉุกคิดถึงธรรมะ รึกฏแห่งกรรมมัน apply เข้ากับทุกคนไม่เลือกผู้เลือกนาม และก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยว่ากรรมดีนั้นบางทีก็ให้ผลตอบสนองเร็วกว่าที่คิด ในสถานการณ์ที่ควรจะลำบาก ก็ลำบากไม่มาก --- นึกถึงคำของหลวงพ่อโตขึ้นมาทันที ในประโยคที่ว่า
" จงจำไว้นะ... เมื่อยังไม่ถึงเวลา เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้... ครั้นถึงเวลา... ทั่วฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่... จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลย จะมีใครที่ไหนมาช่วยเจ้า "
ในภาพคือเรือที่เราใช้ผจญภัยเล็กๆ น้อยๆ ครับ -- ถ้าบางท่านอยากรู้ว่าสร้างมาอย่างไร ผมมีรายละเอียดอยู่ตามลิ้งค์ข้างล่างครับ
http://www.weekendhobby.com/board/boat/question.asp?id=27463
เรื่องแรกที่ประสบพบเจอขอเล่าเพียงเท่านี้นะครับ เรื่องถัดไปเดี๋ยวมาเล่าต่อครับ...