สวัสดีค่ะ
ไม่เคยนึกว่าจะได้มาเขียนกระทู้แบบนี้ แต่เพราะสับสนมาก ไม่รู้จะปรึกษาใคร เคยเห็นแต่ในละคร ที่แม่สามีไม่ชอบสะใภ้ หรือแฟนลูก พอมาเกิดขึ้นกับตัวเอง งงเว่อค่ะ ขอคำแนะนำจากผู้มีปสก. ด้วยนะคะ รู้สึกเครียด ร้องไห้เป็นโอ่งเลยค่ะ
แนะนำตัวนะคะ ดิฉันอายุ 30 แล้วค่ะ(ยังไม่ชินกับตัวเลข 3 เท่าไหร่ 55 ) ส่วนแฟนอายุ 29 (จริงๆเราไม่ชอบเด็กกว่าแต่เรียนรุ่นเดียวกันเลยเข้าใจว่าอายุเท่ากัน)
เราเจอกันตอนเรียน ป โท ทำงานแล้วทั้งคู่ รู้จักกันสามปีกว่าแล้ว แต่คบกันเป็นแฟนจริงจังได้เกือบๆสองปี
ความสัมพันธ์ :
เล่าความสัมพันธ์ที่ผ่านมา เราทั้งสองคน ไปมาหาสู่ครอบครัวทั้งสองฝ่ายตลอด แฟนเราชอบให้เราไปทานข้าวกับที่บ้านเค้าอยู่บ่อยๆค่ะ เราชอบคุณพ่อคุณแม่ของเค้านะ ฝั่งคุณแม่เค้าก็ดูhappy กับเราดี เคยชมว่าเราทำงานเก่ง เป็นต้น เราพยายามเข้าใจคุณแม่เค้า ว่ารักและหวงลูกมาก แฟนเราเป็นลูกคนเดียว และสนิทกับคุณแม่ เค้าอยู่บ้านกับแม่มาตลอด ต่างจากเราที่เป็นเด็กหอ ตั้งแต่ ป ตรี ก้อยู่หอพัก และพอเรียนจบทำงาน ก็เช่าหออยู่มาตลอด กลับบ้านเดือนละครั้งสองครั้ง พ่อแม่เราก็ชิวๆค่ะ เราเองเป็นคนความฝันเยอะ พ่อแม่ให้อิสระเต็มที่ ก็ตามความฝันไป ทั้งทำงานต่างประเทศ และไปเรียนต่อ ตปท มาแล้ว และตอนนี้ เราก็กะจะอยู่ไทยถาวร ลงหลักปักฐาน ทำงาน และอยากมีชีวิตครอบครัว
แฟนเราบอกว่า ถ้าแต่งงาน ต้องแต่งเข้านะ โดยส่วนตัวเราไม่ชอบการแต่งเข้าครอบครัวใหญ่ แต่เราก็ยอมรับแนวคิดนี้ได้ เพราะแฟนเราอยากดูแลคุณแม่ของเค้า ความกตัญญูเป็นสิ่งที่ดี เราก็ยอมค่ะ เรามองว่าเราจะเสียสละความเป็นส่วนตัวให้ก็ได้ค่ะ เพราะรักแฟน
ตอนคบกัน ครบ 1 ปี เราเริ่มคุยกันเรื่องแต่งงาน ยอมรับว่า คบกัน 1 ปี บางทีก็ดูตัดสินใจเร็วไป แต่ด้วยวัยวุฒิ ที่เรามีประสบการณ์ชีวิต และทำงานพึ่งพาตัวเองได้แล้ว เราว่ามันก็เหมาะสม ทั้งเรียนและงาน เราทำได้ดีมาตลอด สิ่งที่อยากทำในชีวิตก็ได้ทำมาครบหมดแล้ว
ตอนนี้ก็ถึงวัยที่เราอยากจะมีคนคอยอยู่เคียงข้าง ดูแลกันแค่นั้นเอง ความฝันเล็กๆของเรา คือ อยากมีลูกและเลี้ยงน้องหมาน่ารักๆสักตัว กลับบ้านก็มีคนกินข้าวเย็นเป็นเพื่อน so simple
แฟนเราเป็นคนดี รักเรา ให้เกียรติ ความคิดความอ่านใกล้เคียงกัน เข้ากันได้ดี เราเองก็เป็นเพื่อนคู่คิดที่ดีของเค้า เค้าชอบที่เราเป็นผู้หญิงที่ชอบทำงาน และบ้าบอพอๆกัน เรามีความตั้งใจดีนะที่จะช่วยกันสร้างอนาคตข้างหน้าร่วมกัน
จุดเริ่มต้นของปัญหา :
ความฝันของเราทั้งคู่ดูสวยงามดี จนกระทั่ง คุณแม่ของแฟนเรา บอกว่า ยังไม่เห็นด้วยที่ลูกชายคนเดียวจะแต่งงาน
แม่แฟน บอกว่า”เป็นห่วงลูก อยากให้ดูกันไปก่อน เพราะคนสมัยนี้ไม่อดทน อยู่กันไปไม่นานก็เลิกกันให้เห็นเยอะ แม่มีลูกคนเดียวก็เป็นห่วงไม่อยากให้ลูกเสียใจ อยากให้มั่นใจกันก่อน”
เราก็ฟังนะคะ เราเข้าใจ ถ้าผู้ใหญ่อาจจะเห็นว่ามันเร็วเกินไปกับคนที่เพิ่งคบกันปีกว่า … แต่เราก็อยากมีกำหนดการณ์ที่แน่นอน ไม่ใช้ให้รอไปเรื่อยๆ ยอมรับว่า ผญ. เลข 3 แล้ว รู้สึกว่าคบกันไปวันๆมันเสียเวลา
มีครั้งนึงที่แฟนเรา พาไปหาคุณแม่เค้า และบอกคุณแม่เค้าว่า เค้าอยากแต่งงานกับเรา ส่วนเราก็บอกว่าแต่งเร็วหน่อยก็ดีนะคะ เพราะหนูอยากมีลูกก่อนอายุ 35 เดี๋ยวจะไม่แข็งแร็ง หลังจากนั้น คุณแม่แฟนเราไปวิจารรณ์เราไม่ค่อยดี เราเสียใจมากเลย คุณแม่เค้ามองว่า เป็นผู้หญิงพูดจาแบบนี้ไม่เหมาะ เป็นผู้หญิงทำไมพูดไปไกลถึงเรื่องจะมีลูก แล้วก็ไปถามแฟนเราว่า ลูกชายเค้าอยากแต่งงานอยากมีลูกเนี่ย เป็นความต้องการของลูกชายไหม หรือเป็นความต้องการของเรา ….
หลังจากนั้น เราน้อยใจค่ะ เราเข้าใจมาตลอดว่า เราสนิทกับที่บ้านแฟน เราพาครอบครัวเรามาเจอกันแล้วถึงสองครั้ง สำหรับบ้านเรา ถือว่า การพาพ่อแม่มาเจอกันอย่างเป็นทางการแล้ว และลูกสาวก็อายุ 30 แล้ว มันคือมองไปถึงอนาคตว่าจะได้แต่งงานกันเลย ไม่ใช่ว่า คบกันไปดูกันไปเล่นๆ แล้วจะพาพ่อแม่มาเจอกัน มันไม่ใช่อ่ะค่ะ เราเคยพาแฟนไปเจอญาติๆครั้งนึง หลังจากนั้น ญาติๆก็ถามมาตลอด เมื่อไรเราจะมีข่าวดี ป้าๆจะตัดชุดสวยๆรอ ฉะนั้น สำหรับทางบ้านเรา เค้ามองว่า คบกันก็จะได้แต่งงานกัน ถ้าลูกหลานรักชอบกัน ผู้ใหญ่เค้าก็ดีใจ เอ็นดูกันหมดค่ะ
แต่กับคุณแม่เค้า บอกเราว่าให้ดูกันไปก่อน แล้วเตือนลูกชายให้ตัดสินใจดีๆ เราก็งง และเสียใจด้วย เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำงานตำแหน่งดี การศึกษาดี ครอบครัวมีหน้าตาในสังคม ไม่ด้อยกว่าใครเลย พื้นฐานนิสัยเราก็เป็นคนที่ใจดีมากๆ เพื่อนฝูงรักเรามากมาย เราเลยไม่คิดว่า จะมีคนที่ไม่เอ็นดูเรา เราช๊อคอ่ะค่ะ ปกติ ผู้ใหญ่ที่ทำงานก็ชอบเรา เราไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็มีคนรักเอ็นดูเรา คือเรามั่นใจว่าเป็นคนดีมาตลอดนะ เลยผิดหวังมาก ที่มาเจอคนที่ไม่ได้เห็นคุณค่าในตัวเรา
จุดพีค :
เราด้วยความน้อยใจ ก็ส่งเมสเสสไปหาคุณแม่แฟนครั้งนึง เชิงตัดพ้อเล็กๆ ว่าเราขอโทษนะคะ ที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ จะเลื่อนเรื่องงานแต่งไปก่อนก็ได้ อะไรประมาณนี้ แต่เป็นการทำที่กลายเป็นเรื่องใหญ่มากๆค่ะ
คุณแม่เค้าโกรธเราใหญ่โตมาก หาว่าเราไม่เคารพเค้า เราก็เข้าไปขอโทษค่ะ เพราะเราไม่ตั้งใจจริงๆเราแค่น้อยใจ แต่หลังจากขอโทษ เค้าก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น เหตุการณนี้เกิดขึ้นปลายปีที่แล้ว หลังจากนั้นเราก็หายๆหน้าไป… พอปีใหม่ เราเข้าเยี่ยมคุณแม่แฟน เอากระเช้าไปไหว้ เค้าก็อวยพรเรา เรากับแฟนเลยเข้าใจไปเองว่า แม่เค้าน่าจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว … แฟนเราเลยเข้าไปเกริ่นๆว่าปีใหม่แล้ว อยากคุยเรื่องแต่งงานนะแม่ คุณแม่เค้าก็มึนตึงใส่เลยค่ะ บอกว่าไม่เห็นด้วยที่จะแต่งงานกับเรา… อ่าว
คือ เราก็เข้าใจนะ ถ้าเค้าจะไม่พอใจเราบ้าง แต่ถึงกับไม่ชอบเราไปเลย มันก็ งง อ่ะค่ะ เพราะที่ผ่านมา ก็ดูชอบเราดี..
พอลูกชายพูดเรื่องแต่งงาน ก็มองเราเปลี่ยนไปเลย ทำเหมือนเราจะไปแย่งความรัก มีคำวิจารณ์มาให้ได้ยินเสมอ
ปัจจุบัน ตึงเครียดสุด :
หลังจากเหตุการณ์ส่งเมสเสสนั้น ผ่านมา ก็เกินครึ่งปีแล้วค่ะ
ล่าสุดแฟนเรากับคุณแม่เค้า ก็มึนตึงใส่กันหนัก เราเลยขอนัดเข้าไปหา.. เพื่อจะกล่าวขอโทษ และขอให้เค้าให้โอกาสเราปรับปรุงตัว ถ้ามีอะไรที่เค้าไม่ชอบ
เราพยามพูดดีๆ อยากให้ทุกคนได้มาคุยกันดีๆเหมือนเดิม
แต่… สิ่งที่เราได้รับคือ คำต่อว่า มากมาย จนเราฟังแล้วร้องไห้มันตรงนั้นเลย เค้าบอกว่าลูกชายเปลี่ยนไป ไม่เชื่อฟังเค้า และไม่มีเวลาให้เค้า ไม่สนใจครอบครัว เป็นเพราะเรา…เค้า หาว่าเราไม่เข้าหาที่บ้านแฟนเลยตั้งแต่มีปัญหา แล้วถ้าเราอยากจะคบกับลูกเค้า เราต้องพิสูจน์ตัวเอง ต้องทำให้ที่บ้านผู้ชายยอมรับ แต่ที่พีคสุด คือ เค้าบอกว่า เค้าไม่เคยพบเคยเห็นผู้หญิงเข้าชาร์จบ้านผู้ชายเพื่อคุยเรืองแต่งงาน…เราแบบ…. โห ว่าเราแรงมาก เราแทบรับไม่ได้
จริงๆ คือเรารับไม่ได้เลยแหละค่ะ เราโตมาแบบ ผู้ใหญ่ทุกคน ญาติๆเราทุกคน รักเรามาก เอ็นดูเรามาก ไม่เคยมีใครมานั่งต่อว่าเรายาวๆ แบบนี้ เราเสียใจมากถึงมากที่สุด
เราไม่เข้าใจ ที่บอกว่า ผญ. พูดเรื่องแต่งงาน หรือเรื่องอยากมีลูก มันน่าเกลียดตรงไหน ??
คือ เราอ่ะ … เป็นผู้หญิงยุคใหม่ ที่บ้านเลี้ยงมาแบบ เท่าเทียมผู้ชายมากกกกก
ที่บ้านเรามีแต่ลูกสาว เค้าเลี้ยงมาแบบฝรั่งปนไทย
ดูแลลูกเต็มที่แบบคนไทย แต่ให้สิทธิ์ในการตัดสินใจต่างๆ เถียงพ่อแม่ได้แบบฝรั่ง
อะไรที่ผู้ใหญ่คิดว่าดี นั้น ไม่ใช้จะถูกต้องเสมอไป เราจึงเป็นคนพูดตรงๆ
แค่พูดตรงๆและจริงใจ
ความรู้สึกเราตอนนี้ :
เราเป็นคนพูดเพราะ ไม่พูดคำหยาบ เคารพผู้ใหญ่ และมีน้ำใจให้คนรอบข้างเสมอ (จริงๆนะ T-T) กับคุณแม่แฟน เวลาที่เค้าไหว้วานให้เราทำอะไรเล็กๆน้อยๆให้เราก็ทำให้ทันที ไม่เคยรีรอเลย และไม่เคยคิดหวังสื่งอื่นใด นอกจากมองไปที่อนาคตด้วยกันอย่างมีความสุขกับลูกชายเค้า เราเสียใจมากๆที่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้
ตอนนี้ แฟนเรากับเราเครียดกันมากๆ เพราะคุณแม่เค้าบอกว่า แต่งสามสิบกว่าก็ยังไม่สาย บางทีก็บอกว่า จะให้แต่ง บางทีก็บอกลูกเค้าว่าไม่เห็นด้วยที่จะแต่งกับเรา (คืออยากให้เลิกกันแหละ) แฟนเราเค้าก็รักเรา ไม่อยากเลิกกันแบบนี้ คนดีๆใช่ว่าจะได้เจอกันง่ายๆนี่นา
หลายๆคนแนะนำให้เลิก
หลายๆคนแนะนำให้สู้กันต่อ
หลายๆคนแนะนำให้ออกมาอยู่ด้วยกันเลย
คือเราอยากใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ ก่อนหน้าเหี่ยวอ่ะ ถ้าผ่านไปอีกหลายปี มันก็แก่ ตีนกาก็มา
แม้แต่คนที่คบกันสิบปีมีอะไรการันตีได้หรอว่าจะไม่ทิ้งกัน ? option ที่แนะนำให้ออกมาอยู่ด้วยกัน เราก็ไม่โอเค บ้านเราก็มีเกียรติ เราเป็นลูกสาวควรจะตบแต่งกันให้ถูกต้องตามประเพณีสิ
เราไม่โอเคมากๆ กับสถานการณ์นี้ ท้อใจมากค่ะ
รักลูกชายเราเข้าใจ
แต่หวงลูกชายเราไม่เข้าใจจริงๆค่ะ เราควรทำไงดี
ล่าสุด แฟนอยากจะเตรียมจัดงานแต่งกันเองเลย จัดเล็กๆแล้วย้ายออกมาอยู่ด้วยกัน
โอ๊ย มันต้องสตรองขนาดไหน เราเครียดมาก เรางงว่า เราไม่ดีอะไร ทำไม คุณแม่ไม่คุยกันดีๆคะ ไม่อยากเห็นงานมงคลหรอ จะได้แต่งตัวสวยๆ ได้ช่วยลูกๆจัดงานนะ แล้วอีกสองสามปีก็ได้อุ้มหลานคนแรก มันไม่ดีหรอ T-T
ใครเคยผ่านจุดนี้แล้วคลี่คลายโดยไม่ต้องรอไปอีกหลายปีบ้างมั๊ยคะ ? ขอคำแนะนำทีนะคะ
ปล. ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
แม่แฟน หวงลูกชายคนเดียวมากกก ไม่ยอมให้แต่งงานสักทีค่ะ ขอคำแนะนำทีค่ะ
ไม่เคยนึกว่าจะได้มาเขียนกระทู้แบบนี้ แต่เพราะสับสนมาก ไม่รู้จะปรึกษาใคร เคยเห็นแต่ในละคร ที่แม่สามีไม่ชอบสะใภ้ หรือแฟนลูก พอมาเกิดขึ้นกับตัวเอง งงเว่อค่ะ ขอคำแนะนำจากผู้มีปสก. ด้วยนะคะ รู้สึกเครียด ร้องไห้เป็นโอ่งเลยค่ะ
แนะนำตัวนะคะ ดิฉันอายุ 30 แล้วค่ะ(ยังไม่ชินกับตัวเลข 3 เท่าไหร่ 55 ) ส่วนแฟนอายุ 29 (จริงๆเราไม่ชอบเด็กกว่าแต่เรียนรุ่นเดียวกันเลยเข้าใจว่าอายุเท่ากัน)
เราเจอกันตอนเรียน ป โท ทำงานแล้วทั้งคู่ รู้จักกันสามปีกว่าแล้ว แต่คบกันเป็นแฟนจริงจังได้เกือบๆสองปี
ความสัมพันธ์ :
เล่าความสัมพันธ์ที่ผ่านมา เราทั้งสองคน ไปมาหาสู่ครอบครัวทั้งสองฝ่ายตลอด แฟนเราชอบให้เราไปทานข้าวกับที่บ้านเค้าอยู่บ่อยๆค่ะ เราชอบคุณพ่อคุณแม่ของเค้านะ ฝั่งคุณแม่เค้าก็ดูhappy กับเราดี เคยชมว่าเราทำงานเก่ง เป็นต้น เราพยายามเข้าใจคุณแม่เค้า ว่ารักและหวงลูกมาก แฟนเราเป็นลูกคนเดียว และสนิทกับคุณแม่ เค้าอยู่บ้านกับแม่มาตลอด ต่างจากเราที่เป็นเด็กหอ ตั้งแต่ ป ตรี ก้อยู่หอพัก และพอเรียนจบทำงาน ก็เช่าหออยู่มาตลอด กลับบ้านเดือนละครั้งสองครั้ง พ่อแม่เราก็ชิวๆค่ะ เราเองเป็นคนความฝันเยอะ พ่อแม่ให้อิสระเต็มที่ ก็ตามความฝันไป ทั้งทำงานต่างประเทศ และไปเรียนต่อ ตปท มาแล้ว และตอนนี้ เราก็กะจะอยู่ไทยถาวร ลงหลักปักฐาน ทำงาน และอยากมีชีวิตครอบครัว
แฟนเราบอกว่า ถ้าแต่งงาน ต้องแต่งเข้านะ โดยส่วนตัวเราไม่ชอบการแต่งเข้าครอบครัวใหญ่ แต่เราก็ยอมรับแนวคิดนี้ได้ เพราะแฟนเราอยากดูแลคุณแม่ของเค้า ความกตัญญูเป็นสิ่งที่ดี เราก็ยอมค่ะ เรามองว่าเราจะเสียสละความเป็นส่วนตัวให้ก็ได้ค่ะ เพราะรักแฟน
ตอนคบกัน ครบ 1 ปี เราเริ่มคุยกันเรื่องแต่งงาน ยอมรับว่า คบกัน 1 ปี บางทีก็ดูตัดสินใจเร็วไป แต่ด้วยวัยวุฒิ ที่เรามีประสบการณ์ชีวิต และทำงานพึ่งพาตัวเองได้แล้ว เราว่ามันก็เหมาะสม ทั้งเรียนและงาน เราทำได้ดีมาตลอด สิ่งที่อยากทำในชีวิตก็ได้ทำมาครบหมดแล้ว
ตอนนี้ก็ถึงวัยที่เราอยากจะมีคนคอยอยู่เคียงข้าง ดูแลกันแค่นั้นเอง ความฝันเล็กๆของเรา คือ อยากมีลูกและเลี้ยงน้องหมาน่ารักๆสักตัว กลับบ้านก็มีคนกินข้าวเย็นเป็นเพื่อน so simple
แฟนเราเป็นคนดี รักเรา ให้เกียรติ ความคิดความอ่านใกล้เคียงกัน เข้ากันได้ดี เราเองก็เป็นเพื่อนคู่คิดที่ดีของเค้า เค้าชอบที่เราเป็นผู้หญิงที่ชอบทำงาน และบ้าบอพอๆกัน เรามีความตั้งใจดีนะที่จะช่วยกันสร้างอนาคตข้างหน้าร่วมกัน
จุดเริ่มต้นของปัญหา :
ความฝันของเราทั้งคู่ดูสวยงามดี จนกระทั่ง คุณแม่ของแฟนเรา บอกว่า ยังไม่เห็นด้วยที่ลูกชายคนเดียวจะแต่งงาน
แม่แฟน บอกว่า”เป็นห่วงลูก อยากให้ดูกันไปก่อน เพราะคนสมัยนี้ไม่อดทน อยู่กันไปไม่นานก็เลิกกันให้เห็นเยอะ แม่มีลูกคนเดียวก็เป็นห่วงไม่อยากให้ลูกเสียใจ อยากให้มั่นใจกันก่อน”
เราก็ฟังนะคะ เราเข้าใจ ถ้าผู้ใหญ่อาจจะเห็นว่ามันเร็วเกินไปกับคนที่เพิ่งคบกันปีกว่า … แต่เราก็อยากมีกำหนดการณ์ที่แน่นอน ไม่ใช้ให้รอไปเรื่อยๆ ยอมรับว่า ผญ. เลข 3 แล้ว รู้สึกว่าคบกันไปวันๆมันเสียเวลา
มีครั้งนึงที่แฟนเรา พาไปหาคุณแม่เค้า และบอกคุณแม่เค้าว่า เค้าอยากแต่งงานกับเรา ส่วนเราก็บอกว่าแต่งเร็วหน่อยก็ดีนะคะ เพราะหนูอยากมีลูกก่อนอายุ 35 เดี๋ยวจะไม่แข็งแร็ง หลังจากนั้น คุณแม่แฟนเราไปวิจารรณ์เราไม่ค่อยดี เราเสียใจมากเลย คุณแม่เค้ามองว่า เป็นผู้หญิงพูดจาแบบนี้ไม่เหมาะ เป็นผู้หญิงทำไมพูดไปไกลถึงเรื่องจะมีลูก แล้วก็ไปถามแฟนเราว่า ลูกชายเค้าอยากแต่งงานอยากมีลูกเนี่ย เป็นความต้องการของลูกชายไหม หรือเป็นความต้องการของเรา ….
หลังจากนั้น เราน้อยใจค่ะ เราเข้าใจมาตลอดว่า เราสนิทกับที่บ้านแฟน เราพาครอบครัวเรามาเจอกันแล้วถึงสองครั้ง สำหรับบ้านเรา ถือว่า การพาพ่อแม่มาเจอกันอย่างเป็นทางการแล้ว และลูกสาวก็อายุ 30 แล้ว มันคือมองไปถึงอนาคตว่าจะได้แต่งงานกันเลย ไม่ใช่ว่า คบกันไปดูกันไปเล่นๆ แล้วจะพาพ่อแม่มาเจอกัน มันไม่ใช่อ่ะค่ะ เราเคยพาแฟนไปเจอญาติๆครั้งนึง หลังจากนั้น ญาติๆก็ถามมาตลอด เมื่อไรเราจะมีข่าวดี ป้าๆจะตัดชุดสวยๆรอ ฉะนั้น สำหรับทางบ้านเรา เค้ามองว่า คบกันก็จะได้แต่งงานกัน ถ้าลูกหลานรักชอบกัน ผู้ใหญ่เค้าก็ดีใจ เอ็นดูกันหมดค่ะ
แต่กับคุณแม่เค้า บอกเราว่าให้ดูกันไปก่อน แล้วเตือนลูกชายให้ตัดสินใจดีๆ เราก็งง และเสียใจด้วย เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำงานตำแหน่งดี การศึกษาดี ครอบครัวมีหน้าตาในสังคม ไม่ด้อยกว่าใครเลย พื้นฐานนิสัยเราก็เป็นคนที่ใจดีมากๆ เพื่อนฝูงรักเรามากมาย เราเลยไม่คิดว่า จะมีคนที่ไม่เอ็นดูเรา เราช๊อคอ่ะค่ะ ปกติ ผู้ใหญ่ที่ทำงานก็ชอบเรา เราไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็มีคนรักเอ็นดูเรา คือเรามั่นใจว่าเป็นคนดีมาตลอดนะ เลยผิดหวังมาก ที่มาเจอคนที่ไม่ได้เห็นคุณค่าในตัวเรา
จุดพีค :
เราด้วยความน้อยใจ ก็ส่งเมสเสสไปหาคุณแม่แฟนครั้งนึง เชิงตัดพ้อเล็กๆ ว่าเราขอโทษนะคะ ที่ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ จะเลื่อนเรื่องงานแต่งไปก่อนก็ได้ อะไรประมาณนี้ แต่เป็นการทำที่กลายเป็นเรื่องใหญ่มากๆค่ะ
คุณแม่เค้าโกรธเราใหญ่โตมาก หาว่าเราไม่เคารพเค้า เราก็เข้าไปขอโทษค่ะ เพราะเราไม่ตั้งใจจริงๆเราแค่น้อยใจ แต่หลังจากขอโทษ เค้าก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้น เหตุการณนี้เกิดขึ้นปลายปีที่แล้ว หลังจากนั้นเราก็หายๆหน้าไป… พอปีใหม่ เราเข้าเยี่ยมคุณแม่แฟน เอากระเช้าไปไหว้ เค้าก็อวยพรเรา เรากับแฟนเลยเข้าใจไปเองว่า แม่เค้าน่าจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว … แฟนเราเลยเข้าไปเกริ่นๆว่าปีใหม่แล้ว อยากคุยเรื่องแต่งงานนะแม่ คุณแม่เค้าก็มึนตึงใส่เลยค่ะ บอกว่าไม่เห็นด้วยที่จะแต่งงานกับเรา… อ่าว
คือ เราก็เข้าใจนะ ถ้าเค้าจะไม่พอใจเราบ้าง แต่ถึงกับไม่ชอบเราไปเลย มันก็ งง อ่ะค่ะ เพราะที่ผ่านมา ก็ดูชอบเราดี..
พอลูกชายพูดเรื่องแต่งงาน ก็มองเราเปลี่ยนไปเลย ทำเหมือนเราจะไปแย่งความรัก มีคำวิจารณ์มาให้ได้ยินเสมอ
ปัจจุบัน ตึงเครียดสุด :
หลังจากเหตุการณ์ส่งเมสเสสนั้น ผ่านมา ก็เกินครึ่งปีแล้วค่ะ
ล่าสุดแฟนเรากับคุณแม่เค้า ก็มึนตึงใส่กันหนัก เราเลยขอนัดเข้าไปหา.. เพื่อจะกล่าวขอโทษ และขอให้เค้าให้โอกาสเราปรับปรุงตัว ถ้ามีอะไรที่เค้าไม่ชอบ
เราพยามพูดดีๆ อยากให้ทุกคนได้มาคุยกันดีๆเหมือนเดิม
แต่… สิ่งที่เราได้รับคือ คำต่อว่า มากมาย จนเราฟังแล้วร้องไห้มันตรงนั้นเลย เค้าบอกว่าลูกชายเปลี่ยนไป ไม่เชื่อฟังเค้า และไม่มีเวลาให้เค้า ไม่สนใจครอบครัว เป็นเพราะเรา…เค้า หาว่าเราไม่เข้าหาที่บ้านแฟนเลยตั้งแต่มีปัญหา แล้วถ้าเราอยากจะคบกับลูกเค้า เราต้องพิสูจน์ตัวเอง ต้องทำให้ที่บ้านผู้ชายยอมรับ แต่ที่พีคสุด คือ เค้าบอกว่า เค้าไม่เคยพบเคยเห็นผู้หญิงเข้าชาร์จบ้านผู้ชายเพื่อคุยเรืองแต่งงาน…เราแบบ…. โห ว่าเราแรงมาก เราแทบรับไม่ได้
จริงๆ คือเรารับไม่ได้เลยแหละค่ะ เราโตมาแบบ ผู้ใหญ่ทุกคน ญาติๆเราทุกคน รักเรามาก เอ็นดูเรามาก ไม่เคยมีใครมานั่งต่อว่าเรายาวๆ แบบนี้ เราเสียใจมากถึงมากที่สุด
เราไม่เข้าใจ ที่บอกว่า ผญ. พูดเรื่องแต่งงาน หรือเรื่องอยากมีลูก มันน่าเกลียดตรงไหน ??
คือ เราอ่ะ … เป็นผู้หญิงยุคใหม่ ที่บ้านเลี้ยงมาแบบ เท่าเทียมผู้ชายมากกกกก
ที่บ้านเรามีแต่ลูกสาว เค้าเลี้ยงมาแบบฝรั่งปนไทย
ดูแลลูกเต็มที่แบบคนไทย แต่ให้สิทธิ์ในการตัดสินใจต่างๆ เถียงพ่อแม่ได้แบบฝรั่ง
อะไรที่ผู้ใหญ่คิดว่าดี นั้น ไม่ใช้จะถูกต้องเสมอไป เราจึงเป็นคนพูดตรงๆ
แค่พูดตรงๆและจริงใจ
ความรู้สึกเราตอนนี้ :
เราเป็นคนพูดเพราะ ไม่พูดคำหยาบ เคารพผู้ใหญ่ และมีน้ำใจให้คนรอบข้างเสมอ (จริงๆนะ T-T) กับคุณแม่แฟน เวลาที่เค้าไหว้วานให้เราทำอะไรเล็กๆน้อยๆให้เราก็ทำให้ทันที ไม่เคยรีรอเลย และไม่เคยคิดหวังสื่งอื่นใด นอกจากมองไปที่อนาคตด้วยกันอย่างมีความสุขกับลูกชายเค้า เราเสียใจมากๆที่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้
ตอนนี้ แฟนเรากับเราเครียดกันมากๆ เพราะคุณแม่เค้าบอกว่า แต่งสามสิบกว่าก็ยังไม่สาย บางทีก็บอกว่า จะให้แต่ง บางทีก็บอกลูกเค้าว่าไม่เห็นด้วยที่จะแต่งกับเรา (คืออยากให้เลิกกันแหละ) แฟนเราเค้าก็รักเรา ไม่อยากเลิกกันแบบนี้ คนดีๆใช่ว่าจะได้เจอกันง่ายๆนี่นา
หลายๆคนแนะนำให้เลิก
หลายๆคนแนะนำให้สู้กันต่อ
หลายๆคนแนะนำให้ออกมาอยู่ด้วยกันเลย
คือเราอยากใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ ก่อนหน้าเหี่ยวอ่ะ ถ้าผ่านไปอีกหลายปี มันก็แก่ ตีนกาก็มา
แม้แต่คนที่คบกันสิบปีมีอะไรการันตีได้หรอว่าจะไม่ทิ้งกัน ? option ที่แนะนำให้ออกมาอยู่ด้วยกัน เราก็ไม่โอเค บ้านเราก็มีเกียรติ เราเป็นลูกสาวควรจะตบแต่งกันให้ถูกต้องตามประเพณีสิ
เราไม่โอเคมากๆ กับสถานการณ์นี้ ท้อใจมากค่ะ
รักลูกชายเราเข้าใจ
แต่หวงลูกชายเราไม่เข้าใจจริงๆค่ะ เราควรทำไงดี
ล่าสุด แฟนอยากจะเตรียมจัดงานแต่งกันเองเลย จัดเล็กๆแล้วย้ายออกมาอยู่ด้วยกัน
โอ๊ย มันต้องสตรองขนาดไหน เราเครียดมาก เรางงว่า เราไม่ดีอะไร ทำไม คุณแม่ไม่คุยกันดีๆคะ ไม่อยากเห็นงานมงคลหรอ จะได้แต่งตัวสวยๆ ได้ช่วยลูกๆจัดงานนะ แล้วอีกสองสามปีก็ได้อุ้มหลานคนแรก มันไม่ดีหรอ T-T
ใครเคยผ่านจุดนี้แล้วคลี่คลายโดยไม่ต้องรอไปอีกหลายปีบ้างมั๊ยคะ ? ขอคำแนะนำทีนะคะ
ปล. ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ