คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ยื่นคำร้องต่อศาล ขอพิสูจน์ DNA เพื่อสิทธิในการเป็นพ่อตามกฏหมายค่ะ ซึ่งจะตามมาด้วยข้อผูกมัดต่างๆด้วย เช่น หากเป็นบุตรชายการขึ้นทะเบียนทหารตามสิทธิฝ่ายพ่อ / การรับราชการในบางแห่งที่ต้องสืบสัญชาติทางฝั่งพ่อ / สิทธิการสืบสัญชาติตามพ่อ / สิทธิในการมีรหัส 13 หลักว่าควรขึ้นต้นด้วยเลขอะไร ก็ต้องดูทั้งพ่อและแม่ /สิทธิการรักษาพยาบาล / สิทธิการรับผลประโยชน์ต่างๆ และ มรดกที่ควรได้รับจากพ่อ / ฯลฯ
กรณีที่ทางฝ่ายหญิงปฏิเสธไม่ให้ตรวจ ตามกฏหมายเขาว่า ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า มีแนวโน้มเป็นไปตามที่คู่กรณีกล่าวไว้น่ะ ซึ่งก็คงเป็นผลไม่ดีต่อฝ่ายหญิงเท่าไหร่ แต่กว่าจะไปถึงจุดยื่นฟ้องต่อศาล มันก็ต้องมีมูลมาระดับนึงแหล่ะ ที่พอจะเชื่อได้ว่า มีความสัมพันธ์กันมาก่อน และเด็กมีแนวโน้มที่จะเป็นบุตรอยู่ ใช่ว่าจะไปอ้างกับใครมั่วๆก็ได้
หากผลออกมาว่าเกี่ยวข้องพ่อลูกกัน ศาลก็สั่งให้รับรองบุตรโดยศาลสั่ง แล้วนำไปยื่นกับทางเขตจดรับรองบุตรได้ค่ะ
คนเราเลิกราไปแล้ว ความเป็นแฟน / สามีภรรยาหมดลง ก็เป็นเรื่องส่วนตัวบุคคลนั้น แต่มันคนละความสัมพันธ์ พ่อกับลูก หรือ แม่กับลูก เพราะงั้นถ้าฝ่ายพ่อต้องการสิทธิในการเป็นพ่อของตน ก็ย่อมมีสิทธิเรียกตามกฏหมายน่ะ
ส่วนอีกฝั่งหากพบว่า แจ้งข้อมูลเกิดเท็จ ก็มีโทษในทางกฏหมายเช่นกัน เพราะมันเป็นเอกสารราชการ การที่ต้องถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญ จะเอาถูกใจคงไม่ได้ และมันก็มีเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ด้วยน่ะ จะมาสวมสิทธิพ่อสิทธิแม่กันก็ไม่ใช่ ถึงเจ้าตัวยินยอมก็ยังผิดกฏหมายอยู่ดี ยิ่งไม่ยินยอมนี่แล้วใหญ่เลย
อยากให้นาย B มารับดูแลด้วย ก็ต้องทำเป็นรับเป็นบุตรบุญธรรม และหากนาย B จะรักเอ็นดูเด็กคนนี้จริงๆ เป็นพ่อบุญธรรมก็ทำได้นะ.... อีกอย่างมันไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิ ไหนจะข้อมูลทางการแพทย์อีก พันธุกรรมต่างๆ การที่ลูกควรรู้ใครคือพ่อแท้จริง มันก็จำเป็น เผื่ออนาคตเจ็บป่วย จะได้สืบสาวพันธุกรรมโรคต่างๆได้ถูกต้อง เพื่อประเมินความเสี่ยงโรคและวางแผนการรักษา
กรณีที่ทางฝ่ายหญิงปฏิเสธไม่ให้ตรวจ ตามกฏหมายเขาว่า ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า มีแนวโน้มเป็นไปตามที่คู่กรณีกล่าวไว้น่ะ ซึ่งก็คงเป็นผลไม่ดีต่อฝ่ายหญิงเท่าไหร่ แต่กว่าจะไปถึงจุดยื่นฟ้องต่อศาล มันก็ต้องมีมูลมาระดับนึงแหล่ะ ที่พอจะเชื่อได้ว่า มีความสัมพันธ์กันมาก่อน และเด็กมีแนวโน้มที่จะเป็นบุตรอยู่ ใช่ว่าจะไปอ้างกับใครมั่วๆก็ได้
หากผลออกมาว่าเกี่ยวข้องพ่อลูกกัน ศาลก็สั่งให้รับรองบุตรโดยศาลสั่ง แล้วนำไปยื่นกับทางเขตจดรับรองบุตรได้ค่ะ
คนเราเลิกราไปแล้ว ความเป็นแฟน / สามีภรรยาหมดลง ก็เป็นเรื่องส่วนตัวบุคคลนั้น แต่มันคนละความสัมพันธ์ พ่อกับลูก หรือ แม่กับลูก เพราะงั้นถ้าฝ่ายพ่อต้องการสิทธิในการเป็นพ่อของตน ก็ย่อมมีสิทธิเรียกตามกฏหมายน่ะ
ส่วนอีกฝั่งหากพบว่า แจ้งข้อมูลเกิดเท็จ ก็มีโทษในทางกฏหมายเช่นกัน เพราะมันเป็นเอกสารราชการ การที่ต้องถูกต้องก็เป็นสิ่งสำคัญ จะเอาถูกใจคงไม่ได้ และมันก็มีเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ด้วยน่ะ จะมาสวมสิทธิพ่อสิทธิแม่กันก็ไม่ใช่ ถึงเจ้าตัวยินยอมก็ยังผิดกฏหมายอยู่ดี ยิ่งไม่ยินยอมนี่แล้วใหญ่เลย
อยากให้นาย B มารับดูแลด้วย ก็ต้องทำเป็นรับเป็นบุตรบุญธรรม และหากนาย B จะรักเอ็นดูเด็กคนนี้จริงๆ เป็นพ่อบุญธรรมก็ทำได้นะ.... อีกอย่างมันไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิ ไหนจะข้อมูลทางการแพทย์อีก พันธุกรรมต่างๆ การที่ลูกควรรู้ใครคือพ่อแท้จริง มันก็จำเป็น เผื่ออนาคตเจ็บป่วย จะได้สืบสาวพันธุกรรมโรคต่างๆได้ถูกต้อง เพื่อประเมินความเสี่ยงโรคและวางแผนการรักษา
แสดงความคิดเห็น
แม่เด็กไม่อยากให้พ่อเด็กตัวจริงรับผิดชอบลูก แต่ให้คนอื่นมารับผิดชอบแทน พ่อเด็กตัวจริงทำอะไรได้ไหมครับ
แต่นาง A ไม่ยอมให้นาย A มาเป็นพ่อเด็ก แต่ไปให้ นาย B มาเป็นพ่อเด็กแทน
นาย A สามารถฟ้องศาล ให้พิสูจน์ DNA เด็ก เพื่อ ทวงสิทธิ์ความเป็นพ่อได้ไหมครับ