ONEPLUS เป็นบริษัทที่มีจุดเด่นหลากหลายและที่เด่นมากๆคือ แต่แรกเริ่มนั้นมันทำออกมาสำหรับสายโมทั้งหลายซะมากกว่าและได้มีฉายาที่จำคุ้นหูกับใครหลายๆคน นั้นก็คือ นักฆ่าเรือธง เพราะด้วย สเปค และ ราคาของมันล้มเรือธงค่ายใหญ๋ๆได้สบาย และในยุคหลังๆนั้นก็ได้พัฒนา ทั้งงานประกอบ ระบบ ฟีเจอร์จนเรียกได้ว่า มันคือเรือธงที่สมบูรณ์แบบได้เลยเช่นกัน แต่เหมือนในยุคล่าสุด ฉายานี้เหมือนจะโดนคู่แข่งเริ่มเข้ามากินพื้นที่กันบ้างแล้ว อีกทั้ง Oneplus ได้อัพเกรดตัวเองไปสู้เรือธงอย่างเต็มตัวด้วยราคา วัสดุคุณภาพ ฟีเจอร์ที่เรียกได้ว่า เรือธง คุณภาพอีก แบรนด์ครับ และแน่นอนว่า ยังคงถูกใจสาวกอยู่เช่นเคยด้วยจุดเด่นมากมายที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ระบบหน้าตาเป็นต้น
สำหรับ Oneplus ตัวล่าสุดนี้พึ่งเปิดตัวไปไม่นาน เราจัดเครื่องหิ้วมาก่อนแล้ว และใช้งานซักพักจนมีอัพเดทล่าสุดเราจึงมารีวิวให้ชมกัน ครับ สำหรับตัวนี้เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นมากมาย และเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปจาก 5T ครับ เมื่อครั้งที่แล้วเรารีวิวและบ่นดีไซน์ไปในตัวก่อนที่เลียนแบบอีกค่ายไปเยอะมาก มาครั้งนี้เค้าปรับใหม่ ออกแบบอิงรุ่นเดิมและ ถือว่าทำได้ดีในด้านหลัง ทั้งวัสดุแบบใหม่การวางกล้องตรงกลางแบบเดิม และดีไซน์รวมๆถือว่าสวย อีกทั้งมาพร้อมกันน้ำสาด สเปคแรงขึ้น หน้าจอสวยขึ้น ขอบบางขึ้น รูหูฟังยังคงมีอยู่ และ กล้องที่พัฒนาขึ้น มีโหมด Super slow
จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งที่น่าจับต้อง และ น่าเล่น ได้สเปคแรง ระบบนิ่ง และ ราคายังถือว่าจับต้องได้นั้นเองครับผม สำหรับตัวนี้ อาจจะมีข่าวมาไทย เร็วๆนี้แต่เราสายหิ้วครับ ขอหิ้วมาใช้ก่อนเลยดีกว่าา
UNBOXING ONEPLUS 6
สำหรับในตัวกล่อง Oneplus นั้นตัวนี้ให้มาครบเช่นเคยพร้อมใช้งาน แต่ครั้งนี้มีสติกเกอร์มาให้ด้วย การออกแบบนั้นยังคงเอกลักษณ์ได้เช่นเดิมทั้ง โทนสีขาว แดง เป็นคู่สีที่แอดมินชอบมาก แดง-ขาว-ดำ ดูแตกต่างกว่าค่ายอื่น !
ตัวเครื่อง Oneplus 6
ตัวสายชาร์จ Dash Charge
Adaptor Dash Quickcharge
ตัวเคส TPU สีดำใส
คู่มือ
สติกเกอร์ โลโก้ ต่างๆ
ที่จิ้มซิม
ฟิลม์พลาสติก ติดมาแล้วบนตัวเครื่อง
ตัวเคสที่แถมมากับกล่องนั้นต้องบอกว่าเป็นแบรนด์ที่แถมเคสที่ค่อนข้างดีมากที่แอดมินเจอมา ทั้งวัสดุ และ การออกแบบ มีการคำนึงถึงหน้าจอ เวลาวางคว่ำไม่ให้จอโดนพื้น และ ขวามแข็งแรงทำได้ดีครับ แน่นพอดีมือถือมากๆ
DESIGN ONEPLUS 6
สำหรับการออกแบบทั้งตัวเครื่องตัวนี้มีการเปลี่ยนการออกแบบทั้งดีไซน์และวัสดุจาก 5T อย่างมากดีไซน์เริ่มเป็นตัวเองและเอกลักษณ์เดิมกลับมาหน้าจอนั้นมีการเปลี่ยนมาใช้ตามสมัยนิยม มีติ่งหน้าจอและขอบรอบๆบางขึ้นมีความโค้งมนในดีไซน์หน้าตาอย่างมาก ขนาดได้จอใหญ่ขึ้นในขนาดที่เล็กกว่าเดิม และ น้ำหนัก ถือว่าเบา และ บางทำได้ดีครับ
หน้าจอ ขนาดหน้าจออยู่มี่ 6.28 นิ้ว 2280×1080 อัตราส่วน19:9 Optic AMOLED ดีไซน์แบบ Full Optic Screen มีติ่งหน้าจอ แต่ปิดได้ ขนาดทำได้เหมาะมือในหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและทำสีได้สวยและสู้แสงได้ดีมาก
ด้านหน้าขอบบน หน้าจอแน่นอนว่ามีติ่งมาแล้ว เป็นที่อยู่ของ เซนเซอร์ ลำโพง และ กล้องหน้าครับ และ ข้างๆก็เป็น ไอคอน แจ้งเตือน และ สถานะ แบต ต่างๆครับ รวมถึงเวลา ทำให้ไม่ไปกินพื้นที่ข้างล่างเป็นข้อดีของจอ แบบนี้
ด้านล่าง ปุ่มในจอเช่นเดิม และ แน่นอนว่าพยายามทำให้บางเท่าที่จะทำได้แล้วเพราะจอ นั้นต้องมี ชิ้นส่วน พาแนล เชื่อมต่อต่างๆ ทำให้ไม่บางเท่าอีกค่ายได้นั้นเองครับ เพราะถ้าทำแบบนั้นจะทำให้แพง และ ตัวเครื่องหนา ครับผม
ด้านขอบล่างเครื่องดีไซน์ปัดเงา เป็นอีกแบรนด์ที่ มีรู 3.5 ต่อมาคือรูไมค์ ช่องแบบ TYPE-C และลำโพงหลัก ครับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง จะเห็นความบางของมันและ ดีไซน์กระจกหลังโค้งมาทำให้ขอบดูบางกว่าเดิม และ มีปุ่มเอกลักษณ์ Slider ที่จะสลับเปลี่ยนการแจ้งเตือน เงียบ สั่น ต่างๆ พร้อมกับปุ่ม Power ในด้านล่างติดกันครับ
ในส่วนของขอบบน ไม่มีอะไรมาก มีแค่รูไมค์ตัดเสียง แค่นั้น ตัวเครื่องจะมีความโค้งลงเล็กน้อย และ ความเงาของมัน
สำหรับด้านซ้าย จะเป็นช่องใส่ ถาดซิม Dualsim -Nano รองรับ 4G Dual Active และ ปุ่มเพิ่ม ลดเสียงครับ
สำหรับด้านหลัง เปลี่ยนการออกแบบชัดเจน และ เปลี่ยนวัสดุมาใช้กระจกโค้ง และ มีสแกนนิ้วหลัง และ กล้องหลังคู่ และ ไฟแฟลช เรียงกันไปครับ พร้อมโลโก้ และ เขียน Design by Oneplus ในล่างสุดของเครื่อง เล็กๆครับ กล้องหลังคู่ตัวนี้ยังคงมาร้อมเลนส์ 2 ตัวแต่ไม่ใช่ เทเล แบบรุ่น 5 แล้ว ให้ความละเอียด 16 + 20 ล้านพิกเซล
SPEC ONEPLUS 6
หน้าจอ Optic AMOLED ขนาด 6.28 นิ้ว อัตราส่วน 19:9
ความละเอียด 2280×1080 พิกเซล (Full HD+)
กระจก Corning Gorilla Glass 5
ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับ OXYGEN OS 5.1
CPU Snapdragon 845 – GPU Adreno 630
RAM 6GB และ 8GB LPDDR4X
ROM 64GB, 128GB และ 256GB UFS 2.1
ไม่รองรับ microSD Card
กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 16MP เซ็นเซอร์ Sony IMX519 + 20MP เซ็นเซอร์ Sony IMX376K ค่ารูรับแสง f/1.7 พร้อมกันสั่น OIS, EIS, HDR, บันทึกวิดีโอ 4K@60fps, สโลโมชั่น 720p@480fps
กล้องหน้าความละเอียด 16MP เซ็นเซอร์ Sony IMX371 ค่ารูรับแสง f/2.0
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้า
ตัวเครื่องเคลือบ Nano Coating กันน้ำกระเด็น หรือ ละอองน้ำสาดครับ
รองรับ 4×4 MIMO Cat.16/13 4CA, NFC, Bluetooth 5.0, USB C, ช่องหูฟัง 3.5 มม
แบตเตอรี่ความจุ 3,300 mAh รองรับ Dash Charge
ขนาดตัวเครื่อง 155.7×75.4×7.75 มิลลิเมตร น้ำหนัก 177 กรัม
PERFORMANCE
CPU ระดับสูงสุดของ Qualcomm แน่นอนว่าก็ทำคะแนนไปได้ถึง 284071 แรงมาก และ UFS 2.1 แน่นอนสำหรับหน่วยความจำ คะแนน 3D MARK ทดสอบสูงสุดได้ไป 4660 / 3464 และ Benchmark ได้ 2391 8598 สำหรับตัว CPU BENCHMARK ครับถือว่าทำได้สมราคาเรือธง และ CPU 845 ดึงออกมาได้เต็มที่มาก
SYSTEM UI
สำหรับหน้าตามาพร้อม Android 8.1 + Oxygen OS 5.1.6 เช่นเดิม หน้าตาอิง Pure Android อย่างมาก หน้าล็อคคล้ายเดิม หน้า โฮมต่างๆครับค่อนข้างเรียบง่ายและ ค่อนข้างไวในการใช้งาน และ Appdrawer ก็มีเหมือนเดิม
แน่นอนว่าลากลงมา 1 ครั้งเจอตั้งค่า ลากลงมาอีกรอบก็ เหมือนรุ่นอื่นๆที่ใช้ Android แต่อันนี้จะได้โทนสีดำมา และสำหรับการแบ่งหน้าจอนั้น ยังคงทำได้เช่นเดิม กดสี่เหลี่ยมค้างไว้ในแอพที่เราต้องการ หรือจะลากชิดขอบบนก็ได้
แป้นพิมพ์ ตัวนี้ใช้ของ Gboard อันนี้แอดมินชอบสุดละตัวนี้ ตัวระบบ ใช้งานได้ 116 ครับ และ RAM 8GB ใช้ไป 5 GB โดยเป็นการนับเฉลี่ย 1 วันที่แอดมินใช้งานปกติครับผม
ตัวหน้าจอ AMBIANT DISPLAY ก็สามารถปรับได้ 4 หน้าตา หลักๆครับ และจะติดต่อเมื่อยกขึ้นมา ไม่สามารถตั้งเปิดตลอดได้แล้ว เพราะเจอปัญหาแบตไหล / ธีมนั้น มีขาว กับ ดำ ครับ /ไฟ LED เปลี่ยนสีได้นะ ตามแจ้งเตือน
สำหรับ GESTURE นั้นมีมาครบสำหรับ เค้าหน้าจอ พลิกปิดเสียง ถ่ายหน้าจอ 3 นิ้ว วาดอักษรตรงหน้าจอ และ แถบสถานะแสดงเปอร์เซนต์แบตได้แล้วครับ หน้าจอ รอยบาก หรือ ติ่งสามารถปิดได้ครับจะทำแถบดำมาถมให้
Alert Slider ตั้งค่าได้ว่าเลื่อนอะไรทำอะไรบ้างครับ ปุ่มนำทางก็ทำหน้าที่ได้หลายอย่างถ้าเรากดค้างจะให้มันทำอะไรครับ ปุ่ม Power กด 2 ครั้งเข้ากล้องแบบเร็ว อะไรแบบนี้ปรับได้เยอะเลย และ ปุ่มนำทาง ปิดได้ และควบคุมแบบ iPhone X หรือ คล้ายๆของ VIVO นั้นเองครับ ทำให้เราสัมผัสเต็มจอได้ของจริง !
อันนี้แอดชอบ มันปรับ สั่นเรียกเข้าได้ ว่า จะสั่นแบบไหน นึกไม่ออก ออกเสียงตามมันดูสิ 5555 FACE UNLOCK ก็มีมาครับสแกนได้ไว และเร็วมาก ถ้ามือๆนั้นจะมีให้ตั้งจอขาวสว่างทำหน้าที่แบบแฟลชให้ด้วย เสียงปรับ EQ ได้ครับ เมื่อเราเสียบหูฟัง หรือจะเลือก ชนิดหูฟังของ 1+ เองได้ ครับ
SCREEN
สำหรับหน้าจอ OPTIC AMOLED 6.28 นิ้วความละเอียดแบบ FULLHD+ ทับด้วย Gorilla Glass 5 และ ความหนาแน่น 402ppi และ ยังรองรับ DCI-P3 แน่นอนว่าตัวสี AMOLED ทำให้สีที่ออกมาสดใสและสีดำนั้นดำสนิทมากๆครับ อีกทั้งในเรื่องของการสู้แสง กลางแจ้งทำได้ดีมากๆใช้งานได้สบาย อีกทั้งตอนหรี่ก็ถือว่ามืดได้ดีครับ โทนสีที่ให้ออกมาให้เวอร์เกินไป และ สามารถปรับได้ว่าจะเอา SRGB -DCI-P3 อะไรแบบนี้ครับ จุดนี้หน้าจอทำได้สวย ตัวติ่งหน้าจอนั้นก็สามารถปิดได้ หลังจากที่แอดมินใช้ก็ไม่เจออะไรขัดใจครับ ปิดได้และแอพก็ไม่ไปกินหน้าจอส่วนติ่ง
หน้าจอเมื่อปิดติ่งจะได้แบบในภาพครับผมซึ่งก็เป็นอีกจุดที่ทำให้คนไม่ชอบติ่งสบายใจได้และใช้งานเหมือนมือถือปกติแต่ระยะยาวต้องมาดูกันว่าส่วนตรงนั้นจะมีการเบิร์นหรืออะไรไหมถ้าเราเปิดไว้ตลอดครับผมเพราะจอแบบ AMOLED
AMBIANT DISPLAY
สำหรับหน้าจออันนี้นั้นก็ยังรองรับ Ambiant Display คือหน้าจอนั้นจะมีการติดแบบขาวดำ และ จะมีสีในตัวเลข 1 สีแดงเป็นเอกลักษณ์ครับ จะแจ้งเตือน เวลา ข้อความ และ ไอคอนการแจ้งเตือนต่างๆ และ เวันที่ครับ สามารถเปลี่ยนหน้าตาได้ 4 แบบหลักๆตามที่แจ้งไว้ในส่วนของ Software เลย จะเปลี่ยนหน้าตานาฬิกา การวางเป็นหลักครับผม
SOUND MUSIC
มาเรื่องของเพลงกันดีกว่า เห้ยนั่นมันรู 3.5 มม. ขอปรบมือค่ายนี้ยังไม่ตัดครับผม เป็นอีกจุดที่ทำให้หลายคนสนใจทั้งความสะดวกและชาร์จไปฟังเพลงไปได้ ( แต่ไม่แนะนำนะจริงๆ ) เรื่องของเสียงไม่ได้จุดเด่นมากนัก แต่มันก็แอบพัฒนาเงียบๆขึ้นมาที่เห็นได้ชัดคือ กำลังขับดีกว่าตัวก่อนครับ ขับหู Ibasso it01 ได้ดีทีเดียว แต่ต้องเปิดสูงนิดหน่อย และเรื่องของการขับเสียงทั้งหลายย่านก็ทำออกมาได้ดี แม้รายละเอียดจะไม่มากนักแต่ก็ไม่เลวร้ายครับ ตัวเสียงมี Software ปรับ ชนิดหูฟัง ปรับ EQ ได้ครับ และ ตั้งค่าได้นิดหน่อย เหมาะสำหรับ ฟังสนุกได้ ไม่ซีเรียสเรื่องคุณภาพมากนัก ฟังเพลงทั่วไปสบาย ดูหนังได้สบาย แต่ถ้าเน้นเรื่องคุณภาพ Hires ต่างๆนั้นตัวนี้อาจไม่ตอบโจทย์
[CR] รีวิว ONEPLUS 6 นักฆ่าเรือธง ที่ลงตัวกว่าเดิม พร้อมความแรงที่จับต้องได้ !
สำหรับ Oneplus ตัวล่าสุดนี้พึ่งเปิดตัวไปไม่นาน เราจัดเครื่องหิ้วมาก่อนแล้ว และใช้งานซักพักจนมีอัพเดทล่าสุดเราจึงมารีวิวให้ชมกัน ครับ สำหรับตัวนี้เปิดตัวมาด้วยจุดเด่นมากมาย และเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปจาก 5T ครับ เมื่อครั้งที่แล้วเรารีวิวและบ่นดีไซน์ไปในตัวก่อนที่เลียนแบบอีกค่ายไปเยอะมาก มาครั้งนี้เค้าปรับใหม่ ออกแบบอิงรุ่นเดิมและ ถือว่าทำได้ดีในด้านหลัง ทั้งวัสดุแบบใหม่การวางกล้องตรงกลางแบบเดิม และดีไซน์รวมๆถือว่าสวย อีกทั้งมาพร้อมกันน้ำสาด สเปคแรงขึ้น หน้าจอสวยขึ้น ขอบบางขึ้น รูหูฟังยังคงมีอยู่ และ กล้องที่พัฒนาขึ้น มีโหมด Super slow
จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งที่น่าจับต้อง และ น่าเล่น ได้สเปคแรง ระบบนิ่ง และ ราคายังถือว่าจับต้องได้นั้นเองครับผม สำหรับตัวนี้ อาจจะมีข่าวมาไทย เร็วๆนี้แต่เราสายหิ้วครับ ขอหิ้วมาใช้ก่อนเลยดีกว่าา
UNBOXING ONEPLUS 6
สำหรับในตัวกล่อง Oneplus นั้นตัวนี้ให้มาครบเช่นเคยพร้อมใช้งาน แต่ครั้งนี้มีสติกเกอร์มาให้ด้วย การออกแบบนั้นยังคงเอกลักษณ์ได้เช่นเดิมทั้ง โทนสีขาว แดง เป็นคู่สีที่แอดมินชอบมาก แดง-ขาว-ดำ ดูแตกต่างกว่าค่ายอื่น !
ตัวเครื่อง Oneplus 6
ตัวสายชาร์จ Dash Charge
Adaptor Dash Quickcharge
ตัวเคส TPU สีดำใส
คู่มือ
สติกเกอร์ โลโก้ ต่างๆ
ที่จิ้มซิม
ฟิลม์พลาสติก ติดมาแล้วบนตัวเครื่อง
ตัวเคสที่แถมมากับกล่องนั้นต้องบอกว่าเป็นแบรนด์ที่แถมเคสที่ค่อนข้างดีมากที่แอดมินเจอมา ทั้งวัสดุ และ การออกแบบ มีการคำนึงถึงหน้าจอ เวลาวางคว่ำไม่ให้จอโดนพื้น และ ขวามแข็งแรงทำได้ดีครับ แน่นพอดีมือถือมากๆ
DESIGN ONEPLUS 6
สำหรับการออกแบบทั้งตัวเครื่องตัวนี้มีการเปลี่ยนการออกแบบทั้งดีไซน์และวัสดุจาก 5T อย่างมากดีไซน์เริ่มเป็นตัวเองและเอกลักษณ์เดิมกลับมาหน้าจอนั้นมีการเปลี่ยนมาใช้ตามสมัยนิยม มีติ่งหน้าจอและขอบรอบๆบางขึ้นมีความโค้งมนในดีไซน์หน้าตาอย่างมาก ขนาดได้จอใหญ่ขึ้นในขนาดที่เล็กกว่าเดิม และ น้ำหนัก ถือว่าเบา และ บางทำได้ดีครับ
หน้าจอ ขนาดหน้าจออยู่มี่ 6.28 นิ้ว 2280×1080 อัตราส่วน19:9 Optic AMOLED ดีไซน์แบบ Full Optic Screen มีติ่งหน้าจอ แต่ปิดได้ ขนาดทำได้เหมาะมือในหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นและทำสีได้สวยและสู้แสงได้ดีมาก
ด้านหน้าขอบบน หน้าจอแน่นอนว่ามีติ่งมาแล้ว เป็นที่อยู่ของ เซนเซอร์ ลำโพง และ กล้องหน้าครับ และ ข้างๆก็เป็น ไอคอน แจ้งเตือน และ สถานะ แบต ต่างๆครับ รวมถึงเวลา ทำให้ไม่ไปกินพื้นที่ข้างล่างเป็นข้อดีของจอ แบบนี้
ด้านล่าง ปุ่มในจอเช่นเดิม และ แน่นอนว่าพยายามทำให้บางเท่าที่จะทำได้แล้วเพราะจอ นั้นต้องมี ชิ้นส่วน พาแนล เชื่อมต่อต่างๆ ทำให้ไม่บางเท่าอีกค่ายได้นั้นเองครับ เพราะถ้าทำแบบนั้นจะทำให้แพง และ ตัวเครื่องหนา ครับผม
ด้านขอบล่างเครื่องดีไซน์ปัดเงา เป็นอีกแบรนด์ที่ มีรู 3.5 ต่อมาคือรูไมค์ ช่องแบบ TYPE-C และลำโพงหลัก ครับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง จะเห็นความบางของมันและ ดีไซน์กระจกหลังโค้งมาทำให้ขอบดูบางกว่าเดิม และ มีปุ่มเอกลักษณ์ Slider ที่จะสลับเปลี่ยนการแจ้งเตือน เงียบ สั่น ต่างๆ พร้อมกับปุ่ม Power ในด้านล่างติดกันครับ
ในส่วนของขอบบน ไม่มีอะไรมาก มีแค่รูไมค์ตัดเสียง แค่นั้น ตัวเครื่องจะมีความโค้งลงเล็กน้อย และ ความเงาของมัน
สำหรับด้านซ้าย จะเป็นช่องใส่ ถาดซิม Dualsim -Nano รองรับ 4G Dual Active และ ปุ่มเพิ่ม ลดเสียงครับ
สำหรับด้านหลัง เปลี่ยนการออกแบบชัดเจน และ เปลี่ยนวัสดุมาใช้กระจกโค้ง และ มีสแกนนิ้วหลัง และ กล้องหลังคู่ และ ไฟแฟลช เรียงกันไปครับ พร้อมโลโก้ และ เขียน Design by Oneplus ในล่างสุดของเครื่อง เล็กๆครับ กล้องหลังคู่ตัวนี้ยังคงมาร้อมเลนส์ 2 ตัวแต่ไม่ใช่ เทเล แบบรุ่น 5 แล้ว ให้ความละเอียด 16 + 20 ล้านพิกเซล
SPEC ONEPLUS 6
หน้าจอ Optic AMOLED ขนาด 6.28 นิ้ว อัตราส่วน 19:9
ความละเอียด 2280×1080 พิกเซล (Full HD+)
กระจก Corning Gorilla Glass 5
ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 Oreo ครอบทับ OXYGEN OS 5.1
CPU Snapdragon 845 – GPU Adreno 630
RAM 6GB และ 8GB LPDDR4X
ROM 64GB, 128GB และ 256GB UFS 2.1
ไม่รองรับ microSD Card
กล้องหลังเลนส์คู่ความละเอียด 16MP เซ็นเซอร์ Sony IMX519 + 20MP เซ็นเซอร์ Sony IMX376K ค่ารูรับแสง f/1.7 พร้อมกันสั่น OIS, EIS, HDR, บันทึกวิดีโอ 4K@60fps, สโลโมชั่น 720p@480fps
กล้องหน้าความละเอียด 16MP เซ็นเซอร์ Sony IMX371 ค่ารูรับแสง f/2.0
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และสแกนใบหน้า
ตัวเครื่องเคลือบ Nano Coating กันน้ำกระเด็น หรือ ละอองน้ำสาดครับ
รองรับ 4×4 MIMO Cat.16/13 4CA, NFC, Bluetooth 5.0, USB C, ช่องหูฟัง 3.5 มม
แบตเตอรี่ความจุ 3,300 mAh รองรับ Dash Charge
ขนาดตัวเครื่อง 155.7×75.4×7.75 มิลลิเมตร น้ำหนัก 177 กรัม
PERFORMANCE
CPU ระดับสูงสุดของ Qualcomm แน่นอนว่าก็ทำคะแนนไปได้ถึง 284071 แรงมาก และ UFS 2.1 แน่นอนสำหรับหน่วยความจำ คะแนน 3D MARK ทดสอบสูงสุดได้ไป 4660 / 3464 และ Benchmark ได้ 2391 8598 สำหรับตัว CPU BENCHMARK ครับถือว่าทำได้สมราคาเรือธง และ CPU 845 ดึงออกมาได้เต็มที่มาก
SYSTEM UI
สำหรับหน้าตามาพร้อม Android 8.1 + Oxygen OS 5.1.6 เช่นเดิม หน้าตาอิง Pure Android อย่างมาก หน้าล็อคคล้ายเดิม หน้า โฮมต่างๆครับค่อนข้างเรียบง่ายและ ค่อนข้างไวในการใช้งาน และ Appdrawer ก็มีเหมือนเดิม
แน่นอนว่าลากลงมา 1 ครั้งเจอตั้งค่า ลากลงมาอีกรอบก็ เหมือนรุ่นอื่นๆที่ใช้ Android แต่อันนี้จะได้โทนสีดำมา และสำหรับการแบ่งหน้าจอนั้น ยังคงทำได้เช่นเดิม กดสี่เหลี่ยมค้างไว้ในแอพที่เราต้องการ หรือจะลากชิดขอบบนก็ได้
แป้นพิมพ์ ตัวนี้ใช้ของ Gboard อันนี้แอดมินชอบสุดละตัวนี้ ตัวระบบ ใช้งานได้ 116 ครับ และ RAM 8GB ใช้ไป 5 GB โดยเป็นการนับเฉลี่ย 1 วันที่แอดมินใช้งานปกติครับผม
ตัวหน้าจอ AMBIANT DISPLAY ก็สามารถปรับได้ 4 หน้าตา หลักๆครับ และจะติดต่อเมื่อยกขึ้นมา ไม่สามารถตั้งเปิดตลอดได้แล้ว เพราะเจอปัญหาแบตไหล / ธีมนั้น มีขาว กับ ดำ ครับ /ไฟ LED เปลี่ยนสีได้นะ ตามแจ้งเตือน
สำหรับ GESTURE นั้นมีมาครบสำหรับ เค้าหน้าจอ พลิกปิดเสียง ถ่ายหน้าจอ 3 นิ้ว วาดอักษรตรงหน้าจอ และ แถบสถานะแสดงเปอร์เซนต์แบตได้แล้วครับ หน้าจอ รอยบาก หรือ ติ่งสามารถปิดได้ครับจะทำแถบดำมาถมให้
Alert Slider ตั้งค่าได้ว่าเลื่อนอะไรทำอะไรบ้างครับ ปุ่มนำทางก็ทำหน้าที่ได้หลายอย่างถ้าเรากดค้างจะให้มันทำอะไรครับ ปุ่ม Power กด 2 ครั้งเข้ากล้องแบบเร็ว อะไรแบบนี้ปรับได้เยอะเลย และ ปุ่มนำทาง ปิดได้ และควบคุมแบบ iPhone X หรือ คล้ายๆของ VIVO นั้นเองครับ ทำให้เราสัมผัสเต็มจอได้ของจริง !
อันนี้แอดชอบ มันปรับ สั่นเรียกเข้าได้ ว่า จะสั่นแบบไหน นึกไม่ออก ออกเสียงตามมันดูสิ 5555 FACE UNLOCK ก็มีมาครับสแกนได้ไว และเร็วมาก ถ้ามือๆนั้นจะมีให้ตั้งจอขาวสว่างทำหน้าที่แบบแฟลชให้ด้วย เสียงปรับ EQ ได้ครับ เมื่อเราเสียบหูฟัง หรือจะเลือก ชนิดหูฟังของ 1+ เองได้ ครับ
SCREEN
สำหรับหน้าจอ OPTIC AMOLED 6.28 นิ้วความละเอียดแบบ FULLHD+ ทับด้วย Gorilla Glass 5 และ ความหนาแน่น 402ppi และ ยังรองรับ DCI-P3 แน่นอนว่าตัวสี AMOLED ทำให้สีที่ออกมาสดใสและสีดำนั้นดำสนิทมากๆครับ อีกทั้งในเรื่องของการสู้แสง กลางแจ้งทำได้ดีมากๆใช้งานได้สบาย อีกทั้งตอนหรี่ก็ถือว่ามืดได้ดีครับ โทนสีที่ให้ออกมาให้เวอร์เกินไป และ สามารถปรับได้ว่าจะเอา SRGB -DCI-P3 อะไรแบบนี้ครับ จุดนี้หน้าจอทำได้สวย ตัวติ่งหน้าจอนั้นก็สามารถปิดได้ หลังจากที่แอดมินใช้ก็ไม่เจออะไรขัดใจครับ ปิดได้และแอพก็ไม่ไปกินหน้าจอส่วนติ่ง
หน้าจอเมื่อปิดติ่งจะได้แบบในภาพครับผมซึ่งก็เป็นอีกจุดที่ทำให้คนไม่ชอบติ่งสบายใจได้และใช้งานเหมือนมือถือปกติแต่ระยะยาวต้องมาดูกันว่าส่วนตรงนั้นจะมีการเบิร์นหรืออะไรไหมถ้าเราเปิดไว้ตลอดครับผมเพราะจอแบบ AMOLED
AMBIANT DISPLAY
สำหรับหน้าจออันนี้นั้นก็ยังรองรับ Ambiant Display คือหน้าจอนั้นจะมีการติดแบบขาวดำ และ จะมีสีในตัวเลข 1 สีแดงเป็นเอกลักษณ์ครับ จะแจ้งเตือน เวลา ข้อความ และ ไอคอนการแจ้งเตือนต่างๆ และ เวันที่ครับ สามารถเปลี่ยนหน้าตาได้ 4 แบบหลักๆตามที่แจ้งไว้ในส่วนของ Software เลย จะเปลี่ยนหน้าตานาฬิกา การวางเป็นหลักครับผม
SOUND MUSIC
มาเรื่องของเพลงกันดีกว่า เห้ยนั่นมันรู 3.5 มม. ขอปรบมือค่ายนี้ยังไม่ตัดครับผม เป็นอีกจุดที่ทำให้หลายคนสนใจทั้งความสะดวกและชาร์จไปฟังเพลงไปได้ ( แต่ไม่แนะนำนะจริงๆ ) เรื่องของเสียงไม่ได้จุดเด่นมากนัก แต่มันก็แอบพัฒนาเงียบๆขึ้นมาที่เห็นได้ชัดคือ กำลังขับดีกว่าตัวก่อนครับ ขับหู Ibasso it01 ได้ดีทีเดียว แต่ต้องเปิดสูงนิดหน่อย และเรื่องของการขับเสียงทั้งหลายย่านก็ทำออกมาได้ดี แม้รายละเอียดจะไม่มากนักแต่ก็ไม่เลวร้ายครับ ตัวเสียงมี Software ปรับ ชนิดหูฟัง ปรับ EQ ได้ครับ และ ตั้งค่าได้นิดหน่อย เหมาะสำหรับ ฟังสนุกได้ ไม่ซีเรียสเรื่องคุณภาพมากนัก ฟังเพลงทั่วไปสบาย ดูหนังได้สบาย แต่ถ้าเน้นเรื่องคุณภาพ Hires ต่างๆนั้นตัวนี้อาจไม่ตอบโจทย์
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้